รีวิว HONDA JAZZ RS+ สปอร์ตโดนใจ ความปลอดภัยครบครัน ฟังก์ชั่นปรับเบาะรองรับไลฟ์สไตล์ได้ครอบคลุม
แม้ว่า HONDA JAZZ เจเนอเรชั่น 3 จะเป็นรถที่อยู่ในตลาดเมืองไทยมาพักใหญ่ๆ แต่ดูเหมือนว่ากระแสในยนตรกรรมสไตล์ซิตี้คาร์คันนี้ยังเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเหตุผลหลักๆ ก็มาจากองค์ประกอบทั้งในส่วนของรูปลักษณ์ที่รวมๆ ดูแล้วยังมีความสะดุดตาเป็นที่โดนอกโดนใจโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายพอสมควร
มาพร้อมกับฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกและสมรรถนะที่ติดตั้งมาให้อย่างพอเพียง สามาถรองรับการขับขี่ในเมืองได้อย่างคล่องตัว หรือจะใช้ขับทางไกลในวันหยุดก็ตอบโจทย์ได้เช่นกัน
รูปลักษณ์ภายนอก ของ HONDA JAZZ RS+ ใหม่ ถูกออกแบบให้เติมเต็มอารมณ์สปอร์ตรอบคันจากรุ่นมาตรฐานขึ้นอีกขั้น
ด้านหน้าดูโดดเด่นด้วยกระจังดีไซน์ลายรังผึ้งและคาดด้วยซี่พสลาสติกเงาแบบ Gloss Black
โดยมีคิ้วโครเมียมประกบคู่ที่ขอบด้านบนและด้านล่าง จากนั้นเสริมด้วยสัญลักษณ์ RS เพื่อบ่งบอกตัวตน
ส่วนไฟหน้ามาในรูปแบบ LED (รุ่น S และ V เป็นแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์) พร้อมไฟเดย์ไทม์ (DRL)
ให้มุมมองโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยกันชนหน้าที่คาดด้วยลวดลายคล้ายคาร์บอนและฝังไฟตัดหมอกทรงกลมที่มุมซ้าย-ขวา
กระจกมองข้างสีดำตัดกับสีตัวรถ ดุดันด้วยสเกิร์ตข้างและสปอยเลอร์ท้าย ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED กันชนหลังทรงสปอร์ตมี Rear Diffuser ล่างแบบลายคาร์บอน
ในขณะที่ล้อแม็กเป็นแบบทูโทนดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว (รุ่น S และ V ล้อขนาด 15 นิ้ว) รัดด้วยยาง BRIDGESTONE TURANZA ขนาด 185/55
มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี เทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก), เงินลูนาร์ (เมทัลลิก), ดำคริสตัล (มุก), ขาวออร์คิด (มุก) และสีใหม่ส้มฟีนิกซ์ (มุก)
กระจังดีไซน์ลายรังผึ้งและคาดด้วยซี่พสลาสติกเงาแบบ Gloss Black ใต้กันชนมีลิ้นสปอยเลอร์สไตล์รถแข่ง
ไฟหน้า LED พร้อมไฟ DRL
กระจกมองข้างสีดำตัดกับสีตัวรถ
ล้อแม็กแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง ขนาด 185/55
ดุดันด้วยสเกิร์ตข้างและสปอยเลอร์ท้าย กันชนหลังทรงสปอร์ตพร้อม Diffuser ลายคาร์บอน
มิติตัวรถ กว้าง 1,695 มม. ยาว 4,035 มม. สูง 1,525 มม. ระยะฐานล้อ 2,530 มม. ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า/หลัง 1,476/1,465 มม. น้ำหนัก 1,086 กก. ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร
ภายในห้องโดยสาร ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การที่ใช้หลากหลาย ด้วยฟังก์ชั่นและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ติดตั้งมาให้อย่างเพียงพอ
ขณะเดียวกันยังสะท้อนความเท่ด้วยโทนสีดำทั้งแผงประตู-ผ้าบุหลังคา ตัวเบาะหุ้มด้วยผ้าสีดำเดินตะเข็บด้วยด้ายสีส้ม
ส่วนคอนโซลหน้าเสริมรายละเอียดน่าสนใจโดยมีการตกแต่งด้วยวัสดุแบบ Piano Black
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น อุปกรณ์มาตรฐานที่รถรุ่นใหม่นั้นมีแทบจะทุกรุ่น ซึ่งก็นับว่าให้ความสะดวกแก่ผู้ขับพอสมควร
โดยที่ก้านฝั่งซ้ายเป็นสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง สวิตช์สั่งการด้วยเสียงผ่าน Siri และรับ-วางสายโทรศัพท์ ส่วนฝั่งขวาเป็นสวิตช์ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติหรือครูสคอนโทรล
ส่วนด้านหลังมีแป้น Paddle Shift ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พ่วงมาลัยแบบ 7 จังหวะ นอกจากนี้ในพวงมาลัยยังสามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทางเพื่อให้เหมาะกับสรีระของแต่ละคน
ที่นั่งแถวสองรองรับรูปแบบการใช้งานได้หลากหลายกับเบาะนั่งแถวหลังแบบอัลตร้าซีท แยกพับ 60:40 สามารถพับและปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้ถึง 4 โหมดการใช้งาน คือ
– UNILITY MODE พับเบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้าน เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลังได้มากถึง 906 ลิตร
– LONG MODE พับเบาะด้านหน้าเเละด้านหลัง เพิ่มพื้นที่เก็บของแนวยาวได้ถึง 2,480 มม.
