Group Test : รีวิว All-New Toyota Altis Hybrid ยืนหนึ่งเรื่องความประหยัด อ็อพชั่นคุ้มค่าคุ้มราคา
รถยนต์ในกลุ่ม C-Segment นั้น ถือเป็นรถยุทธศาสตร์ของค่ายรถเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นรถที่มีอ็อพชั่น และสมรรถนะการขับขี่ที่พอเหมาะพอเจาะกับคนทุกเพศทุกวัย และเป็นรถยนต์ที่มีการแข่งขันกันสูงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่ง ณ ตอนนี้เห็นทีจะเหลือเพียง 3 ค่ายเท่านั้น ที่อยู่รอด และยังคงสู้กันอย่างดุเดือด
โดยหนึ่งในรถยนต์ที่ครองใจมหาชนชาวไทยมาอย่างยาวนานกว่าหลายทศวรรษ นั่นก็คือ Toyota Corolla Altis ซึ่งในเจเนอร์เรชั่นที่ 12 นี้ มาพร้อมกับขุมพลังใหม่แบบ Hybrid ที่เป็นจุดขาย และเปิดตัวมาในราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท
ในขณะที่รุ่นท็อปสุดอย่าง Hybrid High ก็มีราคาจำหน่ายที่แพงกว่ารุ่น 1.8G เจเนอร์เรชั่นก่อนเพียงไม่กี่พันบาท โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,099,000 บาท เท่านั้น ซึ่งถือเป็นรุ่นท็อปโมเดลที่ถูกที่สุดในตลาด C-Segment
หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา All-New Toyota Corolla Altis นั้น มียอดจองไปแล้วกว่า 3,600 คัน (ระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน) ซึ่งแบ่งสัดส่วนได้ 50:50 ระหว่างรุ่น Hybrid และรุ่นเครื่องยนต์ (ทั้งเครื่องยนต์ 1.6 และเครื่องยนต์ 1.8 รวมกัน) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่นั้น จะเทใจ และเปิดใจเลือกใช้รถยนต์ Hybrid มากขึ้น เพราะอย่างที่รู้กันครับว่า ยอดจองของรุ่น Limo เครื่องยนต์ 1.6 นั้น เป็นยอดจองของรถ Taxi หากตัดออกไปก็คงจะได้เห็นสัดส่วนของยอดจองรุ่น Hybrid ที่สูงกว่าอย่างชัดเจน
แล้วทำไมรุ่น Hybrid ถึงขายดี มันมีดีอย่างไร?
เชื่อว่าคำถามนี้ต้องมีผุดขึ้นมาในหัวอย่างแน่นอน ว่าเหตุใดถึงต้องเลือกใช้รุ่น Hybrid ประการแรกเลยคือ ประหยัดน้ำมัน ซึ่งเป็นจุดขายหลักขายเครื่องยนต์ระบบ Hybrid มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ ราคาจำหน่ายที่เข้าถึงง่ายขึ้น เหตุผลเพราะ รัฐบาลได้ลดภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ไฮบริดลง ทำให้มีราคาจำหน่ายที่ถูกกว่าแต่ก่อนเยอะ
ส่วนประการต่อมาคือ Toyota นั้น ได้เริ่มบุกเบิกเครื่องยนต์ Hybrid เจเนอร์เรชั่นที่ 4 ครั้งแรกในรุ่น C-HR ตามมาด้วย Camry ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนั้น ก็ได้รับการตอบรับที่ดีไม่แพ้กันสำหรับรุ่นเครื่องยนต์ Hybrid และยังไม่พบปัญหาจากการใช้งาน ทำให้ผู้บริโภคเปิดใจ และเชื่อมั่นในเครื่องยนต์ Hybrid มากขึ้น และปัจจัยสุดท้ายคือ Toyota กล้ารับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดนาน 5 ปี ซึ่งยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี จึงไม่ต้องแปลกใจว่าเหตุใด All-New Toyota Corolla Altis Hybrid นั้น ถึงมียอดจองที่สูงกว่ารุ่นเครื่องยนต์
หลังจากทำความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของ All-New Toyota Corolla Altis Hybrid กันพอสมควรแล้ว ก็มาทำความรู้จักกับข้อมูลของตัวรถกันบ้าง โดย All-New Toyota Corolla Altis Hybrid (และทุกรุ่นย่อย) นั้น มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมใหม่ TNGA แบบเดียวกันกับที่ใช้ใน C-HR และ Camry โดยมีรายละเอียดหลักๆ ดังนี้
