TEST DRIVE : รีวิว Honda City ซิตี้คาร์สปอร์ตเฉียบคมทุกมุมมอง
Honda City เป็นซิตี้คาร์ยอดนิยมในเมืองไทย ที่แม้ว่าโฉมปัจจุบันจะขายมานานหลายปีแล้ว แต่ก็ยังขายดี เห็นรถป้ายแดงใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นรถยนต์ที่คุ้มค่ากับการลงทุน มีอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือกมากมายตามสไตล์ของแต่ละคน
รุ่นปัจจุบัน หลังไมเนอร์เชนจ์ไปแล้ว เปลี่ยนกระจังหน้าเป็นแถบโครเมี่ยมหรูขนาดใหญ่ จากเดิมเป็นแค่พลาสติกพ่นสี
ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ รูปตัว E ดูสวยกว่าเดิมเยอะ
รัศมีวงเลี้ยวแคบ ไม่ต้องกังวลเมื่อเลี้ยวกลับที่เกาะกลางถนน
ล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่
ไฟหน้าและไฟท้าย ขนาดกำลังดี โดยเฉพาะไฟหน้าดูสวยกว่า Honda Jazz เพราะโคมไม่ใหญ่เกินไป
ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง
ไฟเบรคมีข้างละสองดวง ใต้กันชน มีทับทิมสะท้อนแสง เพิ่มความปลอดภัยเมื่อจอดรถในที่ ๆ มืดสนิท
เสาหน้าโครงหลังคา ไม่ค่อยบดบังทัศนวิสัย
cost comparison
1, out was.
เพราะมีขนาดไม่หนา
กระจกหน้าบานใหญ่ แต่ขณะขับ มันอยู่ใกล้ศีรษะของคนขับมากเกินไปสักหน่อย
พวงมาลัยแบบสามก้านที่มีรูปทรงสวยงาม
ชุดเครื่องเสียงและเครื่องปรับอากาศแบบสวิตช์บิดเลือก
ลำโพงที่ประตูหลังก็มี (เฉพาะรุ่น) แต่ไม่มีช่องเก็บของหรือขวดน้ำ
มีที่วางแขน ลดการเมื่อยล้าเมื่อเดินทางไกล
ที่นั่งตอนหลังก็มีที่วางแขนเช่นกัน ระดับความสูงกำลังดี ยกลอยเหนือเบาะ แต่รองรับน้ำหนักได้ไม่มาก
เบาะผ้า แต่ไม่นิ่มเท่าไรนัก
ไม่สามารถเล่น CD เพลงได้ แต่เล่นไฟล์เพลงจาก USB ได้
ปุ่มควบคุมจังหวะการปัดน้ำฝน ค่อนข้างแข็ง รู้สึกว่าใช้แรงในการโยกมากกว่ารถรุ่นอื่น
มีปุ่มสั่งงานเครื่องเสียงบนพวงมาลัยก้านซ้าย
เกียร์อัตโนมัติแบบแนวตรง คันเกียร์จับไม่ถนัดมือและวัสดุที่ให้ความรู้สึกไม่น่าประทับใจ ต่างจากคู่แข่งมาก
สวิชต์ควบคุมไฟส่องสว่างและไฟเลี้ยว
มาตรวัดค่อนข้างเล็กไปหน่อย แต่ก็อ่านได้ไม่ยาก
นอกจากไฟบนเพดานกลางห้องโดยสารแล้ว ยังมีไฟสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าให้พออ่านแผนที่ได้
ช่องเก็บของด้านหน้า
ประตูฝั่งคนขับมีช่องเก็บของเล็กน้อย แคบและล้วงหยิบได้ยาก มีลำโพงอยู่ที่ประตูด้วย
มือจับประตูแบบโครเมี่ยม ปุ่มสั่งงานกระจกแบบมีไฟสีส้มเรืองแสง
ลำโพงเสียงแหลมใกล้กระจกมองข้าง
คันโยกสำหรับเปิดท้ายรถจากในห้องโดยสาร
คันโยกสำหรับเปิดฝากระโปรงหน้ารถ เปิดง่าย ไม่ต้องคลำหา
ช่องแอร์แบบมาตรฐาน
มีช่องเก็บเงินเหรียญหรือธนบัตรแบบพับเล็ก
