รีวิว Nissan Kicks e-Power ขับจริง 450 กม. อัตราเร่งจัดจ้านแบบรถ EV ส่วนจะประหยัดขนาดไหน..เดี๊ยวรู้กัน
All-New Nissan Kicks e-Power เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่สร้างกระแสร้อนแรงมาตั้งแต่ช่วงเปิดตัว แต่ทว่ายอดขายกลับยังไม่ปัง ซึ่งส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะหลายๆ ท่านยังไม่เข้าใจ และยังไม่ไว้ใจเทคโนโลยี e-Power ที่ถือเป็นเทคโนโลยีแห่งโลกยานยนต์รูปแบบใหม่ของโลก
แต่ทว่าหลังจากที่ได้ทดลองขับแล้ว ความคิดของคุณจะเปลี่ยนไป และผู้เขียนกล้ายืนยันเลยว่า นี่เป็น Compact SUV ที่โดดเด่นที่สุดในคลาส
โดยก่อนหน้านี้ ผู้เขียนก็เคยได้สัมผัสสมรรถนะการขับขี่มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยครั้งนั้นเป็นการขับทดสอบขับในสนาม แบบการจำลอง Station ต่างๆ ซึ่งก็เกิดความประทับใจมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัสแล้ว
แต่ทว่าก็ยังแอบเกิดคำถามขึ้นมาในใจ หากขับบนถนนจริงๆ ใช้งานจริงๆ หรือขับไกลออกต่างจังหวัด มันจะดีอย่างนี้ไหม หรือจะเก่งแต่ในสนามสั้นๆ ซึ่งวันนี้ได้คำตอบแล้ว
บทความทดสอบ Nissan Kicks ครั้งก่อน : รีวิว : สัมผัสแรก Nissan Kicks e-Power ขับดีเกินคาด อัตราเร่งทันใจ ใช่เลย!!
ทั้งนี้ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมทดสอบ All-New Nissan Kicks e-Power บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – ราชบุรี – กาญจนบุรี ซึ่งมีระยะทางไป-กลับกว่า 450 กม.
ที่ให้ได้ทดลองขับทั้งแบบรถติดในเมือง ไปจนถึงเส้นทางที่ต้องขึ้นเขา-ลงเขา เพื่อพิสูจน์สมรรถนะการขับขี่ให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย
สำหรับรายละเอียดของตัวรถ ผมเชื่อว่าหลายท่านในที่นี้ก็คงจะได้ทำความรู้จัก หรือมีข้อมูลที่ผ่านตากันบ้างแล้ว เพราะก็เปิดตัวมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร ซึ่งบทความนี้จะขอเล่าแต่ฟิลลิ่ง และสมรรถนะการขับขี่บนเส้นทางจริงที่ทดสอบมาเท่านั้น
แต่ถ้าใครอยากได้ข้อมูลสามารถดูจาก VDO และอ่านบทความเพิ่มเติมที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลย
แต่ความพิเศษสำหรับทริปนี้คือ ทีมงาน 9carthai.com ถูกจัดให้ได้ขับ All-New Nissan Kicks e-Power รุ่น Premier Edition ซึ่งเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษที่เปิดตัวตามออกมาในงาน Motor Show 2020
โดยมาพร้อมกับชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน ในจำนวนจำกัดเพียง 500 คัน กับราคาที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นท็อปสุด VL อีก 50,000 บาท ซึ่งจะได้รับชุดแต่งเพิ่มเติมดังนี้
ส่วนภายในที่เพิ่มเติมจากรุ่นมาตรฐาน ได้แก่
และสิ่งที่เป็นหัวใจหลักที่อยากจะอธิบายให้หลายท่านเข้าใจก็คือ เทคโนโลยี e-Power ของ All-New Nissan Kicks ซึ่งมันไม่ใช่ระบบ Hybrid แต่บางท่านอาจจะยังเข้าใจผิด โดยระบบขับเคลื่อนดังกล่าวถือเป็นระบบขับเคลื่อนรูปแบบใหม่ ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวส่งกำลังไปยังล้อ (Hybrid จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ในการส่งกำลัง)
โดย e-Power จะให้อัตราเร่งแบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า EV แต่จะมีเครื่องยนต์เป็นตัวปั่นกระแสไฟ จึงไม่ต้องเสียบชาร์จไฟจากภายนอก แค่เติมน้ำมันให้เครื่องยนต์สามารถปั่นไฟไปส่งกำลังที่มอเตอร์เท่านั้นเอง
