รีวิว Ducati Multistrada 1200 Enduro นกโจโคโบะพร้อมพาคุณลุยทุกเส้นทาง ฉลาดล้ำเทคโนโลยี
ย้อนกลับไปเมื่อปีช่วงปีที่แล้วในงาน 2015 EICMA Show ทาง Ducati ได้จัดหนักเปิดตัวรถรวมทั้งหมดมากถึง 9 โมเดล ด้วยกัน และหนึ่งในนั้น ก็คือ Ducati Multistrada 1200 Enduro รถต่อยอดที่สุดสายทัวริ่ง ด้วยสไตล์พร้อมลุยทุกเส้นทาง ซึ่งวันนี้ทีมงาน 9carthai เราได้มีโอกาสมาสัมผัส และรีวิวให้เพื่อนๆ ผู้รักชื่นชอบรถสายลุยมารับชมกันครับ
Ducati Multistrada 1200 Enduro มาพร้อมกับภาพลักษณ์ The Wild Side of Ducati (ด้านดิบเถื่อนของดูคาติ) และหากเพื่อนๆ ได้ดูคลิป นั่นจะบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ มันได้เป็นดิบดี นั้นคือ ความดุดัน ในการขับขี่บนเส้นทาง Off-Road ที่ซึ่ง Multistrada Enduro มันสามารถกระโจนพุ่งไปบนทางฝุ่นได้อย่างดุดัน แม้ว่าขนาดตัวจะใหญ่โตกว่ารถ Enduro คันไหนๆ
สำหรับ Ducati Multistrada 1200 Enduro นั้นมีให้เลือก 3 สี คือ เทา Phantom Grey, ขาว Star White Silk และ แดง Ducati Red ซึ่งเป็นคันที่เราได้มาทดสอบในครั้งนี้ ซึ่งได้ติดตั้ง ไฟตัดหมอก LED และ กันถังน้ำมันด้านข้าง
รูปลักษณ์ภายนอก Ducati Multistrada ได้รับฉายาว่าเป็นนกยักษ์ หน้าตาคล้าย Chocobo (โจโคโบะ) แฟนๆ เกม Final Fantasy คงจะรู้จักเจ้านกยักษ์ ตัวนี้เป็นอย่างดี เพราะมันเป็นพาหนะของบรรดาตัวเอกในเกมตระกูล ไฟนอล แฟนตาซี หลายๆภาค
มีหลายคนทั้งในและต่างประเทศ เรียกมันว่า Angry Birds แต่สำหรับผู้เขียนขอเรียก โจโคโบะ เพราะมันดูคล้ายนกยักษ์ และเป็นพาหนะที่มนุษย์ขี่ได้จริง มากกว่าเป็นเจ้านกตัวกลมๆ
Multistrada 1200 Enduro มีจุดที่แตกต่างไปจาก Multistrada 1200 ได้แก่
ใช้สวิงอาร์มแขนคู่ แทนแขนเดี่ยว,
พักเท้าคนขี่เป็นแบบหนาม เพื่อประสิทธิภาพในการยึดเกาะกับตัวรองเท้า
ท่อไอเสียออกข้างรูปทรงใหม่ ยกสูงขึ้น ช่วยให้ขี่ลุยได้ดีกว่าเดิม
กันแคร้งด้านใต้เครื่องยนต์วัสดุอัลลอยขนาดใหญ่
เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ และแฮนด์บาร์ที่ถูกยกสูงขึ้น 50 มม. รองรับการขี่ควบคุมบนเส้นทาง Off-Road
ล้อใช้แบบซี่ลวดเพื่อรองรับการขี่ซับแรงสะเทือนได้ดีกว่าเดิม ทางด้านหน้าขนาด 19” หลัง 17” สวมยางไซส์ 120/70 (หน้า) และ 170/60 (หลัง) จาก Pirelli Scorpion Trail II
ขณะที่ฟังก์ชั่นเทคโนโลยีสุดทันสมัยยังให้มาเช่นเดิม ได้แก่
