รีวิว All new Honda Accord ยนตรกรรมเหนือระดับ ประทับใจอย่างแรง!!
กว่า 37 ปีของความสำเร็จ (2519 – 2556) จนมาถึง เจนเนอเรชั่นที่ 9 ของ All new Honda Accord ยนตรกรรมระดับสูง จากค่าย Honda ที่ได้ทำการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยดีไซน์ใหม่ หรูหรา สง่างามทุกมุมมอง สัดส่วนเฉียบคมทุกตารางนิ้ว ผสานเทคโนโลยีเหนือระดับที่เน้นการใช้งานได้จริง
รถหรูจากค่ายแดนซามูไร มาพร้อมเครื่องยนต์ Earth Dreams ใหม่ ที่รองรับการใช้น้ำมันได้ถึง E85 ด้วยลุคที่ดูดี และหรูหรา จึงทำให้ All new Honda Accord กวาดรางวัลมากมายทั้งรถยนต์ที่มีความปลอดภัยเหนือระดับ Top Safety Pick Award 2013 รางวัล ความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากสำนักบริหารความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา
ทางเรา จึงไม่รอช้า นำเจ้า All new Honda Accord มาทดสอบ ให้ได้รู้กันไปเลยว่า All new Honda Accord คันนี้มีดีจริงอย่างที่เค้าว่าหรือเป่า?
รถที่ทางทีมงานนำมาทดสอบนั้น เป็น All new Honda Accord รุ่น 2.4 TECH รูปลักษณ์ภายนอก ที่ออกแบบดูสปอร์ตมากขึ้น และดูดี สง่างาม ซึ่งถูกสร้างสรรค์มาใหม่หมด ในทุกรายละเอียด ซึ่งถือว่าทำมาได้ดีเยี่ยม
– ด้วยขนาดตัวถังที่ถูกลดลงเล็กน้อย โดยมีความยาว 4,870 มิลลิเมตร (สั้นลงจากเดิม 76 มิลลิเมตร) ความสูง 1,465 มิลลิเมตร (เตี้ยลง 11 มิลลิเมตร) ระยะฐานล้อ 2,775 มิลลิเมตร (สั้นลง 25 มิลลิเมตร) แม้จะโดนลดขนาดตัวถังลง แต่ความรู้สึกยามมองเจ้า All new Honda Accord นั้นพูดได้คำเดียวว่า “สวยอ่ะ”
ทีมงานเริ่มทำการสำรวจรูปลักษณ์ภายนอกของเจ้า All new Honda Accord จากกระจังหน้าที่ดูดี ล้ำสมัย โลโก้อักษร H โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลาง สอดรับกับกระจังหน้าโครเมียมสามแถบได้อย่างลงตัว กันชนหน้าที่แฝงกลิ่นอายสปอร์ตนิดๆ แผงรังผึ้งที่ดูเข้ากันอยู่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยไฟตัดหมอกซ้ายขวา
ก้มมองดูที่ไฟหน้าจะพบกับหลอดไฟ LED Daylight เรียงรายสอดรับอยู่ข้างล่างของไฟส่องสว่างแบบโปรเจคเตอร์ ที่เป็นแบบดวงคู่ ขนาบด้วยไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว และไฟเลี้ยวซ้ายขวา ท่านรู้หรือไม่ว่า เป็นครั้งแรกของทางค่ายที่นำหลอดไฟ LED มาใช้
เส้นสายที่ดูดีจากการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ โดยเส้นสายบนกระโปรงหน้านั้นวิ่งมาจากขอบกระจกหน้า มารับกับกระจังหน้าโครเมียมเป็นรูปตัว U เส้นสายจากฐานของกระจกมองข้าง เชื่อมสายตามายังกรอบไฟหน้า และเส้นสายที่วิ่งมาจากซุ้มล้อ เชื่อมต่อกับเส้นสายที่อยู่บนกันชนใต้ไฟหน้า