โดย All-New Nissan Kicks e-Power จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ HR12 DE ขนาด 1.2 ลิตร สำหรับปั่นไฟ ทำงานร่วมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) แล้วส่งไปที่ Inverter ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวเปลี่ยนกระแสไฟให้เป็น AC หรือ DC และควบคุมการจ่ายกระแสไฟว่าจะส่งไปจัดเก็บที่ Battery หรือส่งไปขับเคลื่อนล้อที่ Motor
โดยกำลังขับเคลื่อนตัวรถทั้งหมดจะเป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้า EM57 AC3 Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตัน-เมตร โดยดึงพลังงานมาจากชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 kWh แบบ 4 โมดูล
อีกทั้ง All-New Nissan Kicks e-Power ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้งาน 4 รูปแบบ ได้แก่
ส่วนระบบความปลอดภัยของ All-New Nissan Kicks e-Power นั้น ถือว่าให้มาครบครันและจัดเต็มที่สุดในบรรดา B-SUV โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility และระบบความปลอดภัยมาตรฐานถึง 14 ฟังก์ชั่น ได้แก่
ส่วนระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ประกอบด้วย ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (Anti-lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรก (Electronic Brake Force Distribution System) และระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist) รวมไปถึงถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด
เอาละเมื่อรู้รายละเอียดของตัวรถกันแล้ว ก็มาว่ากันที่เรื่องของสมรรถนะการขับขี่กันดีกว่า โดยจุดเด่นของ All-New Nissan Kicks e-Power นั้น
ต้องบอกว่าเป็น B-SUV ที่มีอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจที่สุดในคลาส เหยียบเป็นมา ไม่รอรอบ ตัวรถพุ่งทะยานจาก 0 – 100 กม./ชม. ได้ในระยะเวลาเพียง 9 วินาที
ซึ่งบอกเลยว่าไม่มีคู่แข่งรุ่นไหนทำได้ อีกทั้งยังมีแรงบิดระดับ 260 นิวตัน-เมตร ที่ถือว่าเป็นแรงบิดที่สูงที่สุดในคลาส ที่ช่วยมอบอัตราเร่ง และพละกำลังในการเร่งแซงได้อย่างเด็ดขาด
สำหรับฟิลลิ่งด้านอัตราเร่ง บอกตรงๆ ว่า มันเหมือนกับการขับขี่อยู่บนรถยนต์ไฟฟ้า 100% เพียงแต่ว่าจะมีเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ให้ได้ยินอยู่บ้างก็เท่านั้น โดยผู้เขียนขอสรุปเป็นข้อดีหรือจุดเด่นของเทคโนโลยี e-Power ให้ดังนี้
1. อัตราเร่งดี เพราะ e-Power ใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อน ซึ่งไม่มีระบบส่งกำลังอื่นๆ มาเป็นตัวหน่วง ฉะนั้นสมรรถนะการขับขี่ หรือฟิลลิ่งจะเป็นแบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่เหยียบปุ๊บพลังมาเลย
2. พลังขับเคลื่อนที่เงียบไร้เสียงรบกวน ก็อารมณ์เดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า EV นั่นแหละ ที่มีเพียงชุดมอเตอร์ในการส่งกำลัง ทำให้มีความเงียบในการขับเคลื่อน แต่ระบบ e-Power จะมีเสียงการทำงานของเครื่องยนต์บ้างในบางครั้ง แต่ยังไงซะมันก็เงียบกว่ารถยนต์ธรรมดาทั่วไปอยู่ดี