กุญแจ Keyless แบบรถยนต์หรู เพียงแค่พกกุญแจไว้กับตัว ก็สามารถปลดล็อกคอ และติดเครื่องได้อย่างสะดวก
ไฟหน้า Full LED มาพร้อมฟังก์ชั่น Ducati Cornering Light ซึ่งจะช่วยเวลาเลี้ยวโค้งไฟ LED จะติดขึ้นมาในฝั่งที่เราเลี้ยวช่วยให้มองเห็นทางโค้งได้ดีขึ้น
ไฟท้าย LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยว โดยมีไฟเบรกอยู่ที่ด้านใน
การ์ดแฮนด์ พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
ช่องจ่ายไฟ ใกล้แกนโช้คหน้าฝั่งขวา
วินชิลด์ยกสูงปรับได้โดยใช้มือโยกขึ้น ซึ่งสะดวกและใช้งานได้ง่าย และยกสูงได้ถึงระดับจมูกผู้เขียน (ไม่ยกจะอยู่ระดับปลายคาง)
ด้านท้ายเป็นมือจับหลัง พร้อมเป็นที่รัดสัมภาระรองรับการเดินทางในตัว
มาตรวัด แบบจอสี LCD ขนาด 5” แสดงผลครบถ้วน พร้อมปรับเซ็ทรูปแบบการแสดงผลได้ 4 รูปแบบ Core, Full, Track, Off Road
ในการทดสอบครั้งนี้เราปรับเซ็ทเป็น Full เพื่อให้แสดงผลค่าต่างๆ อย่างขัดเจน
ความเร็วแสดงเป็นตัวเลขดิจิตอล, วัดรอบเป็นสเกลในแนวนอนทางด้านบน, Riding Mode และเวลาถูกแสดงผลอยู่ขั้นตรงกลาง, ทางขวาบอกตำแหน่งเกียร์ชัดเจน
กรอบสี่เหลี่ยมแสดงผลด้านล่าง ก็บอกข้อมูลครบ ทั้งเกจ์น้ำมัน, ระยะทางคงเหลือ, Odo, Trip1 2, อุณหภูมิ เป็นต้น
ขณะที่แถบขวาล่างบอกการเซ็ทค่า Ducati Safety ได้แก่ ABS, DWC, DTC
ในด้านสวิทช์ไฟซ้ายนั้น มาพร้อมไฟ Backlit เรืองแสงเวลากลางคืน ออกแบบมาครบให้ควบคุมฟังก์ชั่นบนหน้าจอต่างๆ ได้ด้วยสวิทช์ซ้ายเพียงอย่างเดียว ปุ่ม Cruise Control ใช้งานง่ายแบบเดียวกับรถยนต์ทั้งหมด กดปุ่ม On จนโลโก้ติดขึ้น และกด + เมื่อถึงจุดที่ความเร็วเราต้องการก็จะล๊อคความเร็วนั้นเอาไว้ ผู้ขี่สามารถปล่อยคันเร่งได้เลย
หากต้องการเพิ่ม หรือ ลดความเร็ว ก็ทำได้ง่ายๆ แค่กดปุ่ม + – เท่านั้น
หมายเหตุ การใช้งานฟังก์ชั่น Cruise Control นั้น ต้องอยู่ในระดับความเร็ว 50 กม./ชม.ขึ้นไป
สวิทช์ด้านขวามีปุ่มล๊อกคอ มาให้ ซึ่งเพียงแค่กดค้าง รถก็จะล็อกคอให้เอง ลืมการล็อกแบบใช้กุญแจบิดยุคเก่าไปได้เลย
มิติตัวรถ
ระยะ Ground Clearance ได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 205 มม.
ความสูงเบาะมาตรฐานอยู่ที่ 870 มม. แต่ในคันนี้ได้ติดตั้งออปชั่นเตี้ยลงสำหรับคนเอเชีย 850 มม. แต่อย่างไรก็ยังถือว่าสูงโย่งอยู่ดีสำหรับผู้เขียนที่มีส่วนสูง 174 ซม. นอกจากนี้ยังมีออปชั่นสูงพิเศษ ขึ้นไปถึง 890 มม. อีกด้วย
Ducati Multistrada 1200 Enduro มี นน. Dry 225 กก. Wet ที่ 254 กก.