ช่องนี้ หลายคนนิยมใช้เก็บคีย์การ์ดผ่านเข้าออกอาคาร
เบาะนั่งโดยสารหลังพับเชื่อมต่อกับสัมภาระท้ายรถได้ บรรทุกของชิ้นใหญ่ได้
เบาะสีดำ อาจทำให้ดูห้องโดยสารมืดและรู้สึกคับแคบ แต่ทำความสะอาดง่าย (เพราะมองไม่เห็นความสกปรกนั่นเอง 555)
เสาอากาศวิทยุแบบแข็ง จากการทดสอบความไวในการรับสัญญาณ ถือว่าแค่พอใช้ได้
มุมมองสำหรับการถอยหลัง
เครื่องเสียงใช้งานได้ไม่ยาก และแอร์รุ่นใหม่มีความแรงลมที่ดี เย็นเร็ว
ไฟตัดหมอก ดีไซน์ไม่ค่อยเข้ากันกับดีไซน์ของตัวรถเท่าไรนัก ทำความสะอาดยาก
มาตรวัดความเร็ว และจอภาพ LCD ขนาดเล็ก
มาตรวัดความเร็วรอบ
ไฟแสดงสถานะเกียร์และไฟแจ้งเตือนปัญหาของตัวรถ มาตรวัดปริมาณน้ำมันแบบใหม่ที่บอกละเอียดกว่ารุ่นเดิม
ไฟฉุกเฉิน ปุ่มสีแดงขนาดใหญ่
สวิตช์แอร์ใส่เพิ่มโครเมี่ยมให้ดูหรูหรา
ไฟส่องสว่างสำหรับส่องอ่านแผนที่ มีขนาดใหญ่มากพอ
ไฟเรืองแสงมาตรวัดเป็น backlight สีขาว
จอแสดงผลเครื่องเสียง ไฟ backlight ของ LCD เป็นสีส้ม
พวงมาลัยมีปุ่มฟังก์ชั่นข้างเดียว ความกระชับในการจับพวงมาลัยทำได้ค่อนข้างดี
ล้ออัลลอยด์ ลายแหลมคม เข้ากันได้ดีกับตัวรถ
ปุ่มกดเพื่อปรับเบาะที่นั่งตอนหลังพับลงมา
ที่วางแขนและช่องเก็บของ
สามารถปรับระดับตำแหน่งเข็มขัดนิรภัยของคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าได้ตามระดับของไหล่
ช่องเติมน้ำมันเบนซินอยู่ทางซ้าย เติมได้ทั้ง แก๊สโซฮอล์ E10 E20 และเบนซิน 91/95
ตำแหน่งถุงลมนิรภัยผู้โดยสารตอนหน้า
Power outlet จ่ายไฟให้ Car charger สำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือ
ข้างเกียร์ มีหลุมสำหรับวางแก้วน้ำ
ลำโพงขนาดใหญ่
กุญแจรีโมทของรถทดสอบจากฮอนด้า
ขุมพลังจากเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 120 แรงม้า (88 กิโลวัตต์) ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.8 กก.-ม. (145 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,800 รอบต่อนาที
กระโปรงท้ายรถกว้างพอสำหรับผู้มีสัมภาระมากมาย (ไม่มีปุ่มเปิดอัตโนมัติที่ตรงฝากระโปรงท้าย)
เปิดออกมา เจอล้ออะไหล่และเครื่องมือ
เส้นทางที่เราใช้ทดสอบขับ เป็นถนนราชพฤกษ์ในช่วงกลางคืน ซึ่งสามารถทำความเร็วได้ดี การจราจรไม่หนาแน่น ทดสอบเร่งแซงได้ ผิวถนนเรียบดี ไม่ค่อยมีการปะซ่อมแซมผิวการจราจร และไม่มีจุดกลับรถที่เกาะกลางถนน
เราพบว่า อัตราเร่งทำได้ดี เร่งแซงได้สบายๆ เครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร มีสมรรถนะที่ดี ตอบสนองได้ดั่งใจ ทดสอบขับเข้าโค้งที่ความเร็ว 80-100 km/h ก็ยังมั่นใจได้ถึงการเกาะถนนได้ดี ไม่ต้องกลัวว่าหลุดโค้ง
