TEST DRIVE : รีวิว Chevrolet Trailblazer Adventure ทดสอบสุดโหด พิสูจน์ความแกร่งพร้อมลุย
ความน่าประทับใจที่เราอยากบอกต่อ ประสบการณ์ใหม่กับการเดินทางแบบ Exclusive trip กับ Advanture Test Drive เส้นทาง กรุงเทพฯ – เขาใหญ่ ทดสอบสมรรถนะสุดโหดของ Chevrolet Trailblazer ที่เหนือความคาดหมาย
เป็นความพิเศษอย่างยิ่ง ที่เราได้ทดสอบสมรรถนะของ Chevrolet Trailblazer แบบครบถ้วน ทั้งการใช้งานในตัวเมือง เดินทางไกลไปต่างจังหวัด ทดสอบในสนาม และสุดท้ายการทดสอบสำหรับขาลุยบนเส้นทางสุดโหด ทำให้เราได้เห็นถึงสมรรถนะ ประสิทธิภาพ ของ Trailblazer แบบเต็มๆ เป็นรถยนต์ที่น่าสนใจ เกินคาดหมาย เพราะก่อนหน้านี้ที่เคยเห็น Trailblazer วิ่งบนท้องถนน ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรแตกต่างจากรถยนต์ประเภท PPV ของคู่แข่ง
(1) ทำความรู้จักกับ Chevrolet Trailblazer
เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ (Chevrolet Trailblazer) สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองทุกสไตล์ของการขับขี่ พร้อมลุยทุกความท้าทายในทุกสภาพถนนแม้ใช้งานหนัก ตัวรถที่มีโครงสร้างแข็งแกร่ง มาพร้อมเครื่องยนต์ Duramax ใหม่ที่แรงแต่ประหยัดน้ำมัน ภายในที่หรูหรา สะดวกสบาย และโอ่โถง ด้วยห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง เบาะปรับพับได้ เพิ่มพื้นที่เก็บของ และความยืดหยุ่นในการใช้งาน มีระบบความบันเทิง MyLink ที่ทันสมัย เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือและสั่งงานได้สะดวก เล่นเพลงจากโทรศัพท์ได้ง่ายๆ
เทรลเบลเซอร์ มีราคาเริ่มต้นเพียง 9.99 แสนบาท มีให้เลือกมากกว่าใครถึง 7 สี แต่ละสี บอกเลยว่าสวยจนเลือกไม่ถูก นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือกสรรอีกมากมาย สำหรับนักแต่งรถ รับรองว่าสนุก!
เทรลเบลเซอร์รุ่นที่เราได้ใช้ทดสอบในการรีวิว เป็นรุ่นท็อปสุด คือ Trailblazer LTZ1 (2.8 4WD) ราคา 1.489 ล้านบาท ที่ใส่ออพชั่นแบบจัดเต็ม เพื่อความปลอดภัยสูงสุด และหรูหราระดับพรีเมียม
(2) ดีไซน์ภายนอก
กันชนกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ ดูทันสมัยและดุดันพอตัว
สัญลักษณ์โบว์ไท สีทองล้อมกรอบโครเมียม หรูหรา โดดเด่น
ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ขนาดเหมาะสม ไม่ใหญ่โตเกินไปจนน่าเกลียด ปรับระดับสูง-ต่ำได้จากภายใน
ไฟตัดหมอกพร้อมขอบโครเมียม
แผ่นกันโคลน ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว แวววาว และยางขนาด 265 / 60 R18
บันไดข้างเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกเกรด
กระจกมองข้างพร้อมฝาครอบโครเมียม พับได้ด้วยไฟฟ้า มีไฟเลี้ยวในตัว
โลโก้ Duramax ตัวหนามาก ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง
มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถพร้อมแถบโครเมียม
กุญแจรีโมทแบบพับได้ ระบบ Immobilizer