ถังน้ำมันขนาดใหญ่ขึ้นจุ 30 ลิตร เคลมวิ่งได้ 280 ไมล์ (450 กม.)
ท่านั่งขี่ และองศาการควบคุม
เริ่มจากแฮนด์บาร์ยกสูงขึ้นอีก 50 มม. ทำให้เวลาเข็นรถ ตำแหน่งจะอยู่ในระดับสูงมากทีเดียว อยู่ในระดับหน้าอกผู้เขียน ซึ่งจะต้องออกแรงหนักในการเข็นรถ
ข้อดีคือ การใช้แฮนด์บาร์สูงมากเช่นนี้ทำให้มันเลยผ่านรถเก๋งทั่วๆไปได้อย่างสบาย และเมื่อเวลาต้องยืนขี่นั้น แฮนด์ยกสูงนี้จะควบคุมได้ง่ายขึ้น
สำหรับตำแหน่งนั่งนั้นถือว่าสูงอยู่แล้ว เบาะผู้ขี่กว้างยิ่งทำให้ช่วงยืนคร่อมรถขาถ่างออกพอควร ตัวถังน้ำมันขนาดใหญ่ ทำให้ช่วงเข่านั้นดูจะเล็กไป และหนีบถังน้ำมันไม่กระชับเท่าตัวเดิม
ตำแหน่งแฮนด์กว้างพอควร ทำให้ต้องกางศอกเล็กน้อย แม้ถังน้ำมันจะใหญ่ แต่ด้วยตำแหน่งแฮนด์สูงนี้ไม่เป็นอุปสรรคในการเลี้ยว จึงไม่พบอาการแขนติดถัง ขณะที่องศาแฮนด์ไม่ไกลตัวนักจึงไม่ต้องเอื้อมมือไปด้านหน้า
ตัวเบาะท้ายนั้นค่อนข้างแบน ผู้ซ้อนจึงนั่งได้สบายพอสมควร แม้ตัวเบาะไม่นุ่มนัก ด้านตำแหน่งวางขา ไม่สูงมากจน ทำให้ไม่ต้องงอเข่าเยอะ
เครื่องยนต์ Multistrada 1200 Enduro ยังใช้บล็อก L-Twin ความจุ 1,198.4cc วาล์วแปรผัน DVT (Desmodromic Variable timing) เช่นเดียวกับ Multistrada 1200 และรุ่น 1200 S มีกำลัง 160 hp @9,500rpm ทอร์ค 136 Nm@7,500rpm พร้อมผ่านไอเสียระดับ Euro4 ส่งกำลังผ่านคันเร่งไฟฟ้า RbW
ส่วนที่แตกต่าง คือ เรื่องของสเตอร์หลังที่เพิ่มฟันเข้ามา โดยคัน Enduro นี้ใช้ขนาด หน้า 15T, หลัง 43T จากเดิม หน้า 15T, หลัง 40T
จะเห็นได้ว่าสเตอร์หลังจำนวนฟันเยอะกว่า 3 ฟัน จะเน้นอัตราเร่งช่วงต้นให้ดีขึ้น สำหรับการขี่แบบ Off-Road นั่นเอง
Riding Mode ปรับได้ 4 รูปแบบ Sport, Touring, Urban, Enduro ซึ่ง Touring และ Sport จะเรียกม้ามาเต็ม 160 ตัว ขณะที่ Urban และ Enduro จะตอนม้าเหลือ 100 ตัว
สำหรับค่าพื้นฐาน ของแต่ละโหมด จะมีดังนี้ (หมายเหตุ สามารถเซ็ทค่าในโหมดต่างๆ ได้เองหากต้องการ)
Sport จะมีการตั้งค่า DTC ระดับ 4/8 ABS 2/3 DWC 2/3 ช่วงล่าง Hard
Touring จะมีการตั้งค่า DTC ระดับ 5/8 ABS 3/3 DWC 3/8 ช่วงล่างปรับ Medium
Urban จะมีการตั้งค่า DTC ระดับ 6/8 ABS 3/3 DWC 5/8 ช่วงล่างปรับ Soft
Enduro จะมีการตั้งค่า DTC ระดับ 2/8 ABS 1/3 DWC off ช่วงล่าง Soft
เริ่มขี่ที่โหมด Urban สำหรับขี่ในตัวเมือง พบว่าการตอนกำลังม้าลง ทำให้เจ้าโจโคโบะยักษ์ นี้ดูคุมคันเร่งได้ง่าย แต่ก็ไม่ถึงกับสมูทอะไร ด้วยสไตล์เครื่อง L-Twin นั้น ที่การขี่ในรอบต่ำๆ ยังมีอาการสั่นๆ ในแบบรถสูบโตให้เห็น การตอบสนองคันเร่งจะหน่วงอยู่เล็กน้อย
