รีวิว Honda CBR250RR สปอร์ตไบค์สายพันธุ์ Racing Replica เจ้าของค่าตัว 2.49 แสนบาท
เรียกได้ว่าเป็นรถ Sport Bike ที่เร้าใจ และแรงที่สุดในคลาสเลยก็ว่าได้ สำหรับ Honda CBR250RR ที่จัดเป็นรหัสแรง สายพันธุ์ Racing Replica (RR = Racing Replica) ขนานแท้
นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน และเป็นรถที่ได้รับการถ่ายทอด DNA เทคโนโลยีจากสนามแข่งมาแบบเต็มสูบ เทียบชั้น Race Machine เลยทีเดียว
ซึ่งเปิดตัวพร้อมให้คนไทยเป็นเจ้าของครั้งแรกในงาน Motor Show 2019 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในราคา 249,000 บาท
ส่วนสมรรถนะจะเป็นอย่างไร? จะใช่รถที่คุณมองหาอยู่หรือเปล่า?
วันนี้ 9carthai.com จะพาไปรีวิวแบบเจาะลึกเชิญรับชมได้เลยครับผม
สำหรับ Honda CBR250RR นั้น มาพร้อมกับดีไซน์ที่สปอร์ตเร้าใจในทุกมิติ ซึ่งเป็นงานประกอบจากประเทศญี่ปุ่น และนำเข้ามาจำหน่ายทั้งคัน ทำให้มั่นใจได้ในวัสดุ และคุณภาพการประกอบที่เนียนจนไร้ที่ติ
โดยดีไซน์ด้านหน้ามาพร้อมกับไฟหน้าอันเป็นเอกลักษณ์แบบ LED 2 ชั้น Double-Layered ที่ถูกแบ่งไฟ DRL กับไฟหน้าด้วยหน้ากากทรงสปอร์ต ควบคุมบังคับเลี้ยวด้วยแฮนด์พร้อมประกับจับยึดใต้โช้คอัพเต็มอารมณ์สปอร์ต
ส่วนชุดแฟริ่งรอบคันนั้น ดีไซน์สไตล์รถแข่งในสนาม ปราดเปรียวลู่ลมตามหลัก Aerodynamic พร้อมเสริมช่อง Air Duct ที่แฟริ่งด้านข้าง ช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์
เบาะนั่งเป็นแบบ 2 ตอน ยกระดับผู้ซ้อนท้ายแยกต่างหาก, แฟริ่งด้านท้ายเสริมช่อง Air Duct ปิดท้ายด้วยไฟท้ายทรงบูมเมอแรงแบบ LED 2 ชั้น
สำหรับโครงรถนั้นเป็นแบบ เฟรมถัก Truss Frame ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี Computer Aided Engineering (CAE) ส่งผลให้ตัวรถมีน้ำหนักตัวถังรวมเพียง 168 กก. เท่านั้น
ซึ่งนอกจากจะมีน้ำหนักที่เบาแล้ว ยังให้สมดุลย์การขับขี่ และบาลานซ์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังแข็งแรง และทนต่อแรงบิดสูงอีกด้วย
มิติตัวถัง Honda CBR250RR
ด้านเรือนไมล์ของ Honda CBR250RR นั้น จะเป็นแบบ Fully LCD Digital Meter & Lap Timer ซึ่งถอดแบบมาจากรถแข่ง
ครบครันด้วยมาตรวัดความเร็ว, มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ พร้อมมี Shift Light ไฟเตือนรอบเปลี่ยนเกียร์, ไฟบอกตำแหน่งเกียร์, รายละเอียดโหมดการขับขี่, ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, อุณหภูมิเครื่องยนต์
มาตรวัดระยะทาง, Trip A และ Trip B และไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ Lap Timer โหมดจับเวลาในการขับขี่รอบสนาม
อีกหนึ่งไฮไลท์ของ Honda CBR250RR ที่ถือเป็นจุดขาย และสร้างความแตกต่างไปจากรถ Sport Bike ธรรมดาทั่วไปในคลาสก็คือ
โหมดการขับขี่ ซึ่งมีให้เลือกใช้งานด้วยกัน 3 โหมด ได้แก่ Comfort, Sport และ Sport+ ซึ่งมีรายละเอียด และการปรับจูนเครื่องยนต์ในแต่ละย่านกำลังที่แตกต่างกัน