เพ่งพิศพิจารณารูปลักษณ์จากทางด้านข้าง All new Honda Accord ถูกออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์ความเสียดทานที่ต่ำ จากการออกแบบที่ดูลู่ลมมากขึ้น กระจกหน้าผลักลมไปทางด้านหลังได้อย่างอ่อนช้อย ผสานการรีดลมจากเส้นสายด้านข้าง ที่วิ่งมาจากโป่งล้อหน้าผ่านมือจับประตูหน้าหลังจรดสุดไฟท้าย และเส้นสายจากปลายโป่งล้อหน้าผ่านล้อหลัง สิ้นสุดที่ปลายขอบกันชนท้าย
All new Honda Accord 2.4 TECH ใช้ล้ออัลลอยด์หน้าหลังขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง Michelin Pilot Sport ขนาด 235/40/18 ที่ให้ผลในเรื่องของความนุ่มนวลที่มากขึ้น เสากลางสีเปียโนแบล๊ค กระจกมองข้างไฟฟ้า
โดยกระจกมองข้างด้านซ้ายของตัวรถนั้น มาพร้อมกล้องที่ซ่อนอยู่ข้างใต้กรอบกระจก ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Honda LaneWatch แสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน
– บั้นท้ายของ All new Honda Accord เป็นจุดบรรจบของเส้นสายที่เชื่อมมาจากด้านหน้า กันชนหลังขนาดใหญ่ พร้อมไฟ LED สำหรับใช้ในไฟเบรกหลัง ชุดไฟท้ายเรียงตรงกันเป็นแนวเส้นเดียวกัน เว้นตรงกลางไว้สำหรับติดแผ่นป้ายทะเบียน
– เหนือสุดเป็นโลโก้ Honda ด้านซ้ายแปะโลโก้ Accord และด้านขวา แปะรุ่น 2.4 i-VTEC ส่วนล่างของกันชนฝังไฟเบรกรูปทรงเรียวยาวอีกหนึ่งคู่ซ้ายขวา ดูดีมีสไตล์ที่ตำแหน่งเหนือแถบโครเมียม ท่อไอเสียพร้อมครอบท่อทรงรีแบบสปอร์ต และใต้สุดเป็นแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ
ก้าวเท้าเข้าสู่ห้องโดยสาร ย้ายร่างกายเข้าสู่เบาะนั่ง รับสัมผัสผ่านเบาะหนัง ที่นุ่มสบายสักครู่ ทีมงานจึงเริ่มต้นทำการสำรวจ cockpit ในทันที โดยเริ่มจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า นั่นคือ พวงมาลัยนั่นเอง
พวงมาลัยของเจ้า All new Honda Accord คันนี้ เป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 4 ก้าน หุ้มหนังบางส่วน ตกแต่งลายไม้สีเข้มรอบๆ ปุ่มควบคุมต่างๆ และส่วนบนสุดของพวงมาลัย โลโก้ HONDA อลูมีเนียมแปะเด่นชัดตรงกลาง ถัดมาด้านล่างเล็กน้อย เป็นถุงลมนิรภัย รองรับการกระแทกกับพวงมาลัยในยามเกิดเหตุไม่คาดฝัน
ย้ายสายตามาทางด้านขวามือ เริ่มต้นสำรวจทางแผงประตูฝั่งคนขับ โดยแผงประตูบุหนังสัมผัสนิ่ม สีอ่อน (จุดสังเกตสีเขียวในรูป) เลื่อนมือมาเล็กน้อยก็เจอกับพลาสติกแข็งที่ทำสีเดียวกับหนังสีอ่อน (ส่วนที่เป็นพลาสติกทีมงานทำจุดสังเกตสีแดงในรูป) ถัดมาด้านล่างเป็นช่องสำหรับเก็บของจุกจิกทั่วไป
บริเวณข้างประตูมีที่เปิดปิดประตู ซึ่งตกแต่งรอบๆ ด้วยลายไม้สีอ่อนกว่า ถัดมาเป็นปุ่มควบคุมกระจกไฟฟ้ารอบคัน, ปุ่มล๊อกประตู, ล๊อกกระจก, ปุ่มสำหรับควบคุมกระจกมองหลัง และ Memory Seat สำหรับตั้งค่าของการปรับเบาะ เลื่อนสายตาขึ้นไปก็พบกับ ลำโพงทรงกลม หลบมุมอยู่บริเวณกระจกมองข้าง ที่พักแขนบริเวณที่วางศอกบุด้วยหนังสัมผัสอ่อนนุ่ม