ชินกับรถแล้วมาที่โหมด Touring ต่อ โหมดนี้ให้ม้ามาเต็ม คันเร่งบิดติดมือมากขึ้น แต่ก็ยังคุมคันเร่งได้ไม่ยากจนเกินไป การตอบสนองในสไตล์ Adventure Touring Bike คลาส 1000 คันอื่น โหมดนี้เหมาะสมกับการขี่ทั้งในเมือง และทางไกลแบบไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ
สำหรับโหมด Sport นี้ อาจต้องระวังหน่อยหากเลือกใช้โหมดนี้กับการขับขี่ในเมืองที่รถติด เจ้าโจโคโบะยักษ์จะพร้อมพยศทุกจังหวะที่คุณกระแทกคันเร่ง ดังนั้นการการเปิดคันเร่งต้องละเอียดมากกว่าเดิม แต่หากขี่บนทางโล่งๆ จะช่วยให้คุณสัมผัสถึงขุมพลัง 1200 DVT นี้ได้อย่างเต็มที่ ยิ่งในรอบสูงๆนี้บอกได้เลยเร้าใจแต่แอบเสียว สไตล์การตอบสนองช่วงรอบปลายมันดุดันแบบรถ Moto สูบเดี่ยวลูกโตๆ ซึ่งเจ้านกยักษ์คันนี้ กระชากได้ดิบดุดันสมชื่อ Wild Side of Ducati
ด้านอัตราสิ้นเปลือง Ducati เคลมที่ 17.8 กม./ลิตร ซึ่งการวิ่งเดินทางในเมืองบนเส้นทางที่รถเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ ปะปนกับรถติด ของเราก็ทำได้ไล่ๆ กับที่เคลม 17.6 กม./ลิตร
ในส่วนของความร้อนนั้น ก็เรียกได้ว่าเอาเรื่องพอสมควร ใส่ยีนส์ขายาวไอร้อนสัมผัสได้ชัดเจนจังหวะจอดติดไฟแดง เล่นเอาเหงื่อออกขาได้ เมื่อต้องขี่เครื่องยนต์บล็อก L-Twin 1200cc ในวันที่อากาศร้อน แถมขี่ในเมืองเสียด้วยซึ่งการระบายอากาศนั้นคงไม่ดีเท่ากับการขี่ทัวริ่งเดินทางไกล
ระบบกันสะเทือน ใน Multistrada ใหม่ จะเป็นช่วงล่างปรับไฟฟ้าที่มีชื่อเรียกกว่า Ducati Skyhook Suspension (DSS) ทั้งหน้าและหลัง
สำหรับโมเดล Enduro นี้ใช้โช้คอัพหน้า UpSideDown จาก Sachs ขนาดแกน 48 มม. มีระยะเคลื่อนตัวถึง 200 มม. ปรับได้เต็มรูปแบบ
โช้คหลังเดี่ยว Sachs แบบปรับได้ครบถ้วน ผ่านช่วงล่างไฟฟ้า DSS (Skyhook) และมีระยะยุบตัว 200 มม. เช่นเดียวกัน
ตามที่ได้กล่าวไปใน Multistrada Enduro จะใช้ double sided swingarm เพื่อรองรับการกระแทกได้ดีกว่า
และมีการปรับเซ็ทค่า Spring หน้าใหม่ และ DSS Software ออกมาให้ดูนิ่มนวลกว่า Multistrada ตัวอื่นๆ
ซึ่งผู้เขียนได้ทดสอบบนทาง On-Road เพียงเท่านั้น พบว่ามันนิ่มนั่งสบาย โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ซ้อนไปด้วย นิ่มขึ้นชัด แต่อย่างไรก็ดี สามารถปรับเซ็ท DSS ได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะมีคนซ้อน 2 ไปด้วย หรือ จะพกสัมภาระไปด้วย โดยมุมด้านล่างขวา จะมีโลโก้รูปหมวกกันน็อค ขึ้นเป็น 2 ใบ (นั่ง 2 คน) รวมไปถึงสัมภาระเดินทาง ซึ่งจะเป็นรูปกระเป๋าข้าง ซึ่งสามารถปรับเซ็ท DSS ได้ในส่วน Setting Riding Mode ภายใน
