รีวิว Isuzu D-Max รุ่น 1.9 Ddi Hi-Lander ไขข้อข้องใจ เหตุใดจึงครองใจชาวไทยทุกคน
หากจะพูดถึงรถกระบะ คงไม่มีใครไม่รู้จัก Isuzu D-Max สุดยอดรถกระบะขวัญใจมหาชนชาวไทย ที่ครองยอดขายอันดับ 1 มาหลายยุคหลายสมัย แต่เหตุใดละถึงทำให้รถรถกระบะรุ่นนี้ถึงเป็นที่ต้องการ และขายดีตลอดกาล
วันนี้ 9carthai.com จึงได้นำรุ่น Hi-Lander (ขับ 2 ยกสูง) เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Z-Prestige AT ที่มีค่าตัว 990,000. มารีวิวให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
เหตุใดถึงเจาะจงเลือกรุ่นย่อยนี้โดยเฉพาะ ก็เพราะว่าในรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ V-Cross 4×4 เป็นรุ่นที่ขายดีอยู่แล้ว และไม่มีสิ่งใดให้ต้องพิสูจน์หรือเฟ้นหาสมรรถนะกันต่อ
แต่สำหรับรุ่น 1.9 Hi-Lander นี้ จัดเป็นรุ่นที่อยู่ครึ่งๆ กลางๆ เครื่องยนต์ก็มีขนาดเล็กที่สุดในกลุ่มรถกระบะ ระบบขับเคลื่อนก็เป็นแบบ 2 ล้อ แถมตัวรถยังมาในสไตล์ยกสูง และราคาค่าตัวก็ไม่ใช่ถูกๆ แต่ทำไมมันขายดีเทน้ำเทท่า
ทั้งๆ ที่จริตของคนไทยแล้วยังไงก็ต้องเครื่องยนต์ใหญ่ แรงม้าสูงไว้ก่อน ซึ่งในเลทราคาระดับนี้มีตัวเลือกในตลาดที่มีสมรรถนะสูงกว่าตั้งหลายรุ่น แต่ยอดขายอันดับ 1 ก็ยังคงเป็น Isuzu D-Max อยู่ดี
สำหรับ Isuzu D-Max โฉมล่าสุดจะเรียกติดปากกันว่า “พลานุภาพพลิกโลก”
โดยทาง Isuzu ระบุว่าเป็นโฉม All-New เปลี่ยนใหม่หมดทั้งคัน ดีไซน์ใหม่พลิกโลก ตัวรถมีมิติที่ใหญ่ และบึกบึนขึ้นกว่าโฉมก่อน ให้ความรู้สึกที่ทรงพลัง และแข็งแกร่งกว่าเดิม พร้อมแฝงความสปอร์ตที่เร้าใจมากยิ่งขึ้น
และมีประสิทธิภาพความลู่ลม หรือ Aerodynamic ที่สมบูรณ์แบบ มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศที่ต่ำที่สุด ทำให้ All-New Isuzu D-Max พลานุภาพพลิกโลก เป็นรถกระบะที่มีอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยม
สิ่งที่ Isuzu ต้องการสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจก็คือ การใช้แพลตฟอร์มใหม่ล่าสุด Isuzu Dynamic Drive Platform ซึ่งประกอบไปด้วย
อุปกรณ์มาตรฐานดีไซน์ภายนอกเพียบพร้อมไปด้วย
ฟีเจอร์ล้ำสมัย
ภายในห้องโดยสาร ออกแบบใหม่ให้ความหรู และกว้างขวางในทุกมิติด้วยเส้นสายที่เฉียบคม คอนโซลหน้าเล่นระดับแบบ Sharp Horizontal Layers สะท้อนรสนิยมเหนือระดับจากการใช้วัสดุพรีเมี่ยมหลากหลาย พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น
ด้านขุมพลัง จะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.9 ลิตร Ddi Blue Power Gen 2 ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ให้การตอบสนองด้านอัตราเร่งที่รวดเร็วขึ้น และตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบ
ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 2,600 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดใหม่ ถ่ายทอดจังหวะเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล พร้อมโหมดขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic
ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขตามสเปคแล้ว ก็ต้องบอกว่าเครื่องยนต์บล็อคนี้เป็นเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กที่สุด และมีสมรรถนะที่น้อยที่สุดในตลาดรถกระบะที่มีขายในประเทศไทย แต่เชื่อไหม? นี่คือรถกระบะที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย!!
ด้านระบบความปลอดภัย ก็ถือว่าให้มาครบครัน และที่สำคัญผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจาก Asian NCAP มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
และมั่นใจขึ้นอีกขั้นกับ
– ระบบเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Monitoring
– ระบบ Parking Aid System พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะ 8 จุดรอบคัน
– ระบบแจ้งเตือนในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert
– ใหม่! ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensing Wiper เพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบฉีดน้ำบนก้านปัด Integrated Wiper Blade ครั้งแรกในวงการรถปิกอัพ
เมื่อรู้จักสเปค และฟีเจอร์ทั้งหมดของตัวรถแล้ว ก็ถึงคราวทดลองใช้งานจริงกันบ้าง ก็อย่างที่ได้แจ้งไปในเบื้องต้นว่า รถกระบะรุ่นนี้มีความจุเครื่องยนต์ที่น้อยที่สุด และมีแรงม้า รวมไปถึงแรงบิดที่น้อยที่สุดในตลาด
แต่จากการที่ได้นำมาทดลองขับใช้งานจริงแล้ว ต้องบอกว่าแทบไม่แตกต่างไปจากบรรดารถกระบะรุ่นอื่นๆ ที่เคยได้ขับมาก่อนหน้านี้ ด้านอัตราเร่งแม้เครื่องยนต์จะมีแรงบิดเพียง 350 นิวตัน-เมตร แต่ก็ถือว่าให้การตอบสนองที่ทันใจ เพราะมีให้ใช้ตั้งแต่ 1,800 – 2,600 รอบ/นาที ทำให้ไม่ต้องเค้นกำลังกันมาก
ตัวรถก็มีแรงบิดมาให้ใช้ในทุกย่านกำลังต่ำ-กลาง แต่อาจจะมีอาการรอรอบเล็กน้อยในจังหวะ Kick Down ซึ่งถ้าปรับตัวให้ชินกับคาแร็คเตอร์ของรถแล้ว จุดนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
แต่จุดเด่นที่เป็น Best in Class ก็คือในเรื่องของอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดขายสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนวางใจเลือกใช้รถกระบะ Isuzu และยิ่งในรุ่นเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 ยิ่งประหยัดเข้าไปใหญ่
ตัวเลขความประหยัดในการใช้งานจริง เทียบเท่ากับตอนที่นำรถเก๋ง Eco Car มารีวิวเลยทีเดียว โดยทำได้เฉลี่ยที่ 12.3 กม./