รีวิว Honda LEAD 125 “BE MORE IN MINIMAL เป็นได้มากกว่าในสไตล์ที่ใช่”
Honda เปิดตัว Honda Lead 125 2023 ที่ใช้เครื่องยนต์ใหม่ eSP+ 4 วาล์ว ทันสมัยยิ่งขึ้น แทนเครื่องยนต์ 2 วาล์วไป ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิม
ส่วนใครที่จะนำไปแต่งเจ้าคันนี้สามารถทำความเร็วหลังแต่ได้ถึง 140 กม./ชม. เลยทีเดียว
ซึ่งล่าสุดได้มีสีม่วง พาสเทล มาให้เพื่อนๆ ได้มีตัวเลือกที่มากขึ้น
จุดเด่นของเจ้าคันนี้นอกจากเครื่องยนต์ก็คือที่เก็บของใต้เบาะที่ใหญ่มาก
เมื่อรวมข้อดีทั้งหลายเข้าด้วยกันทำให้ Honda LEAD คันนี้ขายดีสุด ๆ โดยช่วงมกราคม – มิถุนายน 2023 ทำยอดขายไปแล้วถึง 33,700 คัน
อะไรที่ทำให้ยอดขายดีขนาดนี้ 9Carthai จะพาเพื่อน ๆ ไปชมกันครับ
Honda Lead 125 ราคา
Honda LEAD Standard 58,500.
Honda LEAD Special Edition 59,200.
มิติตัวรถ
เฟรมเป็นแบบอันเดอร์โบน
กว้าง x ยาว x สูง เท่ากับ 680 x 1,842 x 1,130 มม.
ความยาวฐานล้อ 1,273 มม.
ความสูงเบาะ 760 มม.
ความสูงใต้ท้องรถ 138 มม.
แฮนด์กว้าง 680 มม.
น้ำหนัก 114 กก.
ด้านหน้า
ไฟหน้าแบ่งเป็นด้านบนติดกับชุดแฮนด์เป็น LED ซึ่งหน้าตาคล้ายกับ Honda Wave 125 มาก ๆ ถัดลงมาที่ชุดบังลมด้านล่างมาพร้อมกับไฟ DRL ดีไซน์ V-Shape เป็นแบบ LED ส่วนไฟเลี้ยวอยู่ติดกันเป็นหลอดไส้ธรรมดา
เวลากลางคืนไฟ DRL ทำให้รถสวยงามและหรูหราขึ้นมาก ดูแตกต่างจาก Honda Wave ขึ้นมาหน่อย
ด้านข้าง
ด้านข้างของตัวรถมีโลโก้ตัวนูนสีเงินเขียนว่า LEAD ไว้ที่ส่วนท้ายทั้ง 2 ข้าง การออกแบบดูแหลมคมตั้งแต่ด้านหน้าไปถึงด้านท้าย
แต่สังเกตว่าช่วงท้ายตัวรถจะดูใหญ่แต่ล้อจะเล็ก ทั้งนี้เพื่อขยายช่องเก็บสัมภาระให้ใหญ่เท่าที่จะทำได้ และเมื่อขับขี่จะได้ไม่กระแทกกัน
ด้านหลัง
ไฟท้าย LED ส่วนไฟเลี้ยวเป็นหลอดไส้ฮาโลเจนธรรมดา ดูแล้วไฟท้ายเหมือน Honda wave 125 มาก ๆ ส่วนช่วงท้ายเหมือน Honda PCX 150 ตัวก่อน มีเพิ่มเติมแร็คท้ายมาให้เลยจากโรงงาน
มุมมองผู้ขับขี่
ประกับแฮนด์ มีปุ่มควบคุมเน้นใช้งานทั่วไป ทางซ้ายมีไฟสูง แตร และไฟเลี้ยว ทางขวามีปุ่ม Idling stop และปุ่มสตาร์ท ใช้งานได้ถนัดดีตามแบบของ Honda
หน้าปัดเรือนไมล์ ออกแบบเป็นทรง V-Shape รับกับชุดไฟด้านหน้า ตรงกลางเป็นแบบเข็มบอกความเร็วขนาดใหญ่ไฟเรืองแสงสีขาว มีไฟเตือนสถานะไฟสูง อุณหภูมิ ระบบ Idling stop ไฟเครื่องยนต์ และเตือนไฟเลี้ยวแยกออกมาด้านข้าง