– TALL MODE พับเบาะหลังขั้น ขยายเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูงได้ถึง 1,280 มม.
– REFRESH MODE พับเบาะด้านหน้าเชื่อมต่อเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสายตาสูงสุดพร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่
มาตรวัดแบบเรืองแสงสีฟ้า ภาพรวมลงตัวด้วยความสปอร์ตให้ความสว่างชัดเจนดูค่าต่างๆ ได้ง่ายสบายตา
พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ
ระบบความบันเทิงเครื่องเสียงเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย สามารถเชื่อมต่อภาพ-เสียงผ่าน HDMI และมีช่องเชื่อมต่อ USB 1 ตำแหน่ง สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง และลำโพงถึง 6 ตำแหน่ง
ส่วนระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส ถัดลงมามีช่องจ่ายไฟสำรอง 12 โวลท์
นอกจากนี้ในรุ่น RS+ ยังมีจุดต่างเมื่อเทียบกับรุ่น RS คือ มีราวมือจับในรถ 4 จุด ส่วน RS มี 3 จุด
รวมไปถึงไฟ และเสียงเตือนให้คาดเข็มขัดทั้งฝั่งผู้ขับ และผู้โดยสารด้านหน้า ส่วนรุ่น RS และรุ่นอื่นมีเฉพาะฝั่งคนขับเท่านั้น
สายเบลท์ปรับระดับให้เหมาะกับสรีระได้
เครื่องยนต์ รหัส L15Z1 เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 1.5 ลิตร อัตราส่วนการอัด 10.3 : 1 ระบบจ่ายเชื้อเพลิงมัลติพ้อยท์ PGM-FI ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตรที่ 4,700 รอบ/นาที ผสานระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม
มาพร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 จังหวะ (แพดเดิลชิฟท์) อัตราทดเกียร์ (1-5) 2.526-0.408 เกียร์ถอยหลัง 2.706-1.382 อัตราทดเฟืองท้าย 4.992 รองรับพลังงานทางเลือก E85
นอกจากนี้ยังมี ECON Mode ซึ่งระบบช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง โดยปรับการทำงานของเครื่องยนต์ และระบบเกียร์ให้สัมพันธ์กัน เพื่อลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ทั้งยังช่วยปรับการทำงานของระบบปรับอากาศ และการหมุนเวียนอากาศในห้องโดยสารให้เหมาะสมทำให้เครื่องยนต์ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รวมถึงมีระบบ Eco Coaching ช่วยแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน โดยแนะนำให้ผู้ขับขี่ใช้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่า
โดยวัดจากการเหยียบเบรคและคันเร่ง ซึ่งจะแสดงผลด้วยการเปลี่ยนสี ที่มาตรวัดเรื่องแสง
ระบบช่วงล่าง ด้านหน้ามาในรูปแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังทอร์ชั่นบีม H-Shape
สำหรับระบบเบรก ด้านหน้าดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลังดรัมเบรก เสริมด้วยระบบป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) ให้มาเป็นพื้นฐานทุกรุ่น