เบาะนั่งหุ้มหนัง ปรับได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งที่นั่ง ใช้งานง่ายด้วยปุ่มปรับ 3 ปุ่ม คือ ปุ่มปรับเบาะรองนั่ง ปุ่มปรับพนักพิง และปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า โดยบริเวณตรงกลางของเบาะ มีเจาะเป็นรูเล็กๆ เพื่อระบายอากาศได้ดี
– สำรวจต่อกับแผงคอนโซลหน้า เริ่มที่ทางขวามือ จะพบกับปุ่มสีเขียว ที่เรียกว่า ECON ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของ HONDA จะช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง โดยระบบจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ ลิ้นปีกผีเสื้อ และระบบเกียร์ให้สัมพันธ์กันในขณะรถวิ่ง
– นอกจากนั้นยังปรับการทำงานของระบบปรับอากาศ และการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสาร ให้เหมาะกับอุณหภูมิภายนอกรถ ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
– มองลงมาทางด้านขวา เป็นปุ่มสำหรับปิดระบบควบคุมการทรงตัว ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมการลื่นไถล เพิ่มการยึดเกาะถนน และปุ่ม CMBS OFF เป็นปุ่มสำหรับปิดการเตือนการชน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งระบบที่มาช่วยสำหรับเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วลง เมื่อรถคันหน้าอยู่ใกล้เกินไป และในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสี่ยงมาก ระบบ CMBS จะทำการเบรกอย่างเต็มที่เพื่อลดความรุนแรงในการชน
ปุ่ม ENGINE START STOP สีแดง อยู่ที่ด้านซ้ายมือ ซึ่งทางช่างเทคนิค ได้บอกวิธีใช้งานที่ถูกต้องกับทางทีมงาน โดยเมื่อท่านนั่งในรถแล้ว กดปุ่ม 1 ครั้ง ระบบจะแสดงขึ้นมา และกดอีก 1 ครั้ง ระบบจะแสดงไฟมาตรวัดต่างๆ และสุดท้าย กดอีก 1 ครั้งพร้อมเหยียบเบรก เครื่องยนต์ก็จะถูกจุดระเบิดขึ้น
– บริเวณระหว่างพวงมาลัยกับมาตรวัด ด้านซ้ายมือเป็นที่อยู่ของสวิตช์ควบคุมที่ปัดน้ำฝน และ Paddle Shift – ส่วนทางขวามือนั้น เป็นสวิตช์เปิดปิดไฟเลี้ยว สวิตช์เปิดปิดไฟหน้า ไฟตัดหมอก ไฟสูง และ Paddle Shift +
– เมื่อเวลาท่านลืมปิดไฟหน้า แล้วออกจากรถไปแล้วนั้น เจ้า All new Honda Accord นั้นจะทำการปิดไฟหน้าให้โดยอัตโนมัติ เจ๋งป่ะล่ะ
ย้ายสายตามาทำการสำรวจแผงมาตรวัดกันบ้าง โดยตรงกลางนูนเด่นเป็นสง่า ตัวอักษรสีขาว ซึ่งเป็นมาตรวัดบอกความเร็ว มีหน่วยเป็นกิโลเมตรต่อชั่วโมง ตรงกลางเป็นจอแสดงผล รูปทรงกลม แสดงค่าต่างๆที่ใช้ในการขับขี่ รวมทั้งการเปิดปิดระบบช่วยเหลือต่างๆ
ซ้ายมือเป็นมาตรวัดบอกรอบเครื่อง ทางทีมงานสังเกตเห็นไฟ ECO แสดงอยู่เหนือมาตรนี้ ตรงกลางของมาตรวัด เป็นจอแสดงตำแหน่งของเกียร์