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับการขี่ในเส้นทาง Off-Road คือ Vehicle Hold Control (VHC) แบบเดียวกับที่พบในรถยนต์หรู มันช่วยให้การออกตัวบนทางชันนั้นสะดวกยิ่งขึ้น ระบบจะเข้ามาช่วยรักษาแรงดันเบรกเอาไว้ในจังหวะออกตัวไม่ทำให้รถไหลย้อนลงหลัง ซึ่งดีมากๆ กับรถที่คันใหญ่ และหนักเช่นนี้
ระบบเบรก จานหน้าดิสก์คู่ขนาด 320 มม. ปั๊มเบรก Radial Mount Monobloc จาก Brembo M4 คาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ มาพร้อม Cornering ABS จาก Bosch (ปั๊มหน้าเป็น M4 เช่นเดียวกับ 1200 แต่ถ้าเป็นตัว 1200S จะใช้ปั๊ม M50)
จานเบรกหลังเดี่ยวขนาด 265 มม. คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ มาพร้อม Cornering ABS เช่นกัน
แม้ปั๊มเบรก อาจจะไม่ใช่ M50 แบบสปอร์ตตัวแรงทั้งหลาย แต่การขี่ใช้งานแบบ Touring นั้น ก็ถือว่าชะลอความเร็วได้ดีพอเพียงแล้ว ระบบ ABS ที่เซ็ท 3 นั้น จับได้ว่องไว และรวดเร็ว เมื่อต้องชะลอความเร็วลงหนักๆ กับรถที่มีน้ำหนักตัวมาก และใหญ่ เช่นนี้ บาลานซ์น้ำหนักตัวรถยังคงถ่ายเทได้ดี แต่ในจังหวะที่ใช้โหมด Sport และซัดมาอย่างเร็ว การเบรกชะลออย่างเร็วแรง อาจต้องใช้ Engine-Brake ช่วยเล็กน้อย เพื่อให้มีประสิทธิภาพการเบรกรถได้ดีขึ้น
เทคโนโลยีที่ติดตั้งมาให้ใน Multistrada Enduro ครบครันในระดับรถยนต์หรูพึงมี เริ่มตั้งแต่กุญแจ Keyless, ไฟหน้า Ducati Cornering Lights, Hand Free, ระบบ Ducati Multimedia System, Cruise Control, Riding Modes, Power Mode, Wheelie Control, Ducati Traction Control (DTC), Vehicle Hold Control (VHC), และ Cornering ABS
สรุป
รีวิว Ducati Multistrada 1200 Enduro โจโคโบะสายลุย คันนี้ ถือได้ว่าเป็นรถ Adventure Enduro ที่ครบเครื่อง พร้อมไปกับคุณได้ทุกสภาพถนน เป็นรถที่หาคู่แข่งได้ยาก ซึ่งในคลาสเดียวกันเห็นจะมีเพียง 1290 Super Adventure ซึ่งราคาจำหน่ายในประเทศแพงกว่า Ducati Multistrada Enduro ถึง 2.4 แสนบาท
เอาเป็นว่าเจ้าโจโคโบะจอมลุย นี้เป็นรถในคลาสที่แรง, ออปชั่นจัดเต็ม ไม่แพ้รถยนต์หรู แต่ด้วยตัวรถที่ค่อนข้างหนักร่วมกับถังน้ำมันที่ใหญ่ขึ้น เบาะนั่งที่สูงขึ้น เจ้านกยักษ์ตัวนี้ จึงต้องการนักบิดที่มีสรีระสูงใหญ่ และแข็งแรงพอสมควร รวมถึงทักษะในการขี่ Off-Road ที่ต้องดีพอควรหากคุณจะควบโจโคโบะคันนี้ไปลุยฝุ่น ซึ่งนั่นอาจสร้างปัญหาให้กับนักขี่ที่ร่างเล็กแต่ใจรักพอสมควร
จุดเด่น
ข้อสังเกต
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carthai
สุภิญญา ชำนาญกุล Photo
ขอขอบคุณ Ducati Thailand สำหรับ Ducati Multistrada 1200 Enduro สีแดง Ducati Red ราคา 1.05 ล้านบาท
Engine type | Testastretta with variable valve timing, L-Twin cylinder, 4 valve per cylinder, Dual Spark, Desmodromic, liquid cooled |