สำหรับดีไซน์ภายนอกของ All-New Toyota Corolla Altis Hybrid ถูกปรับให้มีความหรูหราอย่างมีระดับมากยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมกับ ไฟหน้า LED Projector พร้อมระบบเปิด – ปิดอัตโนมัติ, ไฟ DRL แบบ LED, กระจังหน้าสีดำ ตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียม, คิ้วกันชนหน้า C-Shape โครเมียม, ไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17″
ทั้งนี้ในส่วนของรุ่น Hybrid ทั้งหมดนั้น บริเวณโลโก้ Toyota ทั้งด้านหน้า และด้านหลังจากถูกแต่งแต้มด้วยเส้นสายสีฟ้า รวมไปถึงในส่วนของไฟ DRL ก็จะมีเส้นสายสีฟ้าสอดแทรกอยู่ด้วยกัน
มิติตัวถังของ All-New Toyota Corolla Altis Hybrid
สำหรับภายในห้องโดยสารของ All-New Toyota Corolla Altis Hybrid มาพร้อมกับห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบาย ทั้งผู้โดยสารแถวหน้า และแถวหลัง มาในโทนสีดำที่ให้อารมณ์เรียบหรูมีระดับ วัสดุภายในถือว่าน่าพอใจตามสไตล์รถยนต์จาก Toyota ส่วนฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีต่างๆ ถือว่าให้มาอย่างครบถ้วน เริ่มจากฟังก์ชั่นใหม่ Head Up Display หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ (แบบเดียวกับ Mazda นั่นแหละ), Wireless Charger แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย, Auto Brake Hold ระบบหน่วงแรกเบรกอัตโนมัติ, Electric Parking Brake ระบบเบรกมือไฟฟ้า, ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และม่านบังเดือดที่กระจกหลัง
ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ ระบบ Push Start, มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีขนาด 7″, ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร nanoe ช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และยับยั้งเชื้อโรค, เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า (ไม่สามารถบันทึกตำแหน่งการนั่งได้เหมือนคู่แข่ง), ปิดท้ายด้วยหน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาด 8″ ที่รองรับระบบ Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigator และการเชื่อมต่อ T-CONNECT ทั้งนี้ All-New Toyota Corolla Altis Hybrid มีระบบ Wifi ในรถให้ใช้งานด้วยนะ
ด้านเครื่องยนต์ All-New Toyota Corolla Altis Hybrid มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร DOHC 16 วาล์ว ที่ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าชนิดมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 163 นิวตัน- เมตร ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Hybrid เจเนอร์เรชั่นที่ 4 ของ Toyota โดยมีการพัฒนาแบตเตอรี่ใหม่ ที่ติดตั้งไว้ใต้ที่นั่งเบาะหลัง โดยมีการปรับปรุงระบบระบายความร้อน และลดขนาดของแบตเตอรี่ลง โดยเมื่อทำงานร่วมกับเครื่องยนต์จะให้สมรรถนะสูงสุด 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ E-CVT โดยทาง Toyota เคลมว่าให้อัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร แต่จากการทดสอบ (แบบนักทดสอบขับ) ดีที่สุดทำได้ที่ 20 กม./ลิตร ส่วนน้อยที่สุดทำได้ที่ 17.1 กม./ลิตร ซึ่งค่าเฉลี่ยของการทดสอบครั้งนี้อยู่ที่ 19 กม./ลิตร ส่วนความเร็วสูงสุดถูกล็อคไว้ที่ 170 กม./ชม. เท่านั้น
เทคโนโลยีความปลอดภัยจัดเต็ม ได้แก่