อีกทั้ง Honda CBR250RR นั้น ยังมาพร้อมกับระบบคันเร่งไฟฟ้า Throttle-By-Wire ที่ให้การตอบสนองที่รวดเร็วทันใจ ติดมือทุกสถานการณ์
โดยในส่วนของโหมด Comfort นั้น จะเป็นโหมดที่ให้การขับขี่ที่สมูธที่สุด เหมาะแก่การขับขี่ในการจราจรที่ติดขัด หรือในสภาพถนนที่เปียกลื่น
ส่วนในโหมด Sport นั้น จะเป็นโหมดเริ่มต้นตั้งแต่บิดกุญแจสตาร์ท ซึ่งโหมดนี้จะให้สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจกว่าโหมด Comfort เหมาะแก่การขับขี่ทั่วไป แต่ยังปล่อยพลังออกมาไม่หมดเสียทีเดียว
และโหมดสุดท้ายได้แก่ โหมด Sport+ ซึ่งโหมดนี้ จะให้สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจที่สุด เหมาะกับการใช้ในสนามแข่ง หรือต้องการการขับขี่ที่ดุดัน ทรงพลัง
แน่นอนว่าไฮไลท์สำคัญ และจุดขายหลักของ Honda CBR250RR นั้น ก็คือ ขุมพลังที่ถูกถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งสู่ท้องถนนโดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 249cc. แบบ 2 สูบ Parallel Twin DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 62.0 x 41.3 มม. กำลังอัด 11.5:1
ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด คลัทช์มือ (ไม่มีระบบ Slipper Clutch) ให้สมรรถนะสูงสุด 38 แรงม้า ที่ 12,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 23.3 นิวตัน-เมตร ที่ 11,000 รอบ/นาที
โดยสามารถลากรอบได้ลึกถึง 14,000 รอบ/นาที และ มีรอบ Red Line สูงสุดอยู่ที่ 16,000 รอบ/นาที ซึ่งมอบความเร้าใจ สมกับเป็นรหัส RR จริงๆ
สำหรับระบบช่วงล่าง ของ Honda CBR250RR นั้น มาพร้อมโช้คอัพหน้าหัวกลับกระบอกสีทองของ Showa ที่ขนาด 37 มม. และด้านหลังเป็นแบบ Pro-Link ที่สามารถปรับค่าแข็ง-อ่อนได้ถึง 5 ระดับ ติดตั้งอยู่บนสวิงอาร์มอลูมิเนียมน้ำหนักเบา
ส่วนระบบเบรก ด้านหน้าเป็นแบบจานดิสก์เดี่ยวแบบ Semi-Floating ขนาด 310 มม. ทำงานร่วมกับปั้มเบรก Nissin แบบ 2 Pot
และด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวทำงานร่วมกับปั้ม Nissin 1 Pot พร้อมระบบเบรก ABS ทั้งหน้า-หลัง ติดตั้งอยู่บนล้อแม็กขนาด 17″
รัดด้วยยาง Dunlop ที่ขนาดยางหน้า 110/70 R17 และยางหลัง 140/70 R17 แบบ Tubeless
ท่านั่งการขับขี่ของ Honda CBR250RR ถือว่า ให้ท่วงท่าการขับขี่ที่สปอร์ตประดุจรถแข่งจากสนาม โดยผู้ขับจะมีท่วงท่าลักษณะเหมือนการหมอบขี่เล็กน้อย เนื่องจากตำแหน่งแฮนด์ที่จับยึดใต้โช้คอัพ
มิติตัวรถมีความกระชับ ควบคุมง่าย พลิกรถซ้าย-ขวาได้ดั่งใจตำแหน่งเบาะนั่ง และความสูงของเบาะมีความพอดิบพอดีสอดรับกับสรีระของคนไทย
อย่างเช่นผู้เขียนที่มีความสูง 168 ซม. เท้าทั้ง 2 ข้างเกือบเหยียบเต็มพื้น ทำให้มั่นใจได้ในการควบคุมรถทั้งในขณะขับขี่ และจอดนิ่ง
อีกทั้งน้ำหนักตัวรถที่เบา จึงไม่ใช่เรื่องยากหากคนที่ตัวเล็กกว่านี้จะซื้อมาขี่
เมื่อทำความรู้จักกับรายละเอียด และสเปคของ Honda CBR250RR กันแล้ว ก็มาดูกันที่สมรรถนะการขับขี่กันบ้าง ดูสิว่าเจ้าของค่าตัวระดับ 2.49 แสนบาท ในขนาดรถ 250cc.มันมีดีอย่างไร?