ขวามือเป็นมาตรวัดความร้อนและน้ำมันเชื้อเพลิง ตำแหน่งตรงกลางเป็นไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งจะเตือนท่านให้คาดเข็มขัดนิรภัย พร้อมเสียงเตือนบอกให้คาดเข็มขัดนิรภัยยามรถเคลื่อนตัวออกไป พร้อมไฟแสดงเบรกมือ และไฟแสดงค่าต่างของระบบช่วยเหลือที่เปิดใช้
ย้ายสายตามาทางกึ่งกลางคอนโซลหน้า พบกับจอแสดงผล TFT 8 นิ้ว ซึ่งค่อนข้างใหญ่ มองเห็นได้ชัดเจน สามารถควบคุมการทำงานได้จากพวงมาลัย ซึ่งประกอบด้วยฟังก์ชั่นหลัก 4 ฟังก์ชั่นคือ ระบบนำทาง โทรศัพท์ ระบบแสดงผลการขับขี่ และมัลติมีเดีย
i-MID หน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ ที่ตอบครบทุกความต้องการเพียงสั่งการจากพวงมาลัย สะดวกสบาย ปลอดภัย ไม่ต้องละสายตาระหว่างขับขี่ กระซิบอีกนิด ว่ามีภาษาไทยให้ใช้ด้วยนะ
ผ่านการควบคุมจากพวงมาลัย บนพวงมาลัยด้านซ้ายมือบนสุดจะเป็นปุ่ม Information Switch ปุ่มเลือกการแสดงข้อมูลบนหน้าจอ ถัดลงมาเป็น Audio Control Switch สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย และล่างสุดเป็น Hand Free Telephone Switch ปุ่มรับและวางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย
ด้านขวามือปุ่มบนสุดจะเป็นปุ่ม Cruise Control System ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ด้านล่างเป็น Multi Information Control Switch ปุ่มควบคุมหน้าแสดงข้อมูลการขับขี่ ซึ่งจะควบคุมระบบช่วยเหลือในการขับขี่ต่างๆ
– ถัดลงมาด้านล่างจากจอ TFT ท่านก็จะพบกับ หน้าจอสัมผัสสำหรับระบบขับกล่อมภายในรถ เหนือสุดเป็นช่องใส่แผ่นซีดี ด้านซ้ายของจอสัมผัส เป็นปุ่มปรับเสียงสำหรับคนนั่งข้าง ขนาบข้างซ้ายขวาด้วยช่องแอร์แยกส่วน ไฟสัญญาณฉุกเฉินสีแดงอยู่ตรงกลางด้านล่างของจอ
– สำหรับระบบขับกล่อมนั้น สามารถเล่นแผ่น DVD และ HDD เก็บไฟล์เพลงได้ขนาด 100 GB ทีมงานลองเปิดเพลงเล่นดูแล้ว บอกได้คำเดียวครับว่า เสนาะโสตมากๆ
ถัดลงมาอีกหน่อยก็จะเจอกับสวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศ ซึ่งด้านซ้ายและขวา เป็นปุ่มปรับอุณหภูมิแยกส่วนระหว่างที่นั่งด้านหน้า พร้อมจอแสดงผล
ด้านล่างสุดของกลุ่มสวิตช์ควบคุม เป็นสวิตช์สำหรับใช้งานฟังก์ชั่นในจอ TFT ตรงกลางเป็นปุ่มกลมสำหรับควบคุมหน้าจอ ซึ่งหากผู้ขับจะใช้งาน อาจจะต้องเอื้อมมือสักหน่อย พร้อมปุ่มควบคุมการใช้งานต่างๆ
ก่อนถึงคันเกียร์พบกับที่จุดบุหรี่ และกล่องสำหรับเขี่ยบุหรี่ มองเรื่อยมาถึงคันเกียร์ด้านฝั่งคนขับจะพบกับปุ่มเปิด-ปิดม่านด้านหลัง และช่องเก็บของ
กล่องเก็บของระหว่างที่นั่ง ดีไซน์ได้สวยงามโค้งมน ดูหรูหรา เดินด้ายตรงกลางตามแนวยาวของกล่อง สลักเปิดปิด สัมผัสนุ่มมือ สำรวจข้างในจะพบกับปริมาตรบรรจุที่ถือได้ว่า จุพอสมควร และจุดเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก AUX และช่องจ่ายไฟ 12V