displacement | 1198.4cc |
bore x stroke | 106 x 67.9mm |
compression ratio | 12.5:1 |
maximum power | 160hp – 117.7kw @ 9500rpm * |
maximum torque | 136 Nm (13.9 kgm) @ 7,500 rpm |
Fuel Injection | Bosch electronic fuel injection system, elliptical throttle bodies with Ride-by-Wire, equivalent diameter 56 mm |
Exhaust | Stainless steel muffler with catalytic converter and 2 lambda probes, single stainless steel muffler |
Gearbox | 6 speed |
Primary drive | Straight cut gears, Ratio 1.84:1 |
Ratio | 1=38/14; 2=30/17; 3=27/20; 4=24/22; 5=23/24; 6=22/25 |
Final drive | Chain; Front sprocket 15; Rear sprocket 43 |
Clutch | Light action, wet, multiplate clutch with hydraulic control. Self-servo action on drive, slipper action on over-run |
Frame | Tubular steel Trellis frame |
Front suspension | Sachs 48 mm fully adjustable usd forks. Electronic compression and rebound damping adjustment with Ducati Skyhook Suspension (DSS) |
Front wheel | Tubeless spoked wheel in light alloy 3″ x 19″ |
Front Tyre | Pirelli Scopion Trail II 120/70 ZR19 as optional Pirelli Scorpion Rally same measure |
Rear wheel | Tubeless spoked wheel in light alloy 4.50″ x 17″ |
Rear tyre | Pirelli Scorpion Trail II 170/60 ZR17 as optional Pirelli Scorpion Rally same measure |
Rear suspension | Fully adjustable Sachs unit. Electronic compression & rebound damping adjustment. Electronic spring pre-load adjustment with Ducati Skyhook Suspension (DSS). Aluminium double-sided swingarm |
Front wheel travel | 200 mm (7,9 in) |
Rear wheel travel | 200 mm (7,9 in) |
Front brake | 2 x 320 mm semi-floating discs, radially mounted monoblocco Brembo callipers, 4-piston, 2-pad, with cornering ABS as standard equipment |
Rear brake | 265 mm disc, 2-piston floating calliper, with cornering ABS as standard equipment |
Instrumentation | Color TFT display 5″ |
Dimension | |
Dry weight | 225 kg |
Seat height | Not adjustable 870 mm (890 – 850 mm with optional seats) |
Wheelbase | 1594 mm |
Rake | 25° |
Trail | 110 mm (4.3 in) |
Fuel tank capacity | 30 L |
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Ducati Multistrada 1200 Enduro นกโจโคโบะพร้อมพาคุณลุยทุกเส้นทาง ฉลาดล้ำเทคโนโลยี "