เทคโนโลยีความปลอดภัย เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่อีกขั้นด้วยระบบควบคุมการทรงตัว (VSA), ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual SRS (ทุกรุ่น) โดยในรุ่น RS+ ซึ่งเป็นรุ่นที่เราได้นำมารีวิวนั้นมีถุงลมนิรภัยถึง 6 จุด คือคู่หน้า ด้านข้างคู่หน้าและม่านถุงลมด้านข้างมาให้ด้วย
กล้องส่องภาพด้านหลัง ที่สามารถปรับมุมมองได้ 3 ระดับ 130, 180 องศา และมุมมองจากด้านบน (เฉพาะรุ่น V+, RS และ RS+)
ช่วงทดสอบ การรีวิวขับเหมือนใช้งานจริงในชีวิตประจำวันพร้อมกับเปิดแอร์ปกติ โดยขับทั้งถนนในเมืองซึ่งมีสภาพจราจรหนาแน่นและนอกเมืองที่เป็นทางโล่งใช้ความเร็วได้สูงพอสมควร เพื่อพิสูจน์ความคล่องตัว ความสะดวกสบายในการใช้งาน สมรรถนะอัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และระบบช่วงล่าง
สำหรับการขับขี่ในเมืองด้วยขนาดมิติตัวรถ แน่นอนว่ารถพิกัด B-Segment อย่าง HONDA JAZZ ที่เรานำมาทดสอบขับนั้น ค่อนข้างตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของวิถีคนเมืองได้ค่อนข้างลงตัว โดยช่วงเวลาที่ต้องขับช่วงจราจรคับคั่ง การเปลี่ยนเลนไปในช่องทางที่โล่งกว่าทำได้อย่างคล่องตัว
อย่างไรก็ตามยังมีจุดที่ผู้ขับต้องระวังคือมีทัศนะวิสัยในการมองด้านข้าง พบว่ายังมีมุมอับสายตาอยู่บ้าง โดยเฉพาะตำแหน่งของเสาหลังคาคู่หน้า (A-Pillar) ในฝั่งซ้ายบริเวณช่องกระจกสามเหลี่ยม ดังนั้นจังหวะการกลับรถหรือเลี้ยวเข้าซอยต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
ส่วนมุมมองด้านท้ายเมื่อมองผ่านกระจกหลังนับว่ามองได้ชัด เนื่องจากกระจกบังลมบานหลังมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทำให้สามารถเห็นรถตามหลังมาด้านท้ายได้ถนัดตา
ในจังหวะเมื่อต้องการเปลี่ยนเลนในขณะที่รถเคลื่อนตัวช้าหรือจอดหยุดนิ่ง การควบคุมพวงมาลัยสามารถทำได้ง่ายและเบามือ ซึ่งเป็นแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPS (Electronics Power Steering)
ส่วนในจังหวะที่ใช้ความเร็วเพิ่มขึ้น ระดับ 80-100 กม./ชม. แม้จะรู้สึกได้ถึงความนิ่งแต่กลับมีน้ำหนักไม่หน่วงมือเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามก็ไม่ถึงขั้นเบาหวิว และไวจนละมือจากพวงมาลัยไม่ได้
และภายใต้รัศมีวงเลี้ยว 5.1 เมตร (Honda City 5.3) การกลับรถในซอยแคบๆ สามารถทำได้แบบไม่ต้องโยกไปมาหลายรอบ
สำหรับรายละเอียดภายในห้องโดยสาร ถือว่าสะท้อนสไตล์ความเป็นรุ่น RS+ ได้ดี โดยเฉพาะการเลือกเน้นธีมสีเป็นโทนดำ และจากการที่ตัวเบาะมีการเย็บตะเข็บด้วยด้ายสีส้ม จึงช่วยเสริมความโดดเด่นให้ภายในดูสปอร์ตยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน
ส่วนลักษณะของตัวเบาะคู่หน้า ประมาณว่าทีมออกแบบต้องการให้รองกับสรีระได้หลากหลาย ด้วยปีกเบาะที่ไม่กว้างและไม่บีบกระชับกระชับเกินไป คนรูปร่างท้วมหรือผอมก็นั่งได้ไม่อึดอัดหรือเกิดอาการตัวโคลงเคลงเมื่อต้องเข้าโค้งแรงๆ