ขอบหน้าต่างโครเมียม
เสาอากาศและราวหลังคา
ท้ายรถดูสวยงาม มีเสน่ห์
ไฟท้าย LED สีแดง เรียงตัวสวยงาม
ตัวอักษรท้ายรถ ทั้งสองฝั่ง เป็นโครเมียม
ไฟตัดหมอกหลัง เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพราะมีความจำเป็นสำหรับการเดินทางในฤดูหนาว
ที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง และไฟเบรคดวงที่สาม
มือจับฝาท้าย
ใต้คิ้วโครเมียม มีกล้องช่วยมองขณะถอยหลัง
เซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง 4 จุด
(3) เครื่องยนต์ Duramax
เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ที่เงียบแต่ยังคงความแรงและยังประหยัดน้ำมัน คุณลักษณะที่เพิ่มขึ้นมี ระบบเทอร์โบแปรผัน, ระบบ Double Overhead Camshaft, ตัวปรับวาล์วอัตโนมัติ, ไส้กรองน้ำมันเครื่อง, ระบบ Common Rail แบบหัวฉีด Direct Injection และเพลาถ่วงสมดุล (สำหรับ 2.8L)
ความแรงที่ยังคงความประหยัดนั้นได้จากการพัฒนาของการใช้หัวฉีด Direct Injection มีระบบเทอร์โบแปรผันกับไส้กรองอากาศข้างระบบหล่อเย็นที่ช่วยปรับอุณหภูมิและความหนาแน่นของอากาศในเครื่องยนต์ เพื่อการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ ใหม่ ดีเซล 2.8 ลิตร คอมมอนเรล 4 สูบ 16 วาล์ว 200 แรงม้า ได้รับการพัฒนาแรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ / นาที แรงขึ้น ประหยัดขึ้น ด้วยระบบหัวฉีดไดเร็คอินเจคชั่น พร้อมเทอร์โบแปรผัน และระบบอินเตอร์คูลเลอร์ สร้างแรงบิดในรอบต่ำ ควบคุมด้วยเซอร์โวมอเตอร์ ที่สั่งการโดยสมองกล ECM (Engine Central Module) ให้สมรรถนะการขับขี่เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์ 2 อัตราทด และระบบ Active Select ให้คุณเปลี่ยนเกียร์ได้แม่นยำ และพร้อมลุยไปบนทุกเส้นทาง
(4) ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร
เริ่มต้นที่ประตูในฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า เล่นมุมในการออกแบบให้ดูแข็งแกร่ง ที่เปิดประตูแบบโครเมียม ตำแหน่งของสวิตช์กระจกก็อยู่ใกล้กัน แต่ไกลมือไปหน่อย
คันนี้ ตกแต่งห้องโดยสารแบบทูโทน
ช่องใส่ของแบบคู่
เข้าออกได้ค่อนข้างสะดวก ต้องปีนบันไดตามสไตล์รถ PPV ที่มีพื้นฐานโครงสร้างรถกระบะ
หัวเข่าไม่ชนฝาปิดช่องเก็บของ ยังเหลือพื้นที่อีกพอสมควร
เบาะหนังสีเบจเรียบๆ ไม่เน้นลายเส้นอะไร
วิทยุ MyLink หน้าจอขนาดทัชสกรีน 7 นิ้ว รองรับ Bluetooth Handfree พร้อมเครื่องเล่น CD / DVD / MP3 1 แผ่น และระบบนำทาง Navigator
ช่องเก็บของเหนือแผงคอนโซลแบบมีฝาปิด
กระจกมองหลัง
กระจกส่องหน้าพร้อมไฟส่องหน้า ทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ที่เก็บแว่นตาและไฟส่องแผนที่
เครื่องปรับอากาศระบบดิจิตอล ไฟเรืองแสงสีฟ้าน้ำทะเล
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดตกแต่งด้วยโครเมียม
เบรคมือ ปุ่มเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน และช่องใส่ภาชนะเครื่องดื่ม