มองเรื่อยมาที่พนักพิงของที่นั่งด้านข้างคนขับ จะพบกับสวิตช์ปรับเก้าอี้นั่ง สำหรับเบาะนั่งคนขับ แสดงถึงความใสใจของการออกแบบ ที่ไม่ให้คนขับต้องเอื้อมมืออย่างสุดเอื้อมไปปรับที่นั่ง
กล่องเก็บของด้านที่นั่งข้างคนขับ สลักเปิดปิดสัมผัสไม่ค่อยจะนุ่มมือสักเท่าไหร่ ช่องเก็บของภายในสามารถจุกระดาษได้ถึงขนาด A4 ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยกับความจุในระดับนี้
บริเวณเหนือศีรษะ จะพบกับไฟส่องแผนที่แยกซ้ายขวา ซึ่งสามารถเปิด-ปิดได้ด้วยการกดไปที่ตัวไฟ โดยเป็นจุดหนึ่งที่ทางทีมงานไม่ค่อยจะประทับใจเท่าไรนัก เพราะหากเปิดไฟทิ้งไว้นาน การปิดไฟ มันร้อนสะดุ้งนิ้วเลยอ่ะ!
ระหว่างไฟส่องแผนที่มีสวิตช์เปิด-ปิดซันรูฟ และ สวิตช์สำหรับตั้งค่าการเปิด-ปิดไฟเมื่อขณะเปิด-ปิดประตู ถัดมาเป็นกล่องสำหรับเก็บแว่นกันแดด ถัดไปอีกตรงกลางเป็นซันรูฟซึ่งมีขนาดกว้างพอสมควรเลยทีเดียว
เราย้ายมาสำรวจทางด้านหลังกันบ้าง เบาะหลังนั่งสบาย นุ่มนวลทุกสัมผัส แอร์หลังติดตั้งอยู่หลังกล่องเก็บของระหว่างที่นั่งด้านหน้า แยกส่วนระหว่างที่นั่งซ้ายขวา แอร์ทำงานเร็วและเย็นมากเลยครับ
ม่านบังแดดด้านข้างซ้ายขวาใช้ระบบแมนนวล นั่นคือ “มือ” นั่นเองครับ ในการดึงม่านเพื่อปิด ส่วนม่านด้านหลังนั้น เป็นแบบอัตโนมัติ กดปุ่มเปิด-ปิด จากด้านข้างคันเกียร์
มองไปด้านบนก็พบกับไฟส่องแผนที่แยกซ้ายขวาเหมือนด้านหน้า
ที่พักแขนฝังช่องวางแก้วน้ำไว้ สำหรับใช้งานได้สะดวกสำหรับคนนั่งด้านหลัง แถมยังสามารถเปิดไปหยิบของจากด้านหลังได้ด้วย ส่วนด้านหลังพนักพิงของเบาะหลังซ้ายขวานั้น จะมีช่องเปิดสำหรับล๊อกที่นั่งสำหรับเบาะเด็กอีกด้วย
ที่เก็บสัมภาระด้านหลัง มีปริมาตรความจุที่มีขนาดใหญ่มากพอสมควร กะประมาณโดยสายตา น่าจะบรรจุถุงกอล์ฟได้ถึงสองถุง พนักพิงด้านหลังสามารถพับลงได้สะดวกเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้วยการดึงก้านคันโยกที่ติดตั้งบริเวณห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย ส่วนพื้นที่ข้างล่างเป็นที่เก็บยางอะไหล่
แถม ที่เกี่ยวถุงกับข้าว, ร่มคันเล็ก, ไม่ให้กลิ้งไหลไปมา หรือของใช้อื่นๆ เพื่อจะได้หยิบใช้สะดวกและไม่กลิ้งไปมาระหว่างตอนขับรถครับ
เปิดฝากระโปรงหน้ามาจะพบกับเครื่องยนต์ DOHC i-VTEC 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร และแรงบิดสูงสุด 225 นิวตัน-เมตร 4,000 รอบต่อนาที ผลิตจากเทคโนโลยี Earth Dreams ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีสมรรถนะในการขับขี่ที่คล่องตัว ประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ
– All new Honda Accord มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด แบบ Grade Logic Control พร้อม Paddle Shift +/- ที่พวงมาลัย โดยมีโหมดการขับขี่มาให้เลือกใช้ถึงสองโหมด คือ โหมด D และ โหมด S
