รีวิว Honda CR-V 2.4 EL 4WD รถเอนกประสงค์ พร้อมลุยทุกสถานการณ์
ก้าวไปสู่อีกขั้นของชีวิต กับมาตรฐานใหม่แห่งยนตรกรรมสปอร์ตอเนกประสงค์ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ที่มาพร้อมกับภาพลักษณ์หรูหรา และโดดเด่นทุกองศารอบคัน สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของความสะดวกสบาย อีกระดับด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะล้ำสมัย ที่ให้คุณควบคุมทุกการสั่งการได้อย่างสะดวก และง่ายดายยิ่งขึ้น พร้อมด้วยระบบความปลอดภัย ที่ทำงานผสานกันในทุกส่วน เพื่อรองรับทุกการเดินทางในการใช้ชีวิตของคุณ
ยาวนาน 20 ปีแล้ว ที่คนไทยรู้จัก Honda CR-V รถยนต์เอนกประสงค์ สไตล์รถตรวจการณ์ที่มีล้ออะไหล่อยู่ด้านหลัง มาจนถึงรุ่นใหม่ล่าสุด CR-V โฉมใหม่ ที่ถูกใจคนทั้งโลกมากกว่าเดิม สลัดภาพรถเชยๆ หลังคาสูงเป็นสันเหลี่ยม มาเป็นรถสไตล์สปอร์ตที่สวยงามโค้งมนทันสมัยในทุกมุมมอง ไม่มีล้ออะไหล่เกะกะที่ประตูหลังอีกต่อไป
ราคาขายและรุ่นที่นำมารีวิวในบทความ
Honda CR-V มีด้วยกัน 4 เกรด ราคา ณ วันที่ 31 พ.ค. 2557 ดังนี้
หมายเหตุ : สี White Orchid Pearl เพิ่มเงินอีก 12,000 บาท และสี Crystal Black Pearl เพิ่มเงินอีก 8,000 บาท
โดยรุ่นที่นำมารีวิวในครั้งนี้ คือ 2.4 EL ที่เป็นรุ่นท็อปสุดของ CR-V ใช้เครื่องยนต์ DOHC i-VTEC ขนาด 2.354 cc 4 สูบ 16 วาวล์ ให้กำลัง 170 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อน 4WD อัตโนมัติ เพราะฉะนั้นรายละเอียดบางอย่างที่ปรากฎในบทความนี้ อาจไม่มีใน Honda CR-V เกรดที่ต่ำกว่า 2.4 EL ตัวท็อป
ยลโฉมรูปลักษณ์ภายนอกทุกมุมรอบคัน
Honda CR-V 2.4 EL ใบทความนี้เป็นสีดำคริสตัลหรือ Crystal Black Pearl ถือเป็นสียอดนิยมของ CR-V สีหนึ่งที่พบเห็นได้บนท้องถนนได้บ่อยใกล้เคียงกับสีขาว White Orchid Pearl
ดีไซน์ด้านหน้า สวยงามกว่ารุ่นเก่าอย่างมาก เป็นการปฏิวัติรูปโฉมใหม่กันเลยทีเดีย ไฟหน้าเป็นแบบ HID Projector ปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ และเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยเช่นกัน
กระจังหน้าดูหรูหรา และยังได้อารมณ์สปอร์ต ออกแบบมาให้สอดรับกับไฟหน้า ดูเหมือนทับซ้อนกัน
ชายล่างกันชนเป็นสีเทา ไม่ว่าตัวรถจะเป็นสีใดก็ตาม
โลโก้ฮอนด้าขนาดเหมาะสม ไม่ใหญ่เกินไป
ขอบปลายของไฟหน้า เสริมโหงวเฮ้งหน้าตาของรถ เสมือนยกหางตาให้สูงขึ้น
ชายล่างกันชน ยางกันโคลน และกาบข้างประตู สีเทารอบคัน มีดีไซน์ที่สอดรับกัน เสริมส่วนล่างของตัวรถ ให้ดูเป็นรถ Crossover หรือ Cross road อะไรทำนองนั้น ป้องกันรอยขีดข่วนจากหินดินทรายและกิ่งไม้
ด้านข้างตัวรถกับดีไซน์ใหม่หมด โค้งมนไร้สันเหลี่ยม เล่นมุมแหลมในส่วนท้ายรถ ไม่มีราวเหล็กบนหลังคา เส้นสายของออกแบบ ถือว่าสวยงามดีมาก บางจุดก็ยังได้แรงบันดาลใจมาจาก Volvo XC