ช่องเก็บของใต้ที่วางแขน
มาดูในฝั่งคนขับกันบ้าง
ห้องโดยสารตอนหน้า
สวิตช์กระจกและที่เปิดประตู
สวิตช์ปรับมุมกระจกมองข้าง
เบาะที่นั่งปรับไฟฟ้า
ที่พักเท้าซ้าย เบรค และคันเร่ง
สวิตช์ควบคุมการเปิดปิดไฟหน้า ปรับมุมไฟหน้า ถัดลงมาเป็นตัวเปิดฝากระโปรงหน้าและฝาถังน้ำมัน
ตำแหน่งที่ใช้เสียบกุญแจ เห็นได้ชัด ไม่ต้องคลำหา
พวงมาลัยพาวเวอร์หุ้มหนัง ปรับระดับสูงต่ำได้
สวิตช์ควบคุม Cruise Control
สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง
จอแสดงข้อมูลและมาตรวัดเรืองแสง
ช่องจ่ายไฟสำหรับ Car Charger 2 ตำแหน่ง และสวิตช์ควบคุมการทรงตัวของรถ
ที่พิงศีรษะ หนา แต่ไม่นุ่มเท่าไรนัก
เบาะพิงหลัง โอบสรีระแผ่นหลัง
ด้านหลังเบาะคู่หน้า มีช่องใส่หนังสือ
มีช่องจ่ายไฟสำหรับชาร์จอุปกรณ์ 1 ตำแหน่ง
ประตูห้องโดยสารตอนหลัง มีที่ใส่ขวดน้ำ และมีลำโพงฝังไว้ที่ประตู
บรรยากาศห้องโดยสาร ตำแหน่งที่นั่งที่ 3-5 นั่งได้สามคนแบบใกล้ชิด
ที่พิงศีรษะทั้งสามที่นั่ง สามารถปรับความสูงได้
เบาะรองก้น ดีไซน์เรียบๆ
พับเบาะที่นั่ง เพื่อเปิดทางเข้าไปยังที่นั่งในแถวหลังสุด ที่นั่งที่ 6-7
ที่นั่งในแถวหลังสุด สามารถพับให้แบนราบไปกับพื้นห้องเก็บสัมภาระได้เลย
ที่นั่งแถวกลางพับลงมาเพื่อเพิ่มพื้นที่ใส่สัมภาระได้อีก จะเห็นได้ว่าเป็นพื้นราบเสมอกันทั้งหมด
ใต้พื้นที่วางสัมภาระด้านหลัง เป็นกล่องเก็บของ แต่ไม่ลึกเท่าไร เพียงพอสำหรับการใส่เครื่องมือ-อุปกรณ์
เมื่อพับกลับมาเป็นที่นั่ง ก็ยังปรับเป็นที่วางแขนได้
ระบบปรับอากาศแยกส่วน เพิ่มระดับแรงลมให้กับที่นั่งสองแถวหลังได้เย็นทั่วถึง ปรับได้ตามความต้องการ
คอนโซลหน้า
ที่นั่งสูงเหมือนรถกระบะสมัยใหม่ มุมมองกว้างไกล ทัศนวิสัยดี
ที่นั่งในแถวหลังสุด นั่งได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไม่ค่อยมีปัญหาติดหัวเข่า มี Leg roomให้พอสมควร
พื้นที่วางสัมภาระหลังที่นั่งแถวหลังสุด
หูทั้งสองข้าง สำหรับดึงเพื่อพับลงอย่างง่ายๆ ไม่ต้องออกแรงพับเอง ใช้ระบบกลไก
ความสูงของหลังคาและตัวรถ ถือว่าเหมาะสมกำลังดี
มุมกว้างที่สุดของการเปิดประตูทั้ง 5 บาน ถ้ากว้างกว่านี้อีกหน่อย ก็น่าจะทำให้เข้าออกห้องโดยสารตอนหลังได้สะดวกมากขึ้น
ที่พิงศรีษะ สามารถปรับขึ้นลงได้หลายระดับ และถอดมาทำความสะอาดภายนอกรถได้
งัดจุดนี้เพื่อพับเบาะ ต้องออกแรงง้างพอสมควร
(5) ระบบเครื่องเสียงและระบบนำทาง
็Home screen ของระบบ เมนูสวยงาม ตัวอักษรอ่านง่าย ระบบสัมผัสทำงานไวดีปานกลาง
ระบุตำแหน่งได้ถูกต้อง
ทดสอบให้แสดงอู่รถยนต์ในพื้นที่ใกล้เคียง
กราฟฟิคสวยงาม ลูกเล่นค่อนข้างมาก
ฟังก์ชั่นของระบบแผนที่ ระบุสถานที่ที่ไปบ่อย หรือใส่เป็นพิกัดปลายทางตามค่า GPS ก็ได้
ทดสอบการค้นหาร้าน 7-eleven ในบริเวณใกล้เคียง
ประเภทของสถานที่มีหลายหลาย ถือว่าฐานข้อมูลระบบนำทาง ออกแบบมาดี
ระบุพิกัดปลายทางเองก็ได้ ใส่ค่าละติจูด ลองจิจูด
ป้อนค่าตัวเลขไม่ยาก แต่ภาษาไทยพิมพ์ลำบากหน่อย