ส่วนฐานเบาะออกแบบให้รองรับกับใต้น่องและท้องขากำลังดี ขับทางไกลจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดความเมื่อยล้า
ในขณะที่ระยะเฮดรูม (ฝั่งผู้ขับ) กับคนตัวไม่สูงระดับ 160 ซม. ต้นๆ ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหา เพราะนอกจากเบาะจะปรับเดินหน้า-ถอยหลัง และปรับเอนได้แล้ว ก็ยังสามารถปรับสูง-ต่ำได้อีกด้วย แต่น่าเสียดายการปรับตำแหน่งยังเป็นระบบแมนน่วลปรับมือทั้งหมด
ส่วนคนตัวสูงๆ ก็ไม่ต้องกังวลว่าศีรษะจะแนบชิดกับเพดานจนรู้สึกอึดอัด ยังมีท่านั่งที่สบายอยู่เพราะระดับความสูงของเบาะแบบไม่มีการปรับความสูงขึ้น ไม่ได้สูงหรือต่ำเกินไปคนระดับ 170 ซม. ขึ้นไปแทบไม่ต้องปรับมากมายนัก
ส่วนฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับได้เฉพาะเดินหน้า-ถอยหลัง และปรับเอนเท่านั้น
การเข้า-ออกแถวหลังค่อนข้างสะดวก เพราะประตูสามารถเปิดกว้างได้ถึง 80 องศา ส่วนเบาะแถวสอง ต้องเอ่ยปากชมเพราะดีไซน์ได้ค่อนข้างลงตัว ฐานเบาะไม่สั้นรับใต้น่องได้ดี ส่วนตัวพนักพิงเบาะปรับเอนได้ เช่นเดียวกับหมอนรองศีรษะยังปรับสูง-ต่ำได้อีกด้วย
ในขณะที่ระยะเลกรูมยังพอมีช่องว่างเหลือ คนสูงๆ ไม่ต้องกังวลว่าหัวเข่าจะไปยันกับด้านหลังของเบาะคู่หน้า ส่วนระยะเฮดรูมไม่มีปัญหาคนสูงระดับ 170 ซม.ต้นๆ ก็ยังมีช่องว่างเหลืออีกประมาณ 4 นิ้วฝ่ามือ
ส่วนฟังก์ชั่นการปรับเบาะนั่งแถวสองที่เป็นแบบอัลตร้าซีทแยกพับ 60:40 สามารถพับและปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ถึง 4 โหมด นับว่าเจ๋งและรองรับไลฟ์การใช้งานของคนในยุคปัจจุบันได้ดี
ในด้านสมรรถนะภายใต้ขุมพลังพิกัด 1.5 ลิตร 117 แรงม้า โดยรวมนับว่าสามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำได้อย่างเพียงพอ
ทั้งจังหวะการออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ที่ถ่ายทอดออกมาให้สัมผัสแบบลื่นไหลไม่หนืด ช่วงความเร็วลอยตัวไปแล้วเมื่อต้องการเติมคันเร่งเพิ่มเพื่อให้รถพุ่งทะยานออกไป ก็ทำได้อย่างต่อเนื่องไม่อืดอาด ทำให้รู้สึกว่าขับได้สนุกมั่นใจหรือเร่งแซงได้แบบไม่ต้องลุ้นเหนื่อย
โดยระดับความเร็ว 90 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์ 1,700 รอบ/นาที, 100 กม./ชม. 1,800 รอบ/นาที, 110 กม./ชม. 2,000 รอบ/นาที และ 120 กม./ชม. 2,200 รอบ/นาที
ส่วนการตอบสนองของระบบเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันหรือ CVT สัมผัสได้ว่าตั้งใจออกแบบให้รองรับการทดกำลังที่รอบต่ำสำหรับการขับในเมืองที่มีสภาพการจราจรคับคั่ง จึงใช้รอบเครื่องยนต์ที่ไม่สูงมากเกินไปนัก ทั้งการขับในเมืองหรือนอกเมือง
โดยอัตราสิ้นเปลืองหลังจากได้ทำการทดสอบทั้งในเมือง (70%) นอกเมือง (30%) รวมระยะทาง 326 กม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยบนจอคำนวณออกมาได้ 12.5 กม./ลิตร ซึ่งนับว่าตัวเลขอยู่ในระดับที่น่าพอใจทีเดียว