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน
จากการทดสอบขับบนถนนราชพฤกษ์ และเส้นทางจากหาดใหญ่ไป จ.พัทลุง ที่ความเร็ว 80-100 km/h ตลอดทาง ถนนโล่งๆ ในเวลากลางคืน ได้ตัวเลขที่น่าพอใจอย่างมาก คือ 17.9 กม./ลิตร ส่วนการขับในตัวเมืองกรุงเทพฯ ที่รถติดพอสมควร ได้ตัวเลขอยู่ที่ 11.8 กม./ลิตร ก็ยังถือว่าน่าพอใจ ประหยัดน้ำมันพอสมควร เปิดแอร์ตลอดในการทดสอบ แอร์เย็นเร็ว ไม่มีการปิดแอร์เพื่อให้ได้ตัวเลขที่ดูประหยัดน้ำมันมากเป็นพิเศษ ทั้งหมดนี้เป็นการทดสอบด้วยสภาพการใช้งานจริงของคนทั่วไป
ในส่วนของความบันเทิง Honda City ให้เครื่องเสียงและลำโพงคุณภาพดีในระดับที่น่าพอใจ ลำโพงให้เสียงเบสที่เยอะสะใจ แต่เบสไม่ลึก เสียงแหลมเยอะแบบจัดจ้าน หากปรับ EQ ให้ดีๆ ก็จะได้เสียงที่น่าพอใจ แต่ไม่ถึงกับไพเราะ มีมิติ ใส
ข้อสังเกตของ Honda City
– อัตราเร่งช่วงออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ค่อนข้างอืด เมื่อเปรัยบเทียบกับคู่แข่ง
– เครื่องเสียงเล่น CD ไม่ได้ และไม่มีปุ่มเลือกคลื่นสถานีวิทยุ 1-6 ช่องแรกที่เราบันทึกไว้ ตัดปุ่มที่สำคัญออกไป
– ฝาท้ายไม่มีปุ่มเปิดจากภายนอกรถ ต้องใช้กุญแจไข
– สาย USB ยาวเกะกะ น่าจะทำเป็นขั้วติดคอนโซลไว้ ไม่ต้องมีสายห้อยออกมา
– ไฟท้ายเป็นหลอดไฟธรรมดาไม่ใช่ LED ในระดับราคาเดียวกัน รถยนต์ของ KIA ให้ไฟท้ายแบบ LED สวยงาม
– ไม่มีเบาะหนังเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้เลือก
เปรียบเทียบกับคู่แข่ง
ด้วยความสดใหม่และดีไซน์ที่สวยงามอย่างมากของ Toyota Vios ใหม่ หลายคนคงเริ่มลังเล Honda City ระหว่าง Toyota Vios แต่สำหรับแฟน Honda แล้ว เราเชื่อว่าคงไม่เปลี่ยนยี่ห้อด้วยเหตุผลแค่ดีไซน์
จุดเด่นของ Vios ที่เอาชนะ City ได้ตั้งแต่แรกเห็นคือ ดีไซน์ภายนอกสวยงามมากกว่าในทุกมุมมอง ภายในใช้วัสดุตกแต่งห้องโดยสารที่ดูดี เลียนแบบหนังเย็บ ออกแบบประโยชน์ใช้สอยได้ดี เครื่องเสียงใช้จอสีฟ้าขาว ดูหรูหรากว่าไฟสีส้มของ City ไฟหน้าของ Vios ในรุ่นท็อป เป็นแบบ Projector ในขณะที่ City ยังเป็นหลอดไฟธรรมดา
Vios พยายามลบข้อบกพร่องแล้วใส่จุดเด่นเพื่อยกระดับให้เหนือกว่า City ในหลายด้าน โดยเฉพาะสมรรถนะและดีไซน์ที่สัมผัสได้ แต่ในเรื่องของการเกาะถนน ถือว่า City ทำได้ดีกว่า Vios เล็กน้อย อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันก็ไม่ต่างกันมาก