โดยรวมถือว่ามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ดี ใช้งานง่ายอีกด้วย
เลือก Input ของเครื่องเสียง
วิทยุ ค้นหาสถานีได้เร็ว บันทึกสถานีได้ด้วยการกดค้างปุ่มที่ต้องการ Preset
ทดสอบการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ แล้วเล่นเพลงออนไลน์ผ่าน 3G
เลือก Input ถ้าให้สะดวกสุด ก็คงเป็นการเล่นเพลงบน USB Flashdrive
ช่องต่อ USB และ Aux ใต้ที่วางแขนคนขับ
ปรับโทนเสียงได้ด้วย Equalizer และปรับสมดุลเสียงภายในห้องโดยสาร 4 ทิศทาง
เมนูขั้นสูง เมื่อมีการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ และการตั้งค่าของระบบ
เมื่อมีการเข้าเกียร์ถอยหลัง จอภาพจะตัดการแสดงผลเป็นภาพจากกล้องมองหลังทันที พร้อมคำนวณระยะจอดจากองศาของการเลี้ยวได้ด้วย
(6) ระบบความปลอดภัย
Passive Safety
ปลอยภัยด้วยถุงลมนิรภัยคู่ SRS และเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ พร้อมพวงมาลัยนิรภัยยุบตัวอัตโนมัติ ช่วยลดแรงกระแทกในกรณีที่เกิดการชนจากด้านหน้า กระจกบังลมหน้านิรภัย 2 ชั้น จะช่วยยึดเศษกระจกไม่ให้แตกเป็นเศษคม และก่อให้เกิดการบาดเจ็บ
ฺระบบเบรค
มั่นใจทุกสภาพถนน ที่สุดแห่งความอุ่นใจ ด้วยระบบ Disc-Brake 4 ล้อ พร้อมระบบความปลอดภัยรอบคัน
ระบบที่จำเป็นสำหรับทางลาดชัน
็Hill Descent Control (HDC) ช่วยให้การลงเนินลาดชันมีความนุ่มนวลและควบคุมรถได้ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเหยียบเบรค และ Hill Start Assist (HSA) ช่วยป้องกันไม่ให้รถไหลจากทางขึ้นที่ลาดชัน ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องรีบปล่อยเบรค เพื่อไปเหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็ว
(7) การทดสอบในทุกสภาวะถนน
เริ่มต้นด้วยการทดสอบบนทางหลวงระหว่างจังหวัด มีการจราจรระดับปานกลาง พบว่าให้ความรู้สึกในการขับขี่ใกล้เคียงกับรถกระบะ Colorado ออกตัวได้ไม่อืด ว่องไวดี พอฟัดเหวี่ยงกับรถยนต์เครื่องยนต์เบนซินได้ เร่งแซงได้ค่อนข้างสนุก แม้ว่ารถจะมีขนาดใหญ่ น้ำหนักค่อนข้างมาก แต่ก็คล่องตัวดี ขับที่ความเร็วประมาณ 130-170 กิโลเมตร / ชั่วโมง มีเสียงลมปะทะเล็กน้อย ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ชัดเจนกว่าตามสไตล์ของเครื่องยนต์ดีเซล แต่ก็ถือว่าเครื่องยนต์ทำงานได้เงียบกว่ารถยนต์ประเภทเดียวกันอยู่ระดับหนึ่ง สรุปว่า Trailblazer ขับทางไกลได้ดี แรงเหลือเฟือ ทรงตัวดี เกาะถนนดี พวงมาลัยหนักไปบ้าง ไม่นานก็จะชิน ความนุ่มนวล ซับแรงกระแทก ก็อยู่ในระดับมาตรฐานของรถยนต์ประเภท PPV
ต่อมาเป็นการทดสอบสุดโหดในสนาม ซึ่งมีสภาวะถนนใกล้เคียงกับการผจญภัยลุยป่า ขึ้นเขาลงห้วย
ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ บางสถานการณ์อาจจะไม่ครบทุกล้อที่สัมผัสพื้นดิน แต่ระบบก็สามารถส่งกำลังให้ผ่านจุดนั้นไปได้อย่างยอดเยี่ยม
ไต่เนินลาดชัน 47 องศา ก็ยังทรงตัวได้โดยไม่พลิกตะแคง
