เชฟโรเลต ครูซ ไมเนอร์เชนจ์ล่าสุดปี 2014 เป็นพัฒนาการอีกขั้นที่เข้าใกล้คำว่า “สมบูรณ์แบบ” มากขึ้นเรื่อยๆ ปรับปรุงหลายจุดให้ดีขึ้น จนเรียกว่า “เกือบไร้ที่ติ” ทำให้ ครูซ ได้รับความสนใจและมีคนชื่นชอบอยู่ไม่น้อย เพราะมีความแตกต่างอย่างเหนือชั้นซ่อนอยู่ภายใน หากได้ลอง ก็จะลืมรถจากคู่แข่งที่วิ่งกันเกลื่อนเมืองไปได้ในทันที
ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว และ 17 นิ้ว พร้อมมือจับประตูแบบโครเมียม เพิ่มความหรูหราแต่ยังคงความสปอร์ตไว้เช่นเดิม กันชนหน้า-หลังก็เปลี่ยนดีไซน์ใหม่ แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ โครเมียมที่ขอบร่องของไฟตัดหมอก สวยงามอย่างมากจริงๆ
กระจังหน้าขนาดใหญ่และสัญลักษณ์ Bow tie เป็นเอกลักษณ์ของเชฟโรเลตที่สวยงาม บวกกับไฟหน้ารูปทรงที่ดูดี ไม่เหมือนใคร กลายเป็นความลงตัวที่ไม่ต้องได้อย่างเสียอย่าง
กระจังหน้าขอบโครเมียมหรูหรา โลโก้ Bow tie สีทองล้อมขอบโครเมียมอย่างหนา แวววาวสวยงาม ที่ผู้ได้ครอบครองจะต้องหลงใหล คอยเช็ดทำความสะอาดโลโก้นี้ให้ดูดีอยู่เสมอ หากได้มองใกล้ๆ ด้วยสายตาตัวเอง จะรู้ว่าสวยจริงๆ มีมิติและเงางาม ต่างจากรถยนต์ยี่ห้ออื่น ที่เป็นเพียงโครเมียมธรรมดา
โคมไฟหน้าแบบ Halogen ที่คาดว่าขอกั๊กไฟหน้าแบบ Projector ไว้ใช้กับรุ่นใหม่ในอนาคต
ไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ หรูหราสวยงามด้วยขอบโครเมียม
ล้ออัลลอยแบบ 5 รู ขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น LTZ และขนาด 16 นิ้วในรุ่น LS กับ LT
กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ ไม่มีไฟเลี้ยวในตัว
ขอบกระจกและมือจับประตู มีแถบโครเมียมเพิ่มความหรูหรา
มาดูส่วนท้ายกันบ้าง
คิ้วท้ายโครเมียมขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์คู่แข่งในระดับเดียวกัน
ใต้คิ้วท้ายโครเมียม มีปุ่มกดเปิดฝาท้าย และเป็นช่องมือจับฝาท้ายในตัว ไม่มีกล้องมองหลังขณะถอยจอด
ไฟท้ายขนาดใหญ่มาก บางคนที่ไม่ชอบ ก็ติดตั้งไฟท้าย LED เลียนแบบรถยุโรปกันมากมาย กลายเป็นเรื่องสนุกของคนชอบตกแต่งรถกันไป เป็นข้อดีที่มีอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือกหลายแบบ
Sensor ถอยหลัง มีให้ในรุ่น 1.8 LT, 1.8 LTZ และ 2.0 LTZ
ไฟเบรคดวงที่ 3
กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ รูปทรงแหลมโฉบเฉี่ยว
มาดูภายในห้องโดยสารกันบ้าง เริ่มจากฝั่งคนขับกันก่อน ทันทีที่เปิดประตู สิ่งที่มองเห็นคือ ได้อารมณ์แบบรถสปอร์ตหรู แต่กลิ่นเบาะหนังรวมทั้งพลาสติกรุนแรงไปหน่อย บางคนอาจเวียนหัวได้เหมือนกัน สำหรับกลิ่นรถใหม่แบบนี้
รุ่น LTZ ตกแต่งภายในโทนสีน้ำตาล-ดำ สไตล์รถยุโรป ที่เปิดประตูดูโค้งมนล้ำอนาคต ปุ่มปรับกระจกไฟฟ้าใช้งานง่าย
ห้องโดยสารดูหรูหรา
พวงมาลัยและแผงควบคุม Dashboard ออกแบบให้มีรูปทรงคล้ายกัน เป็นรูปตัว V สวยงามมาก
ทัศนวิสัยในการขับขี่ค่อนข้างดี เสาหลังคาทั้งด้านซ้าย ขวา ไม่ค่อยบดบังมุมมองทำให้เลี้ยวสะดวก รวมทั้งถอยหลังได้สะดวก เสาหลังคาด้านหลังไม่หนาจนเกินไป แม้ว่าเบาะนั่งจะต่ำไปหน่อย เพราะเน้นความสปอร์ต หลังคารถไม่ใช่ทรงสูง
เบาะที่นั่งหนาและแน่น รองรับแผ่นหลังได้ดี ส่วนที่นั่งก็มีเบาะยาวรองใต้หัวเข่าได้อย่างพอดี ที่พิงศีรษะทำมุมได้เหมาะสม