แต่ City มีให้เลือกในเวอร์ชั่น CNG ที่ใช้ NGV ในการขับเคลื่อนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้เปรียบมากกว่า Vios อย่างไรก็ตามอยากให้ผู้อ่านทดลองขับและเปรียบเทียบอย่างละเอียดทั้งสองยี่ห้อก่อนการตัดสินใจโดยไม่มีอคติ เพราะปกติแล้วคนที่ชื่นชอบรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งจะไม่ชอบอีกยี่ห้อที่เป็นคู่แข่งตลอดกาลกันมายาวนาน
สำหรับคู่แข่งรายอื่นทั้งที่เป็น Eco car และไม่ใช่ Eco car แต่ราคาใกล้เคียงกันจนเกิดการเปรียบเทียบ เช่น Chevrolet, Mazda, Ford, Kia, Nissan, Mitsubishi, Suzuki ก็มีจุดเด่นและข้อเสียที่แตกต่างกันไป Chevrolet Sonic ดีไซน์ไม่ถูกใจคนไทย Mazda 2 และ Ford Fiesta คับแคบที่สุดในกลุ่มและใกล้ถึงเวลาปรับโฉมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ Kia สวยแต่วัสดุและการบริการยังไม่น่าประทับใจ ส่วน Nissan โดนเด่นที่ความกว้างของห้องโดยสารมากกว่าใคร การบริการก็ถือว่าดีใช้ได้ แต่เครื่องยนต์มีขนาดเล็กกว่า City Mitsubishi กับ Suzuki ก็น่าจับตา เพราะกำลังเติบโดได้สวยในตลาดเมืองไทย
แต่คนไทยยังยึดติดเรื่องศูนย์บริการ ทำให้ Honda เป็นตัวเลือกอันดับแรกๆเสมอ เมื่อคิดจะซื้อรถยนต์นั่งขนาดเล็ก City ก็ตอบโจทย์ได้ดีในการใช้งานสไตล์คนเมือง ขับรถไปเรียน ไปทำงาน ไปช้อปปิ้ง ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้างเป็นบางครั้ง
แนะนำว่า Honda City ถ้าใส่ชุดแต่งสเกิร์ตหน่อย จะสวยขึ้นอีกไม่น้อย ถูกใจวัยรุ่นหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบฮอนด้า
วัดอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง | ||||
ครั้งที่ 1 | ครั้งที่ 2 | ครั้งที่ 3 | เฉลี่ย | |
อัตราเร่ง 0-60 กม./ชม. | 6.2 | 5.7 | 5.8 | 5.9 |
อัตราเร่ง 0-80 กม./ชม. | 8.2 | 8.7 | 8.1 | 8.3 |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. | 12.5 | 12.6 | 12.8 | 12.6 |
อัตราเร่ง 0-120 กม./ชม. | 17.4 | 17.8 | 17.2 | 17.6 |
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ S M/T 559,000.
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ S A/T 599,000.
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ V A/T 646,000.
ราคา Honda City ฮอนด้า ซิตี้ SV A/T 704,000.
วรพล ลิ่มศิริวงศ์ ผู้เขียน
ขอขอบคุณ ทีมงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท Honda Automobile (Thailand) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถมาใช้ในการ TEST DRIVE
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
ขอทราบรายละเอียด รุ่น s ดาวน์เท่าไหร่ ไม่ต้องมีคนค้ำ มีโปรๆอะไรมั่ง เพราะรุ่นใหม่กำลังจะมา ส่วนลดอ่ะครับ นอกจากผ่อนดาวน์ถูก ที่ลงโฆษณา athis_0456@hotmail.com