หลุมลึกขนาดไหนก็ไม่หวั่น เมื่อปรับระบบการขับเคลื่อนไปที่ 2H หรือ 4H ก็แล้วแต่สถานการณ์ที่เหมาะสม
นั่นเป็นสนามทดสอบสมรรถนะสุดโหด แต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับเทรลเบลเซอร์รุ่น LTZ1 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเกียร์ ระบบป้องกันรถไหลในทางลาดชัน ช่วยส่งกำลังให้ขับผ่านเส้นทางของการทดสอบนี้ไปได้อย่างง่ายดาย ในทางลาดชัน ที่หน้ารถกำลังทิ่มลงน้ำ ไม่น่าเชื่อว่าสามารถใช้เกียร์ถอยหลัง ถอยรถกลับขึ้นไปได้ง่ายๆ หรือไม่เหยียบเบรคเลย แต่รถก็ไม่ไหลลงน้ำ ค้างอยู่นิ่งๆ ในทางลาดชันที่น่ากลัวขนาดนั้น เป็นความประทับใจที่ไม่มีวันลืมจริงๆ ลุยน้ำลึกได้จริง หมดห่วงน้ำท่วม
ทดสอบกันต่อ บนสนามแข่งทางเรียบ ขับด้วยความเร็วสูง ก็สามารถหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างมั่นใจ เกาะถนนดีเยี่ยม มั่นใจได้
ถนนเปียกลื่นก็ไม่กลัว ออกตัวด้วยความเร็วสูงก็ไม่มีปัญหาล้อหมุนฟรีหรือลื่นไหล ไม่เสียการทรงตัวเพราะมีระบบควบคุมป้องกันการลื่นไหลอยู่แล้ว ทรงตัวได้นิ่ง
ระบบ เบรค ABS ก็ทำงานได้ยอดเยี่ยมในช่วงความเร็วสูง 70-90 กิโลเมตร / ชั่วโมง ไม่มีอาการลื่นไถลออกนอกทิศทาง ล้อตรงเป๊ะกับแนวที่รถเคลื่อนที่มา
สำหรับ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน วัดได้ 12.3 กิโลเมตร / ลิตร สำหรับการขับรถทางไกล และ 7.4 กิโลเมตร / ลิตรสำหรับการขับในย่านตัวเมืองที่มีการจราจรติดขับเฉพาะไฟแดงทางแยก
สรุป
Chevrolet Trailblazer เป็นรถยนต์ประเภท PPV ที่น่าสนใจ มีจุดเด่นมากมาย เหมาะสมกับการใช้งานทุกสภาพถนน พร้อมลุยแบบโหดๆ ขับทางไกลก็สนุกสนาน ยืดหยุ่นในเรื่องของประโยชน์ใช้สอย ช่วงล่างที่ไว้ใจได้ว่าแกร่งทน
แต่ถ้าชีวิตจริง เน้นใช้งานในเมืองมากกว่า ไม่ค่อยได้ลุยหรือเที่ยวในต่างจังหวัด วิ่งบนทางเรียบเกือบตลอดเวลา การเลือกรถยนต์ประเภท SUV พันธุ์แท้ อย่าง Chevrolet Captiva น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะได้เปรียบในเรื่องความนุ่มสบายมากกว่า PPV ที่ดัดแปลงมาจากรถกระบะ ทั้งนี้ต้องพิจารณากันให้ดีว่าจะเลือก PPV หรือ SUV สำหรับขาลุย ยังไงก็ต้องเลือก PPV อย่าง Trailblazer เป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุด
สิ่ง ที่ PPV ด้อยกว่า SUV ก็คือ ความนุ่มนวลของระบบซับแรงสะเทือนและความเงียบในห้องโดยสารที่ยังห่างไกลกับ รถเก๋งในระดับราคาเดียวกัน แต่เชื่อว่าจะมีพัฒนาการให้รถ PPV ที่ดัดแปลงมาจากรถกระบะบนโครงสร้างเดียวกัน ให้ดีเทียบเท่า SUV ในอนาคต
(8) คู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน
ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ฝากกด LIKE + SHARE ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^__^
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " TEST DRIVE : รีวิว Chevrolet Trailblazer Adventure ทดสอบสุดโหด พิสูจน์ความแกร่งพร้อมลุย "