ล้ออัลลอยแวววาวสวยงามขนาด 18 นิ้ว รวม 5 วง หมายความว่า ล้ออะไหล่ก็เป็นล้ออัลลอยแบบเดียวกันทั้งหมด ไม่ใช่ล้อเหล็กสีดำแบบรถทั่วไป เป็นเรื่องที่น่าชมเชย
Dunlop SP Sport Maxx เป็นยางที่ติดมากับรถ มีขนาด 225/60 R18
“จากการทดสอบขับที่ระดับความเร็ว 70-160 กิโลเมตร/ชั่วโมง พบว่าเป็นยางที่มีประสิทธิภาพการเกาะถนนที่ดี นุ่มนวลดี แต่ไม่ใช่ยางที่เงียบ ได้ยินเสียงยางสัมผัสพื้นถนนอย่างชัดเจนมาก ทั้งนี้ก็ไม่ได้สร้างความรำคาญมากนัก สามารถใช้งานจนเสื่อมสภาพแล้วค่อยเปลี่ยนยางที่ดีกว่านี้ก็ได้”
โครเมียมล้อมรอบขอบกระจก ได้ทั้งความหรูกับความสปอร์ต และกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED
มือจับประตูโครเมียม
เสาอากาศบนหลังคา
ดีไซน์ในส่วนท้าย สวยงามทุกมุม แม้ว่าจะได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก Volvo เช่นเคย ตั้งแต่ CR-V รุ่นแรกๆ แต่ Honda ก็ได้ออกแบบให้ดูสวยงามลงตัวกับส่วนอื่นๆ ตลอดทั้งคัน เส้นสายที่สะท้อนถึงความทันสมัย มั่นใจได้เลยว่า CR-V รุ่นใหม่นี้ จะสวยงามอมตะไปอีกนานหลายปี ไม่ดูเชยล้าสมัยอย่างรวดเร็วเหมือน CR-V รุ่นก่อนๆ
ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ พัฒนาให้สวยงามมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงใช้หลอดไฟธรรมดา
ที่ปัดน้ำฝนกระจกหลังและที่ฉีดน้ำล้างกระจกหลัง
โลโก้ 4WD ในรุ่นที่ขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ
ใต้โลโก้ฮอนด้า เหนือขอบป้ายทะเบียน มีกล้องช่วยมองขณะถอยหลัง
ท่อไอเสียแบบท่อเดี่ยว
เส้นสายของฝาท้ายและไฟท้าย ก็ยังสอดรับกันดี บริเวณเหนือโลโก้ CR-V
ส่วนท้ายเล่นมุมแหลม เป็นเสน่ห์ของ CR-V รุ่นใหม่
ความสะดวกสบายสำหรับการขนถ่ายสัมภาระและเปลี่ยนยางอะไหล่
ต่อเนื่องกันเลย ดูส่วนท้ายกันทั่วทุกมุมแล้ว ลองเปิดฝาท้ายกันดูหน่อย
เปิดได้กว้างและสูง ไม่ชนศีรษะ มีโช้คอัพช่วยผ่อนแรง ออกแรงเบาๆ เด็กก็เปิดเองได้ ไม่อันตราย
ห้องเก็บสัมภาระกว้างขวาง วางหรือหยิบได้สะดวก ไม่ต้องก้ม
มือจับช่วยปิดฝาท้าย พร้อมระบบผ่อนแรง
ยางอะไหล่อยู่ใต้แผ่นรองห้องเก็บสัมภาระ
ยางอะไหล่ ล้ออัลลอยแบบเดียวกับล้อหลักทั้ง 4 ล้อ และเครื่องมือช่วยเปลี่ยนล้อครบครัน
ความหรูหรากว้างสบายภายในห้องโดยสาร
CR-V เป็นรถยนต์ SUV พันธุ์แท้ มีที่นั่งสูงกว่ารถเก๋งทั่วไป ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีเยี่ยม มุมมองสูง มองเห็นได้สะดวกในมุมที่กว้างกว่า ขับง่าย จอดง่าย
กระจกมองข้าง มุมมองกว้าง เสาหลังคามีขนาดไม่ใหญ่เกินไป
ปุ่มของอุปกรณ์ต่างๆ จัดวางตำแหน่งเหมาะสม คนขับสามารถสั่งงานได้สะดวก
มุมมองในขณะขับขี่
ประตูเปิดได้กว้าง เข้าออกสะดวก โดยไม่จำเป็นต้องปีน เพราะห้องโดยสารไม่ได้สูงเกินไป
เบรคมือแบบใช้เท้ากด, ที่พักเท้าซ้าย, เบรคหยุดรถ และคันเร่ง พร้อมพรมปูพื้นมาตรฐานที่มากับรถ