ประสิทธิภาพการทำงานของระบบช่วงล่าง ในช่วงที่ลองหักพวงมาลัยเพื่อเปลี่ยนช่องทางบนความเร็ว 80-90 กม./ชม. สัมผัสได้ว่ารถยังรักษาความนิ่งได้ดีระดับหนึ่ง และเมื่อสาดโค้งยาวๆ หรือโค้งต่อเนื่องรู้สึกว่ารถมีอาการโยนตัวบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับโคลงเคลงจนเสียความมั่นใจ
ส่วนจังหวะที่ขับรูดผ่านคอสะพานหรือถนนต่างระดับ การทำงานของช่วงล่างสามารถเก็บแรงสะท้อนได้ดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นกับนุ่มซะทีเดียว ตรงข้ามกับรู้สึกว่าเซ็ตให้ค่อนไปทางหนึบแน่นๆ ซะมากกว่า ขณะที่การหยุดยั้งความเร็ว แม้ว่าจะเป็นหน้าดิสก์หลังดรัม แต่เมื่อเทียบกับสมรรถนะหรือการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ประสิทธิภาพที่มีอยู่นี้นับว่าเพียงพอเหมาะสม
การทำงานของแป้นเบรกไม่ต้องเหยียบลึกและไม่ต้องแช่นาน การจับตัวของคาร์ลิเปอร์ก็สามารถทำงานแบบไม่ดีเลย์หรือไวจนเกินไป
สรุป : สำหรับ HONDA JAZZ RS+ นับว่าเป็นรถซีตี้คาร์ที่ค่อนข้างตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งานของคนยุคใหม่ได้ลงตัว มีทั้งความโดดเด่นด้านดีไซน์ที่สปอร์ตกว่ารุ่นมาตรฐาน
ภายใต้ฟังก์ชั่นการใช้งานที่สะดวกสบาย ให้ความอเนกประสงค์อย่างครอบคลุม พร้อมให้อรรถรสการขับขี่ที่สนุกและตอบสนองได้พอเพียง
อีกทั้งยังติดตั้งระบบความปลอดภัยมาให้แบบที่รถรุ่นใหม่ควรมี ทั้งหมดนี้กับราคา 754,000 บาท นับว่าคุ้มค่าน่าสนใจ
สิ่งที่อยากให้ปรับปรุง : น้ำหนักพวงมาลัยในช่วงใช้ความเร็วควรหน่วงมือมากกว่านี้
สิ่งที่อยากให้มี : เบาะปรับตำแหน่งระบบไฟฟ้า
ขอขอบคุณ : บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เอื้อเฟื้อรถในการรีวิว
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
HONDA JAZZ MC #หน้าจอใหม่รองรับ Apple Carplay#
**โปรโมชั่นดีๆในเดือนตุลาคม2563 จองก่อน รับรถก่อน**
✅ฟรีประกันภัยชั้น 1 ซ่อมห้าง (ไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่)
✅ดอกเบี้ยต่ำสุดที่ 0.99%
✅ลูกค้าเก่า Honda loyalty ดอกเบี้ยลดลงอีก 0.15%
✅ของแถมชุดแต่งสุดพิเศษ
✅หรือจะเลือกส่วนลดซับดาวน์ใช้เงินออกรถน้อย
✅ฟรี “ฮอนด้า อัลติเมท แคร์” (เพิ่มการรับประกันคุณภาพรถรวมเป็น 5ปี หรือ 140,000กม.)
✅ให้คำปรึกษาไฟแนนซ์ฟรี พร้อมช่วยดันไฟแนนซ์ทุกเคส
✅รับรถเร็วทันใจ
✅หรือพบกับแคมเปญ #Doublesmile ดาวน์ 0% ผ่อนเริ่มต้น 9,000 บาท พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 1,500บาท 12เดือน
*พิเศษ!!! สำหรับลูกค้าที่แจ้งว่ามาจากเว็บไซด์ 9carthai รับ Collection Honda สุดพิเศษเพิ่มเติมครับ
ติดต่อ #เซลล์บอล Honda พระราม3 สำนักงานใหญ่ (สาขาสาธุประดิษฐ์)
☎️โทร : 085-082-2662 บอล
Line ID : ballz12345 https://line.me/ti/p/Y31o13g_x6
แผนที่โชว์รูม https://goo.gl/maps/wp6taCfT7AA2
“โปรโมชั่นดี รับรถเร็ว”