ปุ่มล็อกประตูแบบกด-ดึง
สวิตช์ไฟหน้า อยู่ใต้ช่องแอร์ฝั่งคนขับ เป็นไฟหน้าที่เปิดปิดอัตโนมัติได้ด้วยเมื่อปรับไปที่ Auto
มาตรวัดสไตล์สปอร์ต พร้อมจอ LCD ขนาดเล็ก
พวงมาลัย 3 ก้านหุ้มหนัง จับได้กระชับมือดีมาก ควบคุมการเลี้ยวได้มั่นใจ
ปุ่มควบคุมระบบเสียงอยู่ด้านขวามือของก้านพวงมาลัย
ปุ่มควบคุม Cruise Control อยู่ฝั่งซ้ายมือของก้านพวงมาลัย
ช่องเก็บของแบบมีฝาปิดเหนือคอนโซลหน้า
ผนังประตูและ Dashboard ทำมุมสวยงาม โดยที่ไม่เกะกะขาหรือหัวเข่าของผู้โดยสาร
ช่องลมเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ สวยงามลงตัวดูทันสมัยกับเครื่องเสียงพร้อมจอแสดงข้อมูล
เครื่องเสียง วิทยุ FM/AM เครื่องเล่น CD พร้อมช่องต่อ USB และ Aux รวมทั้งเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธก็ได้
เครื่องปรับอากาศแบบดิจิตอล ใช้จอแสดงผลร่วมกับเครื่องเสียงด้านบน
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ฐานโครเมียมแวววาวสวยหรู ใกล้ฐานเกียร์เป็นช่องจ่ายไฟสำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือ
ที่วางแขนพร้อมช่องเก็บของ และเบรคมือที่ยื่นขึ้นมาสูงมาก อยู่ในตำแหน่งที่ไกลจากคนขับไปหน่อย
กระจกมองหลัง และไฟส่องแผนที่
กระจกส่องหน้าทั้งสองฝั่ง มีไฟส่องสว่างในตัว
เบรค คันเร่ง และคันโยกเปิดฝากระโปรงหน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้างซ่อนไว้ที่เบาะคู่หน้า
เบาะที่นั่งยาว เดินทางไม่เมื่อยล้า รองใต้เข่าช่วยผ่อนคลาย
ที่พิงศีรษะ ปรับระดับได้ ทำมุมเหมาะสม ไม่โน้มเอนไปข้างหน้าหรือข้างหลังมากเกินไปจนเกิดความรำคาญ
ประตูฝั่งห้องโดยสารตอนหลัง มีติดตั้งลำโพงไว้
เบาะที่นั่งขนาดใหญ่ หุ้มหนังเทียม ค่อนข้างแข็ง หนาแต่ไม่นุ่ม
ไม่มีช่องลมเครื่องปรับอากาศสำหรับผู่โดยสารตอนหลัง
Leg room กว้างพอตัว ระยะพื้นที่เหนือวางเท้าใต้เบาะหน้าได้นิดหน่อย
ช่องใส่หนังสือหรือเอกสารหลังเบาะคู่หน้า
ที่วางแขนแบบสั้นพร้อมช่องใส่ภาชนะเครื่องดื่ม
ไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร
ช่องใส่แว่นตาในฝั่งคนขับ
ตำแหน่งที่นั่งด้านหลังมีมือจับเหนือขอบประตูพร้อมตะขอแขวนเสื้อ
ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังกว้างเหลือเฟือ
ไฟส่องสว่างห้องเก็บสัมภาระ
ยางอะไหล่
ห้องเครื่อง
Cruze คันที่เราทดสอบ เป็นรุ่นท็อปสุุด นั่นคือ 2.0 LTZ เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ
Chevrolet Cruze มีให้เลือกรวม 7 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นที่ 752,000 บาท มีให้เลือก 5 สี สำหรับเครื่องยนต์ก็มีให้เลือกทั้ง เบนซิน 1.6, เบนซิน 1.8 และดีเซล 2.0 ลิตร ในส่วนของเบนซินนั้น รองรับน้ำมัน Gasohol E85 ด้วย
สรุปการทดสอบขับ CHEVROLET CRUZE
ประสบการณ์จากการทดสอบ Chevrolet Cruze 2.0 LTZ ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุด ใช้เครื่องยนต์คอมมอนเรล ดีเซล
คู่แข่งในระดับราคาใกล้เคียงกัน
ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ฝากกด LIKE + SHARE ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^__^
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Test Drive : รีวิว Chevrolet Cruze สวยล้ำ เท่สปอร์ต ทั้งภายในและภายนอก "