ปุ่มเปิดฝาถังน้ำมันและเปิดฝากระโปรงหน้า อยู่ใกล้ขาขวาของคนขับ
เติมน้ำมันทางด้านซ้ายของตัวรถ รองรับน้ำมันที่มีค่าออกเทน 91 ขึ้นไป ใช้ได้ทั้งเบนซินธรรมดาและ Gasohol E10 E20 E85 ประหยัดเงินไปได้เยอะ
กลับเข้ามาที่ห้องโดยสาร มีถุงลมนิรภัยด้านข้างที่เบาะคู่หน้าด้วย
เบาะหนังนุ่มหนาแน่น ที่พิงศีรษะทำมุมเหมาะสม ไม่ทำให้เมื่อยคอ
เบาะนั่ง ปรับไฟฟ้า
ปุ่ม Start / Stop เครื่องยนต์ หลบอยู่ด้านซ้ายของพวงมาลัย
ด้านขวาของพวงมาลัย มีปุ่ม ECON และปุ่มสั่งงานระบบควบคุมการทรงตัวของรถในขณะขับบนถนนเปียกลื่น
ช่องลมเครื่องปรับอากาศฝั่งติดกับประตูคนขับ มีขนาดใหญ่ส่งลมแรงถึงที่นั่งตอนหลัง
กระจกมองข้างขนาดใหญ่ปรับไฟฟ้า ปรับมุมได้เยอะ และให้สังเกตว่ามีลำโพงเสียงแหลมติดตั้งอยู่ใกล้กัน
ตำแหน่งของเกียร์ สร้างความประทับใจให้กับคนขับได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ต้องเอื้อมจนสุดแขน อยู่ใกล้หัวเข่าและมีความสูงที่เหมาะสม
พื้นที่วางขาในส่วนของคนขับ มีความกว้างแบบพอดีๆ นั่งสบาย ผ่อนคลาย ไม่อึดอัด
พวงมาลัยหุ้มหนัง ใหญ่หนาพอดีมือ กระชับ ควบคุมการเลี้ยวได้สะดวก ผิวค่อนข้างลื่นมือไปหน่อย
ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและจอภาพบนพวงมาลัยฝั่งซ้าย
ปุ่มควบคุมระบบ Cruise control หรือขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยความเร็วคงที่โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง
ปุ่มรับสาย-วางสาย เมื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือแล้ว
Paddle shift เพิ่ม-ลดระดับเกียร์
มาตรวัด ตัวอักษรอ่านง่ายมาก
ปรับการแสดงผลบนจอภาพได้ตามความต้องการ ว่าจะให้แสดงระยะไมล์ หรืออัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน จากการทดสอบวิ่งในย่านชานเมือง จ.นนทบุรี ตามสภาพการจราจรตอนเย็นที่มีรถค่อนข้างมาก ทำความเร็วได้ 60-160 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ไม่ได้ขับด้วยความเร็วคงที่ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 12.4 กิโลเมตร/ลิตร หากขับทางไกลออกต่างจังหวัด จะประหยัดกว่านี้อีกพอสมควร
เครื่องปรับอากาศแยกการตั้งค่าระหว่างเบาะหน้าและเบาะหลังให้อุณหภูมิต่างกันหรือเท่ากันทั่วทั้งรถก็ได้ เย็นเร็วดีพอสมควร ในโหมด Auto เครื่องปรับอากาศจะปรับระดับความเย็นให้อัตโนมัติ
ใกล้ฐานเกียร์ มีช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ สำหรับเสียบที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ / แทบเล็ต
ที่ใส่ของพร้อมฝาปิด
ที่วางแขนสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า
ใต้ที่วางแขน มีช่องใส่ของ ช่องจ่ายไฟ และช่องเสียบ USB Flashdrive ที่บรรจุไฟล์เพลงเอาไว้
กระจกมองหลัง
กระจกส่องหน้า ไม่มีไฟส่องสว่างตั้ง 2 ตำแหน่ง