โดยทางทีมงานได้ไปรับรถทดสอบกันที่ A.P. Honda สำนักงานใหญ่ (สำโรง) ขี่กลับมาเพื่อถ่ายรีวิวแถวๆ ประชาชื่น
ซึ่งบอกเลยว่าเป็นเส้นที่การจราจรติดสาหัสตลอดทาง การซอกแซก และมุดในการจราจรที่ติดขัดของ Honda CBR250RR เรียนตามตรงว่าทำได้ค่อนข้างยากลำบาก เนื่องจากตำแหน่งแฮนด์ที่ต่ำสไตล์รถสปอร์ต มันจึงไม่ใช่รถที่เหมาะนัก หากจะนำมาขับขี่ใช้งานในเมือง
แต่ถ้าถนนโล่งๆ หรือมีโค้งสวยๆ ให้ได้เทเล่นละก็ มันจะกลายเป็นเจ้าถนนขึ้นมาทันที
แน่นอนว่ารถในสไตล์นี้ ไม่ใช่อะไรที่จะเอามาขี่เล่นในตอนรถติดๆ อยู่แล้ว ใครๆ ก็รู้ดี จะให้ได้ฉายแววเต็มที่ เต็มสมรรถนะ มันต้องเอาไปลงสนามซะด้วยซ้ำ
บอกเลยว่า Honda CBR250RR นั้น เหมาะมากที่จะเป็นรถซ้อมมือ หรือเป็นรถที่นักแข่งหน้าใหม่จะใช้พัฒนาทักษะเพื่อเป็นนักแข่งอาชีพเพราะตัวรถนั้นถ่ายทอดการขับขี่ และสมรรถนะในสไตล์แบบรถแข่ง หรือเรียกภาษาทางการตลาดที่เขาว่าก็คือ Racing Replica ซึ่งเป็นรถที่ให้การขับขี่ที่สนุก เร้าใจ
ยิ่งถ้าปรับโหมดมาเป็น Sport+ ด้วยแล้วละก็ รอบเครื่องยนต์ ความไวของคันเร่งไฟฟ้า และเสียงดูดอากาศเข้ากรองอากาศ จะยิ่งเพิ่มการขับขี่ที่สนุกเร้าใจขึ้นไปอีกขั้น
ซึ่งสไตล์คันเร่งของ Honda CBR250RR นั้น จะไม่ใช่รถที่บิดแล้วติดมือตั้งแต่รอบต้นๆ หรือให้อัตราเร่งที่จู๊ดจ๊าดทันใจอย่างที่คิด ลักษณะคันเร่งเป็นเหมือนรถที่ต้องไล่รอบ และใช้รอบสูงๆ โดยความเร็วจะมาดีในช่วงกลางไปจนถึงปลาย
โดยรอบเครื่องยนต์สามารถลากได้ลึกถึง 14,000 รอบ/นาที กันเลยทีเดียว โดยจะมีไฟ Shift Light กระพริบบอกจังหวะให้เปลี่ยนเกียร์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น (แต่ผู้เขียนก็รั้นไม่เชื่อฟัง) ลากยาว ซัดตึง เพื่อหา Top Speed โดยการทดลองครั้งนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 170 กม./ชม. ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วที่สูงมากสำหรับรถในพิกัด 250cc.