– ซึ่งในโหมด D นั้น เน้นการขับขี่ทั่วไป ตอบสนองความประหยัดและนุ่มนวลในการขับขี่ ส่วนโหมด S นั้น จะให้อารมณ์ในการขับขี่แบบสปอร์ต ซึ่งเพิ่มความจัดจ้านในการลากรอบ โดยใช้งานเพียง 4 เกียร์เท่านั้น
– ช่วงล่างของ All new Honda Accord ด้านหน้าเป็นแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังเป็นแบบอิสระมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง เสริม Hydro Bush และ Rebound สปริง
– เสริมความนุ่มนวลจากการเซ็ตช่วงล่างแบบสปอร์ต มีระยะยุบที่น้อยและคืนตัวเร็ว หยุดความแรงของรถด้วยระบบเบรกแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ
– กุญแจจะมีสองดอก คือ DRIVER 1 และ 2 ลักษณะเป็นรีโมทสีดำ ด้านหนึ่งเป็นปุ่มกดล๊อก ปลดล๊อก และเปิดฝาท้าย ส่วนอีกด้านหนึ่ง เป็นโลโก้ HONDA ชื่อ DRIVER 1 หรือ 2 และสลักสำหรับปลดล๊อกเอาดอกกุญแจออกมาจากรีโมท
– โดยรีโมทกุญแจที่มีสองดอกนั้น ได้แยกข้อมูลเรื่องตำแหน่งของเบาะนั่งอย่างชัดเจน โดยผู้ถือกุญแจ ก็สามารถ set ข้อมูลเบาะให้เหมาะสมของตัวเองได้ และเมื่อเข้าสู่ตัวรถ ข้อมูลทุกอย่างที่ได้ตั้งค่าไว้ ก็จะแสดงออกมา เบาะก็จะปรับเองโดยอัตโนมัติ (ใครที่ผลัดกันขับกับแฟนสะดวกมากครับ ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาปรับกันไป-มา)
– ซึ่งวิธีการตั้งค่านั้นไม่ยากเลย เพียงเข้าไปนั่งแล้วกดปุ่ม 1 หรือ 2 ปุ่มใดปุ่มหนึ่ง ที่แผงประตู เมื่อไฟสีเขียวแสดงออกมา จึงทำการปรับเบาะ ให้เข้ากับสรีระ แล้วกดปุ่ม SET ก็เป็นอันเสร็จสิ้นแล้วครับ
พลันที่กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ทางทีมงานสังเกตความนิ่งของเครื่องยนต์ ซึ่งต้องยอมรับกันเลยว่า เงียบมากๆ จริงๆ ครับ ก่อนออกตัว เหลือบเห็นไฟแสดงเตือนให้ปลดเบรกมือ จึงต้องก้มลงหาเบรกมือกันอีกครั้ง ว่าอยู่ตรงไหน? เจอแล้วครับ เบรกมืออยู่ตรงแป้นพักเท้าซ้าย สามารถใช้เท้าซ้ายเหยียบเพื่อปลดเบรกได้อย่างง่ายดายครับ
ทีมงานลองขับชิลไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วประมาณ 100-120 กม. เครื่องเดินเรียบ นิ่ง ทำให้การเร่งไม่สะดุด จึงทำให้ทะยานไปบนถนนโล่ง ได้อย่างไร้ที่ติ จริงๆ ทีมงานลองใช้ Paddle Shift สำหรับการเร่งแซง ซึ่งถือว่า ประทับใจมาก เร่งแซงได้ดั่งใจเลยทีเดียว ช่วงล่างรับแรงกระแทกได้ดีพอสมควร แน่นหนึบ เกาะถนนยามใช้ความเร็วสูงได้ดี
เราได้ทดลองเปิดใช้โหมด Cruise Control System ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ โดยตั้งความเร็วไว้ที่ 110 กม./ชม. สัมผัสได้เลยครับว่า สบายมากๆ ช่วงล่างแน่นหนึบ จิกโค้งลงสะพานได้อย่างแน่นหนึบ สมราคา เครื่องยนต์ตอบสนองได้ดีเยี่ยม
