รีวิว Honda Forza 300 ใช้งานจริงนับหมื่นกิโลเมตร จะตอบโจทย์คุณหรือไม่? ไปหาคำตอบกัน
หากจะพูดถึงกระแสรถมอเตอร์ไซค์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาในตอนนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่ารถมอเตอร์ไซค์ Scooter พิกัด 300 ซีซี. นั้นกำลังฮอตฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ All-New Honda Forza 300 ซึ่งผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน
บทความนี้จะเป็นการรีวิวจากการใช้งานจริงนับ 10,000 กิโลเมตร ซึ่งจะมีผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย
ล้อแม็กเดิมจากโรงงานเป็นสีดำ
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า All-New Honda Forza 300 คันนี้ เป็นรถส่วนตัวของผู้เขียนเอง ซึ่งมีการปรับแต่งสีล้อแม็กใหม่เป็นสีน้ำเงิน (ล้อแม็กเดิมจากโรงงานเป็นสีดำ)
นอกนั้นยังคงไว้ซึ่งอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน ซึ่งไม่มีผลต่อการใช้งาน และผลลัพธ์ในการรีวิวครั้งนี้แต่อย่างใด
มิติตัวถัง All-New Forza 300
ดีไซน์โดยรวมของ All-New Honda Forza 300 ถูกปรับลุคเสริมความสปอร์ต และโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราแบบพรีเมียม Scooter เหมือนเช่นเคย
โดยด้านหน้ามาพร้อมโคมไฟแบบ LED พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED ดีไซน์เส้นสายโฉบเฉี่ยว
กระจกมองข้างติดตั้งที่ด้านหน้าตัวรถ มาพร้อมไฟหรี่ และไฟเลี้ยวในตัว (สามารถพับเก็บได้แบบรถยนต์)
แผงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยวัสดุสีเทาดำที่ให้ความรู้สึกแบบพรีเมียม เบาะนั่งขนาดใหญ่นั่งสบายยกระดับผู้ซ้อนท้าย
ปิดท้ายด้วยไฟท้ายดีไซน์สปอร์ตแบบ LED ทั้งนี้ดีไซน์โดยรวมเมื่อเทียบกับรุ่นแรกแล้ว ถูกเพิ่มเหลี่ยมสัน และเส้นสายที่ดูแข็งแกร่ง แต่โฉบเฉี่ยว ภายใต้สีตัวถังที่ดูหรูหรา และสง่างาม
รูปเรือนไมล์ถ่ายตอน 257 กม. (ปัจจุบันเรือนไมล์มีริ้วรอยตามการใช้งาน)
อีกหนึ่งจุดขาย และไฮไลท์สำคัญของ All-New Honda Forza 300 ก็คือ หน้าปัดเรือนไมล์ที่มาแบบดิจิตอล ผสานมาตรวัดความเร็ว และวัดรอบแบบเข็มที่ให้อารมณ์สปอร์ต ตรงกลางมีจอ LCD ที่บอกค่ารายละเอียดได้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น
ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง, อุณหภูมิความร้อนเครื่องยนต์, อุณหภูมิอากาศภายนอก, กระแสไฟแบตเตอรี่, ทริปจับระยะทาง 2 ช่อง (Trip A, Trip B), ระยะทางที่สามารถขับขี่ต่อไปได้ (คำนวณจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่), อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย
รวมไปถึงระบบไฟแจ้งเตือนการทำงานของระบบ ABS และ HSTC (Honda Selectable Torque Control)
หรือที่เรารู้จักกันในระบบ Traction Control (ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี) นั่นเอง โดยระบบจะคำนวณความเร็วสัมพันธ์ระหว่างล้อหน้า และล้อหลังกับแรงบิดในขณะนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการล้อหมุนฟรี
ซึ่งสามารถควบคุมการทำงานของระบบนี้ ได้จากสวิตช์บนแฮนด์ด้านซ้าย เพียงกดปุ่มค้างไว้ 3 วินาที ระบบจะปิดการทำงาน HSTC แต่ทุกครั้งที่สตาร์ทใหม่ ระบบจะทำการเปิดระบบ HSTC ให้ทันที ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานจากโรงงาน
อีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดของ All-New Honda Forza 300 ที่ถูกอกถูกใจผู้เขียนเป็นอย่างมาก ก็คือวินชิลด์หน้าไฟฟ้า ที่สามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้ (ในระยะ 110 มม.) โดยสามารถปรับได้จากสวิทซ์ที่แฮนด์ด้านซ้ายมือ ซึ่งสามารถปรับได้ตามใจชอบแม้ในขณะขับขี่ (ไม่จำเป็นต้องขึ้นสุด หรือลงสุด)
โดยปกติผู้เขียนจะปรับสูงสุดในการเดินทางไกล หรือในจังหวะการจราจรคล่องตัว เพื่อลดแรงลมปะทะ และจะปรับลงต่ำสูงในช่วงการจราจรติดขัด หรือในจังหวะที่ต้องการให้ลมปะทะตัว
ซึ่งหากปรับขึ้นสูงสุดวินชิลด์จะผลักลมขึ้นเลยหมวกกันน็อคพอดี ช่วยเพิ่มความนิ่งในการขับขี่ด้วยความเร็วสูงอีกด้วย โดยเทคโนโลยีนี้ถือเป็นครั้งแรกในรถ Scooter ในคลาส 300 ซีซี.
และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้เขียนเลือกใช้ All-New Honda Forza 300 ก็คือ ความกว้างขวางของขนาด U-Box ที่ใหญ่จนสามารถเก็บหมวกกันน็อคเต็มใบได้ถึง 2 ใบ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก
โดยปกติแล้วผู้เขียนจะใช้งานทั้งการเก็บกล้องถ่ายรูป, โน้ตบุ๊ค และหมวกกันน็อค ซึ่งทุกอย่างถูกปิดล็อคอย่างแน่นหนา สบายใจหายห่วง ไม่ต้องถือหมวกกันน็อคติดตัวไปที่ต่างๆ แบบเจ้าของรถรุ่นอื่นที่ไม่มี U-Box ที่ใหญ่ขนาดนี้
ส่วนช่องเก็บของที่คอนโซลด้านหน้า ออกแบบให้มี Power Outlet หรือช่องจ่ายไฟ AC สำหรับชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ผู้เขียนเองใช้งานเป็นประจำ
แต่ข้อแนะนำว่าควรชาร์จเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เพราะว่าการนำโทรศัพท์ไปชาร์จนอกจากจะทำให้แบตเตอรี่รถลดลงแล้ว โทรศัพท์ยังเกิดความร้อนสะสมสูงขึ้นด้วย หากขี่ทางไกล หรือชาร์จนานเกินไปอาจเกิดความเสียหายได้
ปิดท้ายด้วยระบบกุญแจ Smart Key ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และสะดวกสบายต่อการใช้งาน
ด้านระบบช่วงล่าง ของ All-New Honda Forza 300 มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบเทเลสโคปิค ขนาด 33 มม. (เล็กลงกว่าเดิม 2 มม.) ด้านหลังเป็นแบบโช้คอัพคู่ ที่สามารถปรับ Preload ได้ 5 ระดับ
ส่วนระบบเบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลังเป็นแบบดิสก์เบรก โดยใช้ปั้มเบรกของ Nissin ที่มาพร้อมระบบ ABS ที่ทำงานร่วมกับระบบ HSTC (Honda Selectable Toque Control)
ซึ่งติดตั้งอยู่บนล้อแม็กด้านหน้าขนาด 15 นิ้ว และด้านหลังขนาด 14 นิ้ว รัดด้วยยาง Pirelli Diablo Scooter ขนาด 120/70-15 และ 140/70-14 (ซึ่งคันที่รีวิวนี้เป็นล็อตแรกที่ยังคงใช้ยางจาก Pirelli)
ส่วนล็อตปัจจุบันนั้นจะได้ยาง IRC มาแทน
สำหรับขุมพลังเครื่องยนต์ เป็นแบบ 1 สูบ 4 จังหวะ ขนาด 279 ซีซี. SOHC 4 วาล์ว ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 72 x 68.6 มม.
จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ (ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับรุ่นเดิม) แต่ได้รับการปรับจูนใหม่ มอบสมรรถนะสูงสุด 24.8 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที (มากกว่าเดิม 0.3 แรงม้า) ในรอบเครื่องที่ต่ำกว่า
และ แรงบิดสูงสุดที่ 27.2 นิวตัน-เมตรที่ 6,000 รอบ/นาที (มากกว่าเดิม 1.5 นิวตัน-เมตร) ในขณะที่ตัวรถมีน้ำหนักที่เบาลงถึง 10 กก.