ส่วนระบบช่วงล่างนั้น อันนี้ชอบมาก ถือว่าเป็นรถที่เซ็ทอัพช่วงล่างมาดีเกินขนาด cc. ของรถเสียด้วยซ้ำ
โช้คอัพหน้า Upside Down ของ Showa ถือว่าให้การยุบตัว และซับตัวได้ดีขณะใช้เบรกหน้า หรือจังหวะเทโค้ง ไม่ดีด-ไม่เด้ง และไม่ยุบลงไปจะย้วยจะรถเสียอาการ
ส่วนด้านหลังก็มีความหนึบ แต่จะตึงๆ ไม่เด้งดึ๋ง และแข็งปั๋งเหมือนรุ่นอื่นๆ ของฮอนด้า ที่ชอบเซ็ทโช้คหลังแข็งไว้ก่อน โดยรวมแล้วระบบช่วงล่างถือว่าลงตัว สามารถใช้ลงแข่งในสนามโดยไม่ต้องปรับแต่งใดๆ ยังได้เลย
ส่วนระบบเบรกนั้น มั่นใจ ปลอดภัย หยุดรถได้ทันทุกสถานการณ์แน่นอน (ถ้าไม่ขับเร็วเกินไปนะ)
จังหวะใช้เบรกหน้าหนักๆ ตัว ABS เข้ามาช่วยป้องกันล้อล็อคอย่างรวดเร็ว ผสานกับการยุบตัวโค้งโช้คหน้า ทำให้ยังสามารถหักหลบ หรือเทโค้งได้อย่างมั่นใจ
ส่วนเบรกหลังก็ช่วยประคอง และซับพอร์ทเบรกหน้าได้ดี ด้าน Engine เบรกนั้น จังหวะเชนจ์เกียร์ลงอย่างรวดเร็ว (2 ตำแหน่งเกียร์) ล้อหลังจะมีอาการล็อค และท้ายออกเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติของรถที่ไม่มี Slipper Clutch แต่ก็ยังสามารถควบคุมรถเข้าไลน์ได้ตามปกติ ไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด
ข้อดีของ Honda CBR250RR
ข้อเสียของ Honda CBR250RR
บทสรุป
ถือว่า Honda CBR250RR เป็นรถสปอร์ตไบค์ที่มีความโดดเด่น และมีสมรรถนะเกินตัว แต่ไม่เหมาะที่จะนำมาเป็นรถใช้งานขับขี่ในชีวิตประจำวัน
มันเหมาะกับการเป็นรถ Sport Bike ที่เน้นขี่เท่ๆ หรือใช้ซ้อมมือในสนามแข่ง ซึ่งถามว่าคุ้มไหมกับค่าตัว 249,000 บาท
มันอาจจะไม่ใช่รถที่คุ้มค่า แต่มันเป็นรถที่มีมูลค่าทางจิตใจ และน่าซื้อเก็บไว้หากคุณไม่เดือดร้อนเรื่องทุนทรัพย์
เพราะผมเชื่อเหลือเกินว่าอีก 10 ปีผ่านไป Honda CBR250RR จะมีค่า หรืออาจมีมูลค่าสูงกว่าตอนนี้ เหมือน Honda NSR150SP ที่ตอนนี้ใครมีเก็บไว้ มีค่ายิ่งกว่าทองเสียอีก
แนะนำ รีวิวมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นๆ
รีวิว Kawasaki Z400 SE Naked Bike ไซส์เริ่มต้น ที่มาพร้อมความดุดัน ทรงพลัง ในราคา 1.95 แสนบาท
รีวิว Honda Forza 300 ใช้งานจริงนับหมื่นกิโลเมตร จะตอบโจทย์คุณหรือไม่? ไปหาคำตอบกัน
รีวิว All-New Yamaha NMAX155 พรีเมียม A.T. สุดคุ้มค่า ซ่าได้เต็มแม็กซ์
รีวิว Yamaha XSR 155 สปอร์ตเฮอริเทจน้องเล็กในตระกูล XSR เท่เกินใคร เร้าใจเกินตัว
รีวิว Yamaha Grand Filano Hybrid ชีวิตมีคลาส สมาร์ทไปกับเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นแรกของไทย
รีวิว Honda ADV 150 ทดลองขี่ครั้งแรกในไทย Street Adventure A.T. เจ้าของค่าตัว 97,900.
รีวิว Honda CB300R มาดเท่สไตล์ Neo Sports Cafe อ็อพชั่นจัดเต็มระดับ Big Bike ในราคา 149,800.
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Honda CBR250RR สปอร์ตไบค์สายพันธุ์ Racing Replica เจ้าของค่าตัว 2.49 แสนบาท "