ที่เก็บแว่นตากันแดด
ไฟส่องแผนที่
ไฟสีฟ้าจาก LED ตัวเล็ก บอกถึงสถานะของการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth ข้างๆ กันเป็นไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์ ในการรับสายก็เพียงแค่กดปุ่มที่พวงมาลัย
กุญแจรีโมตระบบ Immobilizer ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและมีประโยชน์จริงในชีวิตประจำวัน
จอแสดงผลที่คอนโซลกลาง เปลี่ยนธีมสีได้ ส่วนใหญ่แล้วทำหน้าที่เป็นนาฬิกามากกว่าการแสดงข้อมูล
กดปุ่มที่พวงมาลัย เพื่อเปลี่ยนโหมดการแสดงผลเป็นอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันก็ได้ จากภาพแสดงให้เห็นว่า ใช้งานในตัวเมืองกรุงเทพฯ ที่รถติดอย่างหนัก อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 9.2 กิโลเมตร/ลิตร
ปรับแต่งการตั้งค่าของจอภาพนี้ได้มากมาย
ตั้งค่าการแสดงผล กดปุ่ม 5 ทิศจากบนพวงมาลัยได้เลย
สั่ง Reset ระยะทาง Trip A/B
ตั้งค่าการทำงานของกุญแจรีโมทและการล็อคประตู
ทดลองเปลี่ยนธีมสี เป็นสีแดง
ต่อมา ดูในส่วนของเครื่องเสียงกันบ้าง
รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth กับอุปกรณ์ดิจิตอล เล่นไฟล์เพลงรูปแบบ WMA และ MP3 ได้
อ่านแผ่น CD และ DVD ได้
ปุ่มสั่งงานอยู่ที่ใต้จอภาพทั้งหมด
ทดลองใช้ระบบแผนที่นำทาง
มุมมอง 3D
จอภาพ ไม่รองรับ Multi touch ต้องกดซูมด้วยปุ่ม + / –
แนะนำสถานที่เป็นภาษาไทย ตัวอักษรไม่สวย อ่านค่อนข้างยาก
เมนูหลักของระบบนำทาง
เริ่มใช้งาน ก็ต้องระบุตำแหน่งของบ้าน ที่ทำงาน และสถานที่ที่ไปบ่อยๆ เอาไว้ก่อนเลย
ค้นหาสถานที่และดูแผนที่พอได้ แต่ฐานข้อมูลยังไม่ดีพอ ฮอนด้าควรรีบปรับปรุงในจุดนี้
ในส่วนของเครื่องเสียง เริ่มต้นที่วิทยุ ทำงานได้รวดเร็วดี เสียงดีสมราคา เลือก Input ได้ง่าย จากเมนูในส่วนล่างสุดของจอภาพ บันทึกสถานีวิทยุ FM ที่ชื่นชอบได้ 12 สถานี
ปรับเสียงทุ้ม กลาง แหลม และบาลานซ์ของลำโพงทั้ง 4 ตำแหน่งได้
มีระบบจำลองสนามเสียง เพิ่มมิติเสียง
ตั้งค่าการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องเล่นเพลง
ตั้งค่าทั่วไป
ฟังก์ชั่นการโทรศัพท์ของตัวรถ ที่จะต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือก่อน
มือจับบนเพดานห้องโดยสาร
ไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร
ผนังประตู มีที่วางแขนหุ้มหนังเหมือนกับเบาะที่นั่ง และติดตั้งลำโพงเสียงทุ้มไว้ในบริเวณส่วนล่าง
เข้าออกได้สะดวก เพราะเบาะปรับไฟฟ้า แต่ปรับความสูงไม่ได้
ติดตั้งถุงลมนิรภัยด้านข้างไว้ด้วย
เบาะหนัง นั่งสบาย ทรงสูง ไม่เมื่อยขา มีให้เลือกทั้งสีเบจและสีดำ
พรมรองพื้น
ลำโพง Tweeter
ประตูส่วนใหญ่เป็นวัสดุพลาสติกสีน้ำตาล
ช่องใส่เอกสาร
ช่องลมเครื่องปรับอากาศ
มีพื้นที่วางขากว้างมากพอ เหลือพื้นที่หน้าหัวเข่า
มาดูกันต่อที่ห้องโดยสารตอนหลัง