ส่วนเทคโนโลยีที่เป็นไฮไลท์ของ All-New Toyota Corolla Altis Hybrid ได้แก่ ระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-Speed ที่ควบคุมความเร็วตามรถคันหน้าจนถึงจุดจอดนิ่ง 0 กม./ชม. และสามารถเร่งความเร็วกลับสู่ระดับที่ตั้งไว้ (เพียงช่วยแตะคันเร่งเบา 1 ครั้ง) ทำงานร่วมกับระบบ Lane Tracing Assist ที่ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ซึ่งจากการทดลองใช้จริง ถือว่าเป็นระบบที่ดีมากๆ สามารถตั้งระยะความห่างจากรถคันหน้าได้ 3 ระดับ ซึ่งตัวรถจะชะลอ และเบรกให้อัตโนมัติตามระยะห่างที่ตั้งไว้ และจะเร่งกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้เมื่อไม่มีสิ่งกรีดขวาง ทั้งนี้หากอยู่ในระยะ และมีเส้นแบ่งเลนที่ชัดเจน ระบบจะยังช่วยสามารถเข้าโค้งตามรถคันหน้าได้อีกด้วย โดยความเร็วสูงสุดที่ทดลองใช้ระบบนี้อยู่ที่ 120 กม./ชม. แต่ข้อแม้ของระบบนี้คือ ผู้ขับต้องจับพวงมาลัยตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัย
การทดสอบครั้งนี้ เริ่มต้นที่ Toyota Driving Experience Park ซึ่งเป็นสนามทดสอบรถยนต์โดยเฉพาะ โดยทาง Toyota ได้จัดเตรียม Station ไว้ให้ได้ทดสอบสมรรถนะของ All-New Toyota Corolla Altis Hybrid อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น สลาลม (Slalom), ทดสอบแบบเปลี่ยนเลนแบบกระทันหัน (LaneChange), ทดสอบอัตราเร่ง (Acceleration) พร้อมทดสอบระบบเบรก (ABS) และระบบช่วยเสริมแรงเบรก (Break Assist), ทดสอบระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) บนสภาพพื้นเปียกลื่น รวมไปถึงการทดสอบระบบช่วงล่างบนพื้นถนนที่ขรุขระ และทดลองใช้ระบบ Dynamic Radar Cruise Control ที่กล่าวไปข้างต้นว่าสามารถใช้งานได้จริง เบรกตามรถคันหน้าได้จริงหรือเปล่า
ซึ่งหลังจากที่ได้ทดสอบขับในสนามดังกล่าว พบว่า All-New Toyota Corolla Altis Hybrid นั้น ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของระบบช่วงล่าง ที่ให้การขับขี่ที่มั่นใจ และปลอดภัยยิ่งขึ้น ตัวรถมีอาการโยนน้อยกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน ช่วงล่างมีความนุ่มนวลในความเร็วต่ำ และมีความกระชับในการขับด้วยความเร็วสูง ระบบช่วยเหลือต่างๆ ที่ใส่มาให้นั้น สามารถทำงานได้จริงในสถานการณ์ต่างๆ ระบบเบรก ABS ถูกปรับให้มีความไวยิ่งขึ้น และสะท้านแป้นเบรกน้อยลง (เวลา ABS ทำงาน จะสั่นสะท้านที่แป้นเบรก) การเข้าโค้ง รัศมีวงเลี้ยว ทัศนวิสัยในการมองเห็น ถือว่าดีขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลพวงมาจากโครงสร้างตัวถังใหม่ TNGA นั่นเอง
หลังจากที่ได้ทดสอบระบบต่างๆ ของ All-New Toyota Corolla Altis Hybrid ก็ถึงคราวออกเดินทาง และทดลองขับในสภาพถนนจริงกันบ้าง สำหรับอัตราเร่งของรุ่น Hybrid นั้น จะมีความแตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ปกติเล็กน้อย ซึ่งถ้าใครเคยขับจะรู้ว่า คันเร่งนั้นจะมาดีในช่วงเหยียบถอนๆ หรือค่อยๆ เหยียบคันเร่งลึกลงไปเรื่อยๆ ซึ่งจะแตกต่างจะเครื่องยนต์ปกติ ที่เราสามารถ Kick Down เหยียบลงไปแบบมิดด้าม ตัวรถจะพุ่งทันที แต่สำหรับรุ่น Hybrid จะมีอาการตื้อๆ และขึ้นช้ากว่านิดหน่อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจากข้อมูลของทาง Toyota ระบุว่า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. มีระยะเวลาเฉลี่ยที่เท่ากันอยู่ที่ 12.6 วินาที ส่วนอัตราเร่งในช่วงความเร็วต่ำ (ค่อยๆ กดคันเร่ง) Hybrid จะทำได้ดีกว่านิดหน่อย แต่เมื่อรถลอยตัวระดับ 90 กม./ชม. ขึ้นไป รุ่นเครื่องยนต์ 1.8 จะทำอัตราเร่งต่อไปได้ดีกว่า