โดยมีอัตราเฉลี่ยน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 27 กม./ลิตร (ขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่ และปัจจัยด้านการจราจร)
ด้านสมรรถนะการขับขี่ ของ All-New Honda Forza 300 นั้น ถือว่าเป็นรถ Scooter ที่สามารถใช้งานได้ทุกวัน และทุกสถานการณ์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างแท้จริง
ไม่ว่าสำหรับการขับขี่งานในเมือง หรือการขี่ออกทริปต่างจังหวัดก็สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
ซึ่งหากใครที่เคยขี่รถ Scooter ในคลาส 150 ซีซี. มาบ้าง จะรู้สึกได้ทันทีว่ามิติตัวรถ และการควบคุมต่างๆ แทบไม่ต่างกันเลย
เพียงแต่น้ำหนักตัวรถอาจจะมากกว่าสักเล็กน้อย
แต่ถึงอย่างนั้นเจ้า All-New Honda Forza 300 ก็ยังสามารถทำ Top Speed ได้ถึง 145 กม./ชม. ที่ 8,500 รอบ/นาที (ผู้เขียนน้ำหนัก 65 กก.)
โดยอัตราเร่งจะค่อยๆ ขึ้นอย่างนุ่มนวล ไม่กระโชกโฮกฮาก แต่ถ้าหากก้มลงมามองที่เรือนไมล์คุณอาจจะตกใจ เมื่อรู้ว่าความเร็วนั้นมาแตะอยู่ระดับ 120 กม.ชม. ในระยะเวลาไม่ถึง 15 วินาที
ด้านระบบช่วงล่าง และระบบเบรก ถือว่าให้การตอบสนองอยู่ในระดับดี แต่ไม่ถึงขั้นสุด เพราะค่าเดิมที่เซ็ทมาให้จากโรงงานนั้น (โช้คอัพหลังถูกตั้งไว้ที่ระดับ 3)
ซึ่งมีความแข็งกระด่างไปบ้างสำหรับผู้เขียน (ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวผู้ขับขี่) แต่สามารถทำการปรับตั้งค่าใหม่ได้จากชุดอุปกรณ์ที่มีมาให้ใต้เบาะ
โดยผู้เขียนได้ปรับลดเหลือเบอร์ 2 และเติมลมยางให้ตรงตามที่คู่มือระบุ (หน้า 29 Psi, หลัง 32 Psi) ซึ่งดูแล้วน่าจะเหมาะกับผู้ขี่ที่น้ำหนักอยู่ในช่วงระหว่าง 60-70 กก.
โดยในช่วงขับขี่ทางตรงตัวรถจะให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล (แต่ไม่ย้วย) และมีความนิ่งสูงในจังหวะใช้ความเร็ว โดยจะออกอาการสั่นเมื่อความเร็วเกิน 130 กม./ชม. ขึ้นไป
ส่วนในจังหวะเข้าโค้ง ทั้งแบบปกติ และใช้ความเร็ว ก็ให้ความเกาะถนนสูงไม่มีอาการลื่นไถล คงเป็นเพราะผลพวงจากระบบ HSTC ที่ติดตั้งมาให้ ส่วนตัวรถให้ท่วงท่าการขับขี่ที่สบาย ราวกับนั่งอยู่บนโซฟาเคลื่อนที่ ทำให้การขับขี่ไม่เกิดอาการเหนื่อยล้า
ข้อดีของ All-New Honda Forza 300
ข้อเสียของ All-New Honda Forza 300
โดยรวมแล้วถือว่า All-New Honda Forza 300 เป็นรถ Scooter ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน สามารถขับขี่ได้ทุกวัน และมีอ็อพชั่นที่ติดตั้งมาให้ครบถ้วนจากโรงงาน แถมมากกว่ารถในระดับเดียวกัน
ในราคาค่าตัวที่ 169,000 บาท โดยมี 3 สีให้เลือก คือ สีขาว-น้ำเงิน, สีดำ-เทา และสีเทา
สำหรับใครที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายฮอนด้าทุกสาขา
แนะนำ รีวิวมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นๆ
รีวิว All-New Yamaha NMAX155 พรีเมียม A.T. สุดคุ้มค่า ซ่าได้เต็มแม็กซ์
รีวิว Yamaha XSR 155 สปอร์ตเฮอริเทจน้องเล็กในตระกูล XSR เท่เกินใคร เร้าใจเกินตัว
รีวิว Yamaha Grand Filano Hybrid ชีวิตมีคลาส สมาร์ทไปกับเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นแรกของไทย
รีวิว Honda ADV 150 ทดลองขี่ครั้งแรกในไทย Street Adventure A.T. เจ้าของค่าตัว 97,900.
รีวิว Honda CB300R มาดเท่สไตล์ Neo Sports Cafe อ็อพชั่นจัดเต็มระดับ Big Bike ในราคา 149,800.
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Honda Forza 300ใช้งานจริงนับหมื่นกิโลเมตร จะตอบโจทย์คุณหรือไม่? ไปหาคำตอบกัน "