3. ไม่ต้องชาร์จไฟ อันนี้สำคัญมาก เพราะหลายท่านอยากใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็จริง แต่กังวลเรื่องการชาร์จไฟ หรือสถานีชาร์จไฟต่างๆ ที่ยังรองรับไม่เพียงพอ แต่ทว่าระบบ e-Power นั้น แม้จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ใช้เครื่องยนต์ในการสร้างกระแสไฟได้ในตัว ทำให้ไม่มีระบบชาร์จไฟให้วุ่นวาย สามารถเติมน้ำมันตามปั้มได้อย่างรถทั่วๆ ไป
4. ประหยัดน้ำมัน เพราะเครื่องยนต์ไม่ได้มีการทำงานตลอดเวลา ฉะนั้น e-Power จึงให้อัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีกว่ารถทั่วๆ ไปแน่นอน ซึ่ง All-New Nissan Kicks e-Power มีอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในเกณฑ์ของ ECO Car เลยทีเดียว (23.8 กม./ลิตร และปล่อยไอเสีย Co2 ไม่เกิน 100 กรัม/กม.) แถมยังรองรับน้ำมัน E20 ด้วยนะ
ส่วนระบบช่วงล่างของ All-New Nissan Kicks e-Power นั้น ต้องบอกว่าเป็น B-SUV ที่เซ็ทช่วงล่างอยู่ในเกณฑ์กลางๆ คือไม่นุ่มไปจนย้วย แต่ก็ไม่ได้เฟิร์มจนเข้าโค้งแรงๆ แล้วเอาอยู่
ซึ่งช่วงล่างอยู่กึ่งกลางระหว่าง Honda HR-V กับ Toyota C-HR คือขับไม่เร็วมาก จะนั่งสบาย นุ่มนวล เงียบ ไม่กระเด้งหรือกระด้าง
แต่ถ้าขับเร็วมาก (120 กม./ชม. ขึ้นไป) แล้วเข้าโค้ง ก็จะมีอาการโยนให้ผู้ขับเหวอๆ อยู่บ้าง แต่เอาจริงๆ รถทรงนี้ก็คงไม่มีใครซัดตึงเข้าโค้งกันขนาดนั้นตลอดเวลาหรอกจริงไหม?
อีกหนึ่งจุดเด่นที่พิสูจน์ได้ก็คือ All-New Nissan Kicks e-Power นั้น เป็น B-SUV ที่มีความคล่องตัวสูง โดยทาง Nissan เคลมว่ามีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบที่สุดในคลาสที่ 5.1 เมตร
ช่วงแรกของการทดสอบเราได้เดินทางออกจากสาทร ซึ่งเป็นถนนที่มีการจราจรคับคั่ง จึงทำให้รู้ว่า Nissan Kicks e-Power นั้นให้การขับขี่ที่คล่องตัว ไม่แพ้กับรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ซึ่งจุดนี้แรงบิด และอัตราเร่งก็มีส่วนช่วยให้เรามุดได้สนุก
อีกทั้งระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่มีมาให้รอบคัน ก็ช่วยให้เราเปลี่ยนเลน หรือขับขี่ในเส้นทางแคบๆ ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วย
และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ระบบ One-Paddle ที่จะทำงานในโหมดการขับขี่แบบ S, ECO ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้แป้นคันเร่งในการเร่งความเร็ว – ลดความเร็ว และหยุดรถได้เพียงแป้นเดียว ซึ่งจะรู้สึกได้ชัดเจนในย่านความเร็วต่ำ
โดยตัวมอเตอร์จะค่อยๆ หน่วงการส่งกำลังที่ล้อจนรถหยุดสนิท ซึ่งคล้ายกับการทำงานในระบบ e-Paddle ของ Nissan Leaf แต่ใน All-New Nissan Kicks e-Power จะมีแรงฉุดของเครื่องยนต์ (แรง G) ที่น้อยกว่า ทำให้การชะลอรถนุ่มนวล ไม่หัวทิ่ม
ซึ่งเจ้า One-Paddle ใน All-New Nissan Kicks e-Power นั้นถือเป็นตัวช่วยสำคัญในจังหวะการจราจรที่ติดขัดในเมือง รวมไปถึงการขับลงเขา ซึ่งผู้ขับเพียงแค่ควบคุมที่แป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียวก็สามารถเร่งความเร็วและชะลอความเร็ว รวมถึงเบรกได้ แต่อาจจะต้องทำความคุ้นชินกับระบบสักระยะหนึ่งก่อนนะ
ปิดท้ายกันที่อัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจุดนี้เชื่อว่าหลายท่านก็คงอยากรู้ว่า จริงๆ แล้ว All-New Nissan Kicks e-Power เมื่อนำไปขับขี่บนเส้นทางจริงๆ ออกต่างจังหวัด ระยะทางรวมกว่า 450 กม.
จะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งจากหน้าปัดคันของผมที่ทำได้อยู่ที่ 15.8 กม./ลิตร ซึ่งก็ถือว่ามีความประหยัดที่เกินคาด (เพราะขับเร็วพอสมควร)
แต่!!! อัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดที่ทำได้จากพี่ๆ นักข่าวอีกคันหนึ่ง ปิดตัวเลขไปได้ที่ 17.9 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดมาก
และถ้าหาค่ากลางๆ ให้สำหรับทริปนี้ ผมมองว่าอัตราเฉลี่ยจะอยู่ที่ 16.5 กม./ลิตร
และนั่นก็คือรายละเอียดและสมรรถนะการขับขี่ของ All-New Nissan Kicks e-Power ที่เราได้ไปทดสอบมาในครั้งนี้ ซึ่งถ้าจะให้พูดถึงจุดสังเกตุหรือจุดที่มองว่ายังไม่สุด ก็คงจะเป็นในเรื่องของดีไซน์ภายในห้องโดยสารที่ดูคล้ายกับ Nissan Almera แม้ว่าจะมีการปรับวัสดุให้ดีกว่าก็ตาม
และอีกหนึ่งจุดก็คือหน้าจออินโฟเทนเมนท์ระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับแต่ระบบ Apple CarPlay ส่วนฝั่ง Android Auto ทาง Nissan บอกว่ารอก่อนกำลังอัปเดต
All-New Nissan Kicks e-Power มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ในราคา
All-New Nissan Kicks e-Power ทุกรุ่น มาพร้อมการ
– รับประกันรถใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
– รับประกันระบบ e-Power นาน 5 ปี หรือ 100,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
– รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เป็นเวลา 10 ปี หรือ 200,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
ดูตารางผ่อนคลิก >> ดูตารางผ่อน และโปรโมชั่นสุดพิเศษ NISSAN KICKS e-Power
บทความน่าอ่าน!!
รีวิว Honda City 1.0 VTEC Turbo รุ่นท็อปสุด RS มีดีแค่ไหน? ถึงกล้าขาย 7.39 แสนบาท ไปดูกัน
รีวิว Toyota Fortuner Legender ที่สุดของ PPV ขับหล่อก็ได้ ขับลุยก็ไปได้ดี
รีวิว All-New Suzuki XL7 อเนกประสงค์สำหรับครอบครัวยุคใหม่ ที่ต้องการไปได้มากกว่า
รีวิว All-New Toyota Corolla Cross ลองสั้นๆ ครั้งแรกในโลก บอกเลยดีเกินคาด!!
รีวิว : สัมผัสแรก Nissan Kicks e-Power ขับดีเกินคาด อัตราเร่งทันใจ ใช่เลย!!
รีวิว Toyota Hilux REVO Rocco 2020 บอกเลย Minorchange ครั้งนี้ เหนือกว่า All-New ค่ายอื่นเสียอีก
รีวิว All-New Mazda 3 ความลงตัวที่สง่างาม เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี ไม่ง้อขุมพลัง
รีวิว All-New Mazda CX-30 ครอสโอเวอร์ที่ร้อนแรงที่สุดในปฐพีนี้
รีวิว New Mazda 2 ขับมันส์กว่าเดิม เพิ่มเติมเทคโนโลยี ยืนหนึ่ง City Car 3 ปีติดต่อกัน
รีวิว All-New Nissan Almera เปลี่ยนทุกสิ่งที่เคยเชื่อ ก้าวสู่ยุคใหม่ Eco Car
รีวิว Mazda CX-30 ครอสโอเวอร์ยุคใหม่ ที่พร้อมเติมเต็มความสมบูรณ์แบบในชีวิต
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Nissan Kicks e-Power ขับจริง 450 กม. อัตราเร่งจัดจ้านแบบรถ EV ส่วนจะประหยัดขนาดไหน..เดี๊ยวรู้กัน "