ประตูเปิดได้กว้าง เข้าออกได้สะดวก
เบาะหนังขนาดใหญ่ นั่งสบาย
ที่พิงศีรษะมีให้ครบทั้ง 3 ที่นั่ง ปรับความสูงได้
ความยาวของเบาะ รองถึงใต้หัวเข่าพอดี ลดอาการเมื่อยล้าเมื่อนั่งนาน
ที่วางแขนพร้อมหลุมใส่เครื่องดื่ม
ผนังประตูมีที่วางแขนหุ้มหนัง และติดตั้งลำโพง Full-range เอาไว้ด้วย
ที่วางแขน สูงกำลังดี
เข็มขัดนิรภัยสำหรับที่นั่งตรงกลาง ถูกซ่อนเก็บไว้บนเพดาน
พื้นที่วางเท้าหรือ Leg room กว้างมาก เหยียดปลายเท้าสอดใต้เบาะหน้าได้
มีช่องลมเครื่องปรับอากาศสำหรับห้องโดยสารตอนหลัง
ที่วางแขน หุ้มวัสดุเหมือนกับเบาะหนัง ตามสีของเบาะที่เลือก
มีช่องเก็บนิตยสารหลังเบาะคู่หน้า
คันโยกสองอันนี้สำหรับดึงเพื่อพับเบาะหลังให้แบนราบ
เพิ่มพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระได้อีกเยอะเลย
พับ 60 : 40 ตามมาตรฐานสากลนิยม
ไฟส่องห้องเก็บสัมภาระ
จุดม้วนเก็บสายเข็มขัดนิรภัยบนเพดาน
ดึงเบาะ ยกขึ้นได้ไม่ยาก ออกแรงน้อย เด็กๆ ก็ทำได้
กลไกพับเบาะเป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างมาก อยากลองให้สัมผัสด้วยตนเองที่โชว์รูม
กล้องช่วยมองหลัง และแนวเส้นช่วยกะระยะจอด ทำงานได้ดี แม่นยำดี
ทดลองเปิดไฟหน้าและไฟตัดหมอก
ไฟหน้า HID ประสิทธิภาพสูง ส่องสว่างกว้างไกล
ไฟเลี้ยว LED ที่กระจกมองข้าง
บทสรุปการทดสอบขับ Honda CR-V
เราได้ทดสอบขับบนถนนนครอินทร์ ถนนราชพฤกษ์ และถนนกาญจนาภิเษก ในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างคับคั่ง แต่ก็ยังสามารถทำความเร็วได้ เร่งแซงได้ เพื่อทดสอบสมรรถนะบนถนนจริง ได้ผลสรุปดังนี้
ข้อสังเกตุ
เปรียบเทียบกับคู่แข่งในกลุ่ม SUV พันธุ์แท้
เปรียบเทียบกับคู่แข่งในกลุ่ม PPV ที่ใช้พื้นฐานรถกระบะ
เราไม่อยากให้นำ Honda CRV ไปเปรียบเทียบกับ Isuzu MU-X, Toyota Fortuner, Chevrolet Trailbrazer, Mitsubishi Pajero Sport หรือรถยนต์จากไทยรุ่งฯ เพราะเป็นรถที่ดัดแปลงมาจากรถกระบะ มีความแตกต่างอย่างมากกับรถที่ตั้งใจออกแบบให้เป็น SUV มาตั้งแต่เกิด เพราะ PPV มีจุดด้อยตรงที่ เสียงเครื่องยนต์ดัง ออกตัวได้ช้ามาก ขับไม่สนุก ขาดความนุ่มนวล เนื่องจากช่วงล่างและระบบกันสะเทือนเหมือนกับรถกระบะ ในเรื่องของความหรูหราและความสปอร์ต ก็แตกต่างกันกับ SUV อย่างมาก เพราะตัวถังโครงสร้างเป็นทรงของรถกระบะนั่นเอง
ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ฝากกด LIKE + SHARE ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^__^
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
อยากขอแย้ง ที่ว่า PPV ออกตัวช้า ขับไม่สนุก ไม่จริงเลยครับ เพราะตอนนี้ยังขับ CRV 2013 กับ FORTUNER 2010 อยู่ fortuner ออกตัวเร็วกว่า เร่งแซงเร็วกว่า CRV มากเลยครับ จับเวลา 0-100 fortuner กินเวลาน้อยกว่า เปรียบเทียบจากรถตัวเอง ขับเองครับ
tartar@hotmail.com