ภายในห้องโดยสารนั้น ต้องบอกว่ากว้างขวางนั่งสบายที่สุดในคลาส C-Segment ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะถ้าหากมันแคบ หรือนั่งลำบาก ก็คงไม่ถูกจับไปทำเป็นรถ Taxi เป็นแน่แท้ แต่ในรุ่นใหม่นี้ ความสูงของหลังคาจะเตี้ยลงกว่ารุ่นเดิมอยู่เล็กน้อย ซึ่งผู้โดยสารที่ตัวสูงอาจจะเข้า – ออกลำบากนิดหน่อย แต่ก็ยังนั่งได้สบายไม่ติดขัด ส่วนความสะดวกสบายมีให้ครบ ทั้งแอร์หลัง, ระบบ Wifi ภายในรถ, ระบบชาร์จมือถือ Wireless รวมไปถึงระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร nanoe ในส่วนของเบาะนั่ง มีความโอบกระชับรับกับสรีระได้เป็นอย่างดี คู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้าช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย พร้อมมีปุ่มปรับดันหลังให้อีกด้วย
การควบคุม และระบบช่วงล่างของ All-New Toyota Corolla Altis Hybrid ถือว่ามีความเฉียบคมกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะกับปรับจูนพวงมาลัยใหม่ ที่เบาขึ้นกว่ารุ่นก่อน โดยจะให้การขับขี่ที่คล่องตัวในย่านความเร็วต่ำ หรือการขับขี่ใช้งานในเมือง ส่วนในช่วงความเร็วสูงนั้น จะถูกปรับเซ็ทให้มีความหนัก และหน่วงขึ้น เพื่อความปลอดภัย
ระบบช่วงล่างด้านหลังถูกเปลี่ยนใหม่ จากคานแข็งเป็นแบบปีกนกอิสระ คอล์ยสปริง ซึ่งให้ความนุ่มนวลกว่าเดิม ส่วนในการขับขี่ด้วยความเร็วสูงนั้น ตัวรถจะมีอาการโคลง และอาการโยนที่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด โช้คอัพมีการซับตัวที่ดี จังหวะจั้มป์คอสะพานให้ตัวได้ดี ไม่โยนออกซ้าย-ขวา ช่วยลดอาการเวียนหัวของผู้ขับ และผู้โดยสาร ในเส้นทางที่มีโค้งเยอะได้อย่างแน่นอน
ข้อดีของ All-New Toyota Corolla Altis Hybrid
ข้อเสียของ All-New Toyota Corolla Altis Hybrid
ราคาจำหน่าย All-New Toyota Corolla Altis มีดังนี้
รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด
รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน
บทสรุป
โดยสรุปแล้วถือว่า All-New Toyota Corolla Altis Hybrid เป็นรถยนต์ซีดานที่คุ้มค่า และน่าจะถูกอกถูกใจผู้ใหญ่ที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ได้ต้องการอัตราเร่งที่หวือหวา หรือรวดเร็วจนเกินไป มีความประหยัดเป็นจุดขายหลัก ผสานกับความกว้างขวางสะดวกสบายในทุกที่นั่ง เหมาะแก่การเป็นรถยนต์หลักของครอบครัว ที่ใช้ทั้งทำงาน และเดินทางต่างจังหวัด มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน และแน่นอนเหตุผลหลักที่ทำให้ All-New Toyota Corolla Altis Hybrid ดูโดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาด ก็คือ ระบบ Hybrid ที่มาพร้อมราคาที่ถูกกว่ารุ่นท็อปของคู่แข่งในตลาดหลักแสน
รีวิว Chevrolet Colorado High Country Storm 4×4 เมื่อคำว่าสุด…มิอาจหยุดเราได้
รีวิว All-New Mazda CX-8 มาตรฐานอเนกประสงค์ยุคใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
รีวิว MG Extender สมาร์ทปิกอัพ ตัวถังใหญ่นั่งสบาย อ็อพชั่นมากมายเต็มคัน
รีวิว All-New Mazda 3 หรูหรา แต่ทรงพลัง อ็อพชั่นอัดแน่นเต็มคัน เทียบชั้นรถยุโรป
รีวิว All-New Chevrolet Captiva 2019 โดดเด่นอย่างมีสไตล์ สะดวกสบายทุกที่นั่ง
รีวิว Mitsubishi Pajero Sport 2019 ปรับลุคใหม่ ใส่อ็อพชั่น คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม
รีวิว NEW MG EXTENDER สัมผัสแรกกับกระบะพันธุ์ใหม่แห่งค่าย MG
รีวิว Honda Accord 2.0 Hybrid TECH เจ้าของค่าตัว 1.799 ล้านบาท มีดีที่ตรงไหน? ไปหาคำตอบกัน
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Group Test : รีวิว All-New Toyota Altis Hybrid ยืนหนึ่งเรื่องความประหยัด อ็อพชั่นคุ้มค่าคุ้มราคา "