รีวิว Honda Mobilio RS AT ดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว ภายในกว้างนั่งสบาย
Honda มองเห็นอนาคตว่าลูกค้าจะหันมาสนใจรถยนต์อเนกประสงค์มากขึ้น ด้วยการสร้างทางเลือกใหม่ของรถยนต์ระดับราคา 6-7 แสนบาท ที่เดิมแล้วมีเพียง Honda Freed ให้ลูกค้าเลือกเท่านั้น จึงถือกำเนิดมาเป็น Honda Mobilio รถยนต์อเนกประสงค์ที่มีจำนวนที่นั่งมากขึ้น รองรับผู้โดยสาร 6-7 คน มีเบาะที่นั่ง 3 แถว สามารถพับเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่จัดวางสัมภาระได้มากขึ้น ตอบรับกับไลฟสไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนฝูง ญาติมิตร หรือครอบครัวขนาดใหญ่ และในบางเวลาก็จำเป็นต้องขนย้ายสัมภาระขนาดใหญ่
ฮอนด้า โมบิลิโอ จึงได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงเปิดตัว เพราะเป็นความแปลกใหม่ของตลาดรถยนต์ในระดับราคานี้ ที่ให้ความคุ้มค่าได้มากกว่ารถยนต์รุ่นอื่น ด้วยรูปทรงที่ยาวกว่า มีที่นั่งมากกว่า หรือเลือกรุ่นย่อยของโมบิลิโอที่ไม่มีที่นั่งในแถวที่สาม แต่ได้พื้นที่วางสัมภาระท้ายรถมากขึ้น พับเบาะได้หลายรูปแบบ ออกแบบการจัดวางสัมภาระได้ตามใจชอบ
ในบทความนี้ เราได้เลือก Mobilio RS เป็นรุ่นท็อปสุด มาทำการทดสอบขับและรีวิว ราคาอยู่ที่ 739,000 บาท สำหรับผู้ใช้รถที่ไม่ได้เน้นจำนวนที่นั่ง แต่เน้นพื้นที่ใส่สัมภาระ ก็สามารถเลือกรุ่นย่อย S แทน RS ก็จะประหยัดงบได้อีก เนื่องจากราคาเริ่มต้นของ Mobilio S อยู่ที่ 597,000 บาท ก็จะไม่มีที่นั่งในแถวที่สาม แต่ได้ถาดรองสัมภาระท้ายรถขนาดใหญ่มาแทนที่ จุดนี้ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการใช้งาน เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกรุ่นย่อยของ Mobilio
ดีไซน์ภายนอก ทันสมัยและใหญ่โตเกินราคา
Honda Mobilio มิติตัวรถ (4,386 x 1,683 x 1,603) สร้างขึ้นโดยการต่อยอดกับ Brio / Brio Amaze ที่ทุกคนรู้จักกันดีแล้ว นำมาขยายโครงสร้างของตัวรถ เพิ่มความยาวให้ยาวขึ้นเกือบถึง 4.4 เมตร ปรับปรุงดีไซน์ภายนอกให้ดูสวยงาม ทันสมัย หรูหรามากกว่า Brio Amaze หลายคนก็ประทับใจตั้งแต่แรกเห็นว่ารถยนต์คันใหญ่ขนาดนี้ ราคาเพียงแค่ 6-7 แสนบาท แถมยังได้ประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลายกว่ารถเก๋งทั่วไป จึงรู้สึกว่าคุ้มค่าและน่าสนใจ
แต่ไม่อยากให้นำ Brio ที่เคยเห็น มาเปรียบเทียบกับ Mobilio เพราะ Mobilio นั้นถูกปรับปรุงจนเหนือชั้นกว่า Brio หลายเท่า และไม่ใช่ระดับ Eco Car แม้ว่ามองดูด้านหน้าแล้วจะเห็นว่าหน้าตามีส่วนที่คล้ายคลึงกัน
มุมมองด้านหน้าและด้านข้าง มีสไตล์คล้ายกับรถ Sport Wagon หรือ MPV ที่มีดีไซน์ทันสมัย ไม่ใช่รถทรงกล่อง ดูเป็นสันเหลี่ยมเหมือนในอดีต เส้นสายที่ลากจากด้านหน้าผ่านไปยังด้านข้าง บวกกับความโค้งมนของแนวหลังคาที่ดูลงตัว ทำให้เป็นความสวยงามที่ดูดี มีการเล่นมุมของหน้าต่างที่นั่งแถวหลัง ทำให้พื้นที่กระจกมีมากขึ้น ผู้โดยสารมองเห็นมุมมองภายนอกรถได้กว้างขึ้น ลดปัญหาการเมารถที่เกิดจากความอึดอัดได้
– กระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ ฐานกระจังหน้าเป็นพลาสติกสีดำเงางาม ดูหรูหราภูมิฐานดีทีเดียว
– ไฟตัดหมอก ตกแต่งด้วยขอบโครเมียม ดีไซน์ลงตัวกับช่องลมขนาดใหญ่ใต้แนวกันชนหน้า โดยรวมด้านหน้าถือว่าสวยงามมากขึ้นกว่า Brio / Brio Amaze หลายเท่า เป็นการปรับปรุงพัฒนาต่อยอดที่ดีเยี่ยม ไม่ใช่แค่นำ Brio มาต่อท้ายให้ยาวอย่างที่บางคนอาจจะสบประมาทไว้ ต้องมาเห็นกับตาตัวเองแล้วจะรู้
Mobilio RS มาพร้อมกับโคมไฟหน้าที่ล้ำสมัย ไฟหน้าแบบ Projector มีไฟหรี่แบบ LED เรืองแสงแบบอ่อน ๆ เป็นแนวเส้นรูปตัว L โดยรวมถือว่าสวยงามโฉบเฉี่ยวดี
ในมุมมองส่วนท้ายรถ ก็ดูสวยงามทันสมัยอย่างมาก เป็นการออกแบบที่ลงตัวได้สัดส่วนดี ใช้รูปแบบสไตล์ส่วนท้ายของรถยนต์ประเภท SUV ย่อส่วนลงมาเล็กน้อย จนไม่เหลือเค้าโครงของ Brio ให้เห็นอีกเลย โดยส่วนตัวคิดว่าเสน่ห์ของความสวยงามสำหรับ Mobilio ก็อยู่ที่ส่วนท้ายนี่แหละ
ไฟท้ายขนาดใหญ่ ดีไซน์แหลมคม ดูโฉบเฉี่ยว
แถบโครเมียมใต้กันชนท้ายดีไซน์สปอร์ตที่ดูหรูหราไปพร้อมกัน พร้อมแถบสะท้อนแสงทั้ง 2 ข้าง
กล้องช่วยมองขณะถอยหลัง อยู่ใกล้กับไฟส่องป้ายทะเบียน
เสาอากาศ สปอยเลอร์พร้อมไฟเบรคดวงที่ 3 ช่วยเสริมให้ดูสปอร์ตได้เป็นอย่างดี
หลังคามีความสูงกำลังดี ไม่เตี้ยจนเกินไป ถ้าสูงเกินไปก็จะดูไม่สวยงาม
สเกิร์ตข้าง เสริมความสปอร์ตให้ลงตัวกับกันชนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
มือจับประตูโครเมียม
ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ลายสปอร์ตสวยงาม แวววาว
มาพร้อมกับยางขนาด 185/65 R15
ช่องเติมน้ำมัน อยู่ทางฝั่งซ้ายของตัวรถ รองรับน้ำมัน E20 ยังไม่รองรับ E85
ภายในห้องโดยสาร เรียบง่าย กว้างกว่าที่คิด เน้นประโยชน์ใช้สอย
มาดูภายในห้องโดยสารกันบ้าง สำหรับรุ่น RS AT คันนี้ ภายในห้องโดยสารตกแต่งมาในโทนสีดำสปอร์ต
ผนังประตู มีเส้นสายที่ดูทันสมัย แต่เป็นพลาสติกล้วน ไม่มีการบุผ้าหรือใช้วัสดุนุ่ม ติดตั้งลำโพงและช่องใส่ของในขนาดที่เหมาะสม ล้วงหยิบได้ง่าย
ที่เปิดประตู เป็นพลาสติกไม่ได้ทำสีโครเมียม สวิตช์ปรับกระจกมองข้างและหน้าต่าง มีให้ครบครัน
มีที่พักเท้าซ้ายให้ด้วย ด้านขวาสุดเป็นที่เปิดฝากระโปรงหน้า
ที่เปิดช่องเติมน้ำมัน อยู่ที่ขอบล่างของประตู ตรงที่พรมรองพื้นเว้นช่องเอาไว้ คลำหาได้ไม่ยาก
เบาะที่นั่ง ปรับความสูงไม่ได้ แต่มีระดับที่เหมาะสมสำหรับคนส่วนใหญ่ เบาะหนานุ่มแน่น ทำมุมลาดเอียงดี แต่ปลายเบาะถ้ายาวกว่านี้อีกสักนิด ก็จะรองต้นขาจนถึงหลังเข่าได้พอดี
ที่พิงศีรษะ รวมเป็นชิ้นเดียวกับเบาะพิงหลัง ไม่โน้มดันหลังศีรษะจนทำให้เกิดความรำคาญอย่างแน่นอน
เบาะผ้า มีลวดลายเส้นสีเทาดำน้ำเงิน เพื่อไม่ให้ดูเรียบจนเกินไป