ด้านล่างเป็นจอดิจิตอลประมาณ 1 นิ้ว แสดงระดับน้ำมันคงเหลือ นาฬิกา และเลือกดูทริปได้จากการกดปุ่มด้านข้างจอ แต่โดยรวมแล้วเป็นหน้าปัดเรือนไมล์ที่ไม่ได้เน้นความสวยงามหรูหรามากมาย
สังเกตว่าคันที่เรานำมารีวิววิ่งไประยะทาง 1,014 กม. แล้ว ถึงระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง มีแจ้งเตือนผ่านหน้าจอนี้ด้วย
ช่องเก็บของด้านหน้าอยู่ถัดลงมาทางฝั่งซ้ายฝั่งเดียว มีความลึก 12 ซม.ใส่ขวดน้ำ 600 มล.ได้แต่ล็อคไม่ได้ ภายในมีช่องจ่ายไฟแบบ USB-A
ตรงกลางมีที่แขวนแบบพับเก็บได้อยู่เหนือที่เติมน้ำมัน
กุญแจจะมีปุ่มให้บิดหรือเลือกเปิดเบาะและถังน้ำมันอยู่ทางขวา เป็นกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Honda SMART Key สตาร์ทเครื่องยนต์โดยไม่ต้องใช้กุญแจ พร้อมช่วยระบุตำแหน่งตัวรถและป้องกันการโจรกรรม
การเติมน้ำมัน
การเติมน้ำมันทำได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยการกดเปิดที่ชุดกุญแจด้านบนแล้วบิดฝาออกมาได้เลย ไม่ต้องเปิดเบาะให้ยุ่งยากและไม่กินพื้นที่เก็บของใต้เบาะอีกด้วย ถังน้ำมันมีความจุ 6 ลิตร เพียงพอต่อการใช้งาน 200 กม.ขึ้นไป
แต่มีข้อควรระวังอยู่ 2 เรื่องคือ
ที่เก็บของใต้เบาะและแร็คท้าย
ใต้เบาะมีปริมาตร 37 ลิตร ถือเป็นที่เก็บของใต้เบาะที่ใหญ่ที่สุดในคลาส AT125 เสียดายที่บานพับยังไม่มีสปริงและภายในไม่มีไฟส่องสว่างมาให้ โดยสามารถเก็บหมวกกันน็อคได้ถึง 2 ใบ ดังนี้ (Yamaha Grand Filano มีไฟส่องสว่างมาให้)
ซึ่งการมีที่เก็บของขนาดใหญ่นี้ทำให้ใช้งานในชีวิตประจำวันแตกต่างไปจากเดิม มีความสะดวกสบายมากขึ้น สามารถใส่กระเป๋าโน้ตบุ้คขนาด 15.6 นิ้วได้ เก็บของที่ซื้อจากตลาดได้ทุกชิ้น หรือเก็บหมวกไว้ใต้เบาะไม่ต้องกลัวหาย
โดยพื้นที่ขนาดนี้มากับตัวรถที่ขนาดไม่ใหญ่มาก ยังคงคล่องตัวกว่า Big Scooter อย่าง Yamaha Xmax เยอะ
แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ รู้สึกว่าที่ใต้เบาะขนาดนี้ยังไม่พอ ก็สามารถติดกล่องท้ายเพิ่มได้เลย เพราะมีแร็คหลังมาให้แล้วจากโรงงาน
แร็คหลังถือว่ามีขนาดใหญ่พร้อมสำหรับการติดกล่องเพิ่มได้เลย และหากสังเกตจุดรับน้ำหนักตรงกลางด้านท้ายจะพบว่ามีขนาดใหญ่แข็งแรง รับน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัมตามคู่มือ ถือเป็นจุดที่คุ้มค่าต่อการใช้งาน
เบาะ
สีสันทำมาแบบทูโทนซึ่งเมื่อมาดูตัวจริงมีความสวยงามและทำให้ตัวรถดูมีมิติมากขึ้น ขนาดเบาะผู้ขับขี่แม้จะไม่ได้ยาวมากแต่กว้างกำลังดีนั่งสบายทั้งการขับขี่ทางไกลและขับขี่ในเมือง เบาะผู้ซ้อนนุ่มนั่งสบายกว้างเต็มก้นแต่ก็ไม่ยาวเท่าไหร่เช่นกัน
ท่านั่งการขับขี่
เบาะมีความสูง 760 มม. ผู้ทดสอบสูง 170 ซม.ถ้านั่งเต็มเบาะส้นเท้าจะลอยเล็กน้อย แต่ถ้านั่งบริเวณกลางเบาะสามารถวางเท้าได้เต็มพื้นและเหลือหย่อนเข่าอีกเยอะ
ถือเป็น Scooter ที่เบาะต่ำมากคันนึงเลยทีเดียว
ท่าการขับขี่ค่อนข้างสบายแม้ว่าจะปรับท่าทางได้ไม่มาก แต่อยู่ในระยะที่ควบคุมได้ง่าย มีข้อสังเกตเล็กน้อยคือช่วงเบาะและแฮนด์ค่อนข้างใกล้กัน ทำให้เวลาหักเลี้ยวสุดเข่าอาจจะติดได้ (ถ้าสูง 180 ซม.)
ที่วางเท้าผู้ขับขี่ค่อนข้างกว้างถ้านั่งกางขาจะเหลือที่วางของได้เยอะ แต่ไม่ค่อยยาวอาจจะยืดขาได้ไม่เยอะ
ท่านั่งซ้อนเหมือนรถ Scooter ทั่วไปนั่งได้สบายดี ด้านข้างไม่ยื่นออกมาเบียดขาและมีที่จับกันตกขนาดใหญ่จับถนัด
พักเท้าคนซ้อนสามารถพับเก็บได้ โดยจะมีจุดยื่นออกมาให้ใช้เท้าเกี่ยวออกมาเมื่อต้องการใช้ เมื่อกางออกพบว่ามีความกว้างไม่มาก ซึ่งถ้ากว้างกว่านี้จะทำให้วางเท้าได้สบายยิ่งขึ้น
ระบบเบรกและช่วงล่าง
เบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 190 มม. ทำงานร่วมกับปั๊มเบรก 1 พอตพร้อมระบบ Combi Break System และช่วงล่างเป็นโช้คอัพเทเลสโคปิคธรรมดา
เบรกด้านหลังเป็นดรัมเบรก พร้อมระบบ Combi Break System และช่วงล่างเป็นโช้คสปริงเดี่ยวทำงานร่วมกับยูนิตสวิง
เสียดายที่ไม่มีรุ่นเบรก ABS
ล้อและยาง
ด้านหน้าเป็นล้อแม็คลาย 5 ก้านตัว Y รัดด้วยยางขนาด 90/90 ขอบ 12 นิ้วจาก IRC
ยางหลังขนาด 100/90 ขอบ 10 นิ้ว ยาง ซึ่งมีลายล้อแม็คคนละลายกัน พิเศษคือให้จุกเติมลมให้มาแบบงอออกมาด้านข้าง ทำให้เติมลมได้ง่ายโดยเฉพาะกับล้อที่มีขนาดเล็กแบบนี้
เครื่องยนต์
มีการปรับปรุงใหม่จาก eSP 2 วาล์ว เป็น eSP+ 4 วาล์ว SOHC ปริมาตรกระบอกสูบ 124.77 ซีซี จ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI มาพร้อมกับระบบ Idling Stop System และเคลมอัตราการบริโภคน้ำมัน 52.6 กม./ลิตร
การขับขี่
เริ่มจากการใช้งานในเมือง เป็นรถที่คล่องตัวมากมุดและหักเลี้ยวได้ง่าย มีข้อดีตรงเบาะที่ค่อนข้างต่ำและปาดเว้ามาดี ทำให้เอาขาลงช่วงรถติดได้มั่นใจยิ่งขึ้น ขนาดในรูปนั่งชิดท้ายเบาะก็ไม่มีปัญหาใด ๆ
ในการขับขี่ทั่วไป เครื่องยนต์ตัวนี้ให้อัตราเร่งที่ดีในช่วงไม่เกิน 80 กม./ชม. แต่หลังจาก 90 กม./ชม. ขึ้นไปอัตราเร่งจะลดลงและไปหยุดที่ Top Speed 105 กม./ชม. มีอัตราเร่งช่วงอื่นดังนี้
และจากการขับขี่ในเมืองที่มีรถติด ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม. ทำอัตราบริโภคน้ำมันได้อยู่ที่เกือบ 50 กม./ลิตร ถือว่าประหยัดมาก ๆ
ระบบเบรกเดิม ๆ ให้ความรู้สึกนิ่มเกินไป ระยะฟรีเยอะ ทำให้ต้องออกแรงมากเพื่อที่จะหยุดรถ ถ้าขับขี่ทั่วไปถือว่าเอาอยู่ แต่ถ้าขับขี่เร่งแซงบ่อย ๆ จะรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจมากนักหากไปเทียบกับรุ่นอื่น ๆ
ยางติดรถเดิมค่อนข้างลื่นในพื้นเปียก ผมได้ทดสอบเบรกช่วงหลังฝนตกพบว่า การไม่มีระบบ ABS ทำให้ล้อล็อคได้อย่างชัดเจน
ช่วงล่างกับผู้ทดสอบที่หนักไม่เกิน 60 กก. ให้ความรู้สึกเป็นรถใช้งานธรรมดา คือด้านหน้าซับแรงไม่ดีมากนัก แต่ก็ไม่เฟิร์มกระชับ ส่วนด้านหลังถ้านั่งคนเดียวค่อนข้างดีดคืนตัวแรง ไม่ถึงกับแข็ง
รถมีอาการหน้าไวต้องประคองแฮนด์ให้ ลองดีขับในความเร็ว 90 กม./ชม. ยังเอาอยู่ โดยรวมแล้วถ้าหากอยากได้เบรกและช่วงล่างที่ดีกว่านี้ค่าตัวอาจจะสูงเกินไป ให้มาแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับขี่ทั่วไปแล้ว
ในส่วนของท่าทางการขับขี่ อย่างที่เห็นในรูปว่าพักเท้าผู้ขับขี่ไม่ยาวมาก หากใครขายาวและต้องการยืดขาก็จะต้องเอาปลายเท้าออกมาด้านนอกเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าสบายดีมาก
เบาะมีความนิ่มและสบาย ขับขี่ทางไกลไม่รู้สึกเมื่อยเลย แถมยังสวยงามในแบบสีทูโทนอีกด้วย
เทียบกับรุ่นอื่น ๆ เป็นอย่างไร
Yamaha Grand Filano ราคา 64,700 – 69,200 บาท ในรุ่น Top ได้กุญแจ Keyless และเบรก ABS เครื่องยนต์คลาส 125 ซีซีมาพร้อมกับระบบไฮบริดที่มีความประหยัดน้ำมันมากกว่า พื้นที่เก็บของใต้เบาะเล็กกว่านิดหน่อย และเติมน้ำมันง่ายกว่าเล็กน้อย
อ่านรีวิว Yamaha Grand Filano
Yamaha Fazzio ราคา 54,900 – 56,600 บาท ในรุ่น Top ได้กุญแจ Keyless ยังไม่มี ABS เหมือนกัน น้ำหนักตัวรถเบา คล่องตัวกว่า เครื่องยนต์แรงใกล้เคียงกันแต่ประหยัดน้ำมันมากกว่า ที่เก็บของเล็กกว่ามาก ใส่หมวกได้แค่ใบเดียว