มีบางจังหวะที่มีรถเปลี่ยนเลนกะทันหันมา ระบบ CMBS ก็ทำงาน โดยจะเตือนการชนจากด้านหน้า ด้วยเรดาห์ พร้อมระบบช่วยเบรก ความเร็วของรถจึงถูกลดลงมาโดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องออกจากโหมด Cruise Control เลย ซึ่งถ้าหากรถเข้าใกล้ในระยะกระชั้นชิดขึ้น ระบบจะเตือนให้เบรก และถ้าหากอยู่ในระยะที่มีความเสี่ยงสูงมาก ระบบจะทำการช่วยเบรกครับ
– ต่อมาลองระบบ Honda LaneWatch ซึ่งเป็นระบบแสดงภาพมุมอับสายตา ขณะเปลี่ยนเลน หรือเปิดไฟเลี้ยวซ้าย ซึ่งช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย โดยจะใช้กล้องที่ติดอยู่ใต้กระจกมองหลังด้านซ้าย แสดงผลผ่านหน้าจอ 8 นิ้ว แม้ใช้งานในเวลากลางคืน ก็ไม่มีปัญหา โดยกล้องจะเพิ่มแสงให้มองเห็นได้อย่างสะดวก หรือแม้แต่อยากจะมองวิวจากมุมอับ ก็ทำได้ง่ายเพียงกดสวิตช์ที่บริเวณสวิตช์ไฟหน้าเท่านั้น
– ทดสอบกล้องถอยจอด ซึ่งเป็นกล้องส่องภาพจากด้านหลังรถ ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย โดยสามารถเลือกมุมมองของกล้องที่แตกต่างกันได้ ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และ มุมมองจากด้านบน
โดยประสิทธิภาพการขับขี่ที่ทางเราวัดได้ และใช้ค่าเฉลี่ย 3 ครั้งของการทดสอบมีดังนี้ครับ
วัดอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง ในโหมด D
อัตราเร่ง 0-60 กม./ชม. ทำได้ 6.02 วินาที
อัตราเร่ง 0-80 กม./ชม. ทำได้ 7.73 วินาที
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 10.88 วินาที
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน วัดโดยใช้โหมด D
ขับด้วยความเร็ว 70-80 กม./ชม. จอแสดงผล 13.6 กิโลเมตร/ลิตร
ขับด้วยความเร็ว 80-90 กม./ชม. จอแสดงผล 13.2 กิโลเมตร/ลิตร
ขับด้วยความเร็ว 90-100 กม./ชม. จอแสดงผล 11.5 กิโลเมตร/ลิตร
สรุป
ALL NEW HONDA ACCORD โดยรวมแล้วเราชื่นชอบโฉมใหม่นี้มากเลยครับ ภายนอกดูสปอร์ตมากขึ้น ภายในก็กว้างนั่งสบาย ตัวถังมีการออกแบบที่มีความแม่นยำในการขับขี่, การบังคับควบคุมง่ายสะดวกตอบสนองทันใจ, ความเงียบภายในห้องสารทำได้ดีกว่าเดิม ควบคู่กับทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ง่าย, การประหยัดน้ำมันที่เพิ่มขึ้น, ความปลอดภัยที่ครบครัน เพียบพร้อมไปอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ใช้งานง่าย คุ้มค่าจริงๆครับ ^__^
ขอขอบคุณ ทีมงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท Honda Automobile (Thailand) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถมาใช้ในการ TEST DRIVE
ถ้าข้อมูลนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
It’s great that you are getting ideas from this paragraph
as well as from our discussion made here.
Feel free to surf to my web site Le Livre de la sagesse pdf
ชอบ และ สน มากๆกับ allnew honda accord ครับ
สวยมากค่า >_< ชอบๆ