กุญแจรีโมทแบบพื้นฐาน ไม่ใช่ Immobilizer และ Mobilio ไม่มีปุ่ม Push Start
Console ด้านหน้า มุมมอง 180 องศา ทัศนวิสัยในการขับขี่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ในส่วนนี้ดูคล้ายคลึงกับ Brio / Brio Amaze มีจุดแตกต่างไม่มากนัก
เข็มขัดนิรภัยปรับระดับความสูงไม่ได้
พวงมาลัยไม่ได้ใช้วัสดุหุ้มหนัง แต่ก็มีขนาดที่ค่อนข้างกระชับมือ รัศมีวงเลี้ยว 5.2 เมตร อัตราทดน้อยไปหน่อย ต้องหมุนด้วยองศาเยอะในการหักเลี้ยว
มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงแต่ไม่มีฟังก์ชั่นควบคุมการโทรบนพวงมาลัย
ช่องเสียบกุญแจ ไม่มีไฟเรืองแสง
มาตรวัดมีจอ LED ขนาดเล็กบอกข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมัน มีไฟเรืองแสงเส้นขอบสีน้ำเงินเล็กน้อย
สวิตช์ปัดน้ำฝน กระจกหน้าและหลัง
เครื่องเสียง สั่งงานด้วยจอภาพระบบสัมผัส ไม่มีไฟเรืองแสงที่ปุ่มใต้จอภาพ อาจจะใช้งานได้ลำบากในเวลากลางคืน เพราะไม่รู้ว่าปุ่มไหนคืออะไร
เลือกสถานีวิทยุจากปุ่มบนจอภาพ ซึ่งต้องกดแรงพอสมควร เพราะไม่ใช่จอภาพแบบคาปาซิทีฟ
แผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ ไฟตัดหมอก และสวิตช์ไล่ฝ้ากระจกหลัง รวมกันในบริเวณนี้
ถัดลงมาเป็นช่องใส่แก้วเครื่องดื่มขนาดเล็ก
เกียร์อัตโนมัติพร้อมช่องปลดเกียร์ว่างแบบที่ใช้กุญแจเสียบปลดล็อค
ไม่มีที่วางแขนมาให้
มีกระจกส่องหน้าให้ทั้งสองฝั่ง
ไฟส่องแผนที่
ช่องลมเครื่องปรับอากาศและช่องใส่ของด้านหน้า
มาดูที่ฝั่งผู้โดยสารตอนหน้ากันบ้าง
มีหลุมใส่ของขนาดเล็กใกล้กับหลุมมือจับเปิดปิดประตู
ประตูเปิดได้มุมกว้าง เข้าออกได้สะดวก
เบาะที่นั่งเหมือนกันกับฝั่งคนขับทุกประการ ปรับเอนหลังได้อย่างเดียว
พื้นที่วางเท้าและระยะหัวเข่า กว้างเพียงพอ
ช่องวางโทรศัพท์มือถือ ช่องต่อ Car Charger และ USB อยู่ลึกพอสมควร
ดูกันต่อในส่วนของห้องโดยสารตอนหลัง
ใส่ขวดน้ำและขนมที่ประตูได้
ประตูบานใหญ่ เปิดได้กว้าง เข้าออกสะดวก ใส่สัมภาระขนาดใหญ่ได้ง่ายด้วย
ที่นั่งในแถวที่สอง นั่งได้สูงสุด 3 คน สังเกตว่ามีเข็มขัดนิรภัยให้ 3 ตำแหน่ง
คันโยกสำหรับพับเบาะแถวที่สอง
ที่พิงศีรษะแบบแยกชิ้น
มีช่องใส่หนังสือพิมพ์หลังเบาะคู่หน้า
สอดเท้าใต้เบาะหน้าได้
Leg room กว้างสบาย ไม่อึดอัด แต่เบาะรองนั่งสั้นไปเล็กน้อย
ช่องลมเครื่องปรับอากาศบนเพดาน ปรับความแรงได้ 3 ระดับ เย็นทั่วถึงทุกที่นั่งทั้งในแถว 2 และ 3
ไฟส่องสว่างสำหรับห้องโดยสารตอนหลัง
มือจับเหนือหน้าต่าง มีให้ 4 ตำแหน่ง (รวมฝั่งคนขับ)
ที่นั่งในแถวที่ 2 สามารถพับได้ 2 จังหวะ
ทำให้เข้าออกไปยังที่นั่งในแถวที่ 3 ได้สะดวก
หรือจะพับเบาะที่นั่งเพื่อวางสัมภาระขนาดใหญ่ก็ได้
เบาะที่นั่งในแถวที่ 3 มีขนาดใหญ่ นั่งได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ปรับระดับที่พิงศีรษะได้ด้วย
ลองนั่งดูจากคนสูง 174 ซม. นะครับ เหลือพื้นที่เหนือศีรษะเล็กน้อย ถ้าผู้โดยสารสูง 180 ซม. อาจจะเสมอกับเพดานห้องโดยสารพอดี