อ่านรีวิว Yamaha Fazzio
Honda Click125 ราคา 51,900 – 56,900 บาท ยังไม่มีระบบ ABS ให้ความประหยัดน้ำมัน 47 – 50 กม./ลิตร มีหน้าจอแบบ Full Digital และไฟรอบคันแบบ Full LED งานประกอบเรียบร้อยกว่ามาก แต่ที่เก็บของเล็กกว่ามากเช่นกัน ใส่หมวกได้แค่ใบเดียว
ข้อดี/จุดเด่น
ข้อเสีย/ข้อสังเกต
สรุป
Honda LEAD 125 ตัวใหม่นี้ เหมาะสมอย่างยิ่งกับการเป็นรถใช้งานทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเก็บของเยอะ ๆ เน้น Option ที่เน้นใช้งานได้จริง อย่างที่ชาร์จไฟและกุญแจ Smart Key ทำให้ผู้ใช้สะดวกมากขึ้น
นอกจากการใช้งานทั่วไปแล้ว Honda LEAD 125 ยังให้ความประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมอยู่ในเกณฑ์ต้น ๆ ของคลาสเดียวกัน และยังขับขี่เร่งแซงได้ทันใจในช่วง 0-80 กม./ชม. แม้ว่าความเร็วปลายตั้งแต่ 90 จะไม่ใช่จุดเด่นก็ตาม
ส่วนระบบเบรกและช่วงล่างต้องยอมรับว่าเป็นรถที่เน้นใช้งานไม่เร็ว ไม่ได้เน้นสรรถนะอะไรมากมาย และมีข้อควรรู้ที่ต้องระวังเลยคืองานประกอบไม่ค่อยดี และการเติมน้ำมันที่ต้องระวังหกออกมา
สุดท้ายนี้ในส่วนของหน้าตาตัวรถ ถ้าใครรับได้ก็หน้าตาแบบ Honda Wave 125 นี้ ผมเชื่อเลยว่า Honda LEAD เป็นรถที่ซื้อแล้วคุ้มค่าอย่างแน่นอน
ดูราคา และตารางผ่อนคลิก www.9carthai.com/new-honda-lead-price/
อ่านรีวิวรถใหม่ ที่น่าสนใจ…
รีวิว Vespa LX 125 i-Get รถที่ขายดีที่สุดของ Vespa แต่ราคาราคาเฉียดแสน คุ้มหรือไม่?
รีวิว Vespa SPRINT S 150 i-Get ABS เครื่องแรงใช้ได้ แต่ราคาแรงกว่า แล้วมันน่าซื้อไหม?
รีวิว Vespa Primavera Color Vibe 150 i-Get ABS ขับสนุกจริง จนท้าให้ลอง
รีวิว Honda Scoopy Minions Limited Edition ลายใหม่สุดคูล ใช้งานได้คล่องตัวและประหยัดน้ำมัน
รีวิว Yamaha Grand Filano เท่ห์กว่าเดิม มาพร้อมสีใหม่
รีวิว Yamaha Fazzio 2023 เครื่องไฮบริด แรงพอได้ ประหยัดดี
รีวิว Honda LEAD 125 ตัวใหม่ เน้นใช้งาน หน้าตาพิมพ์นิยม
รีวิว Honda Click 160 นำหน้าอย่างจ่าฝูง
รีวิว Yamaha NMAX Connected 2023 เบาะนุ่ม แรงกำลังดี คันเดียวจบทุกเส้นทาง
รีวิว Yamaha Xmax Connected 2023 ขับมันส์ นั่งสบาย ช่วงล่างนุ่มหนึบมาก!!
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Honda LEAD 125 ตัวใหม่ เน้นใช้งาน หน้าตาพิมพ์นิยม "