Leg room ของที่นั่งแถวที่ 3 มีจำกัด แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัด นั่งได้นาน ขณะเดินทางไกล
ลองพับเบาะที่นั่งทั้ง 2 แถวหลังพร้อมกัน
แม้ว่าพับเบาะที่นั่งลงมาแล้ว จะไม่เป็นระนาบเดียวกัน แต่ก็ใช้วางสัมภาระได้
เข็มขัดนิรภัยทั้ง 3 แถวที่นั่ง เรียงสวยงาม
มีลำโพงสำหรับที่นั่งในแถวที่ 3 ให้ด้วย สุนทรีตลอดการเดินทาง
ฝาท้าย เปิดได้สูง น้ำหนักเบา
พื้นที่วางสัมภาระท้ายรถก็ยังพอมีเหลือ
มึอุปกรณ์เปลี่ยนยางรถยนต์ซ่อนอยู่ตรงนี้ เตรียมไว้ให้แบบครบชุดพร้อมใช้
หลุมมือจับ ช่วยในการปิดประตู
ไม่ต้องกลัวศีรษะชน เพราะเปิดได้สูงมาก
ยางอะไหล่ อยู่ใต้ท้องรถ ใช้เครื่องมือที่ให้มาช่วยในการปลดล็อค
เทคโนโลยีภายในรถ
กล้องมองหลังขณะถอยจอด มีเส้นกะระยะ เส้นนี้เป็นเส้นแนวตรง ไม่โค้งตามองศาการเลี้ยว
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
เครื่องเสียง รองรับ Input ทั้งการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth, สัญญาณจาก Aux, อ่านไฟล์จาก USB, และรองรับ Input จากพอร์ต HDMI
เครื่องยนต์
ฝากระโปรงมีน้ำหนักเบา เปิดง่าย
เครื่องยนต์ SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT 5 สปีด ซึ่งแน่นอนว่าสเปคแบบนี้ไม่ใช่ Eco Car จึงมีสมรรถนะและกำลังที่แรงดีกว่า Brio / Brio Amaze รองรับน้ำหนักบรรทุกที่มากขึ้นได้
ความปลอดภัยครบครัน
– กล้องส่องภาพด้านหลัง ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย
– ถุงลมคู่หน้า Dual SRS
– ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ช่วยให้สามารถควบคุมการบังคับพวงมาลัย เมื่อต้องการเบรกกะทันหัน พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้มีความสมดุลมากขึ้น
– โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง
ทดสอบสมรรถนะและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน
ทีมงาน 9CarThai ได้ทดสอบขับ Honda Mobilio บนถนนนครอินทร์และราชพฤกษ์ ที่สามารถทำความเร็วได้ดี และผิวถนนที่ดี ในช่วงเวลากลางวัน ตามสภาพการจราจรที่เป็นจริง รวมทั้งการใช้งานในย่านถนนสาทร สีลม เพื่อทดสอบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันทั้งการขับในเมืองและนอกเมือง ได้ดังนี้
– ในเมือง 9.8 กม. / ลิตร
– นอกเมือง 11.83 กม. / ลิตร
สิ่งที่ประทับใจ
ข้อสังเกต
ดูรายละเอียด Honda Mobilio เพิ่มเติมได้ที่
ใหม่ Honda Mobilio ราคา ฮอนด้า โมบิลิโอ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์
ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ฝากกด LIKE + SHARE ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^__^
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Honda Mobilio RS AT ดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว ภายในกว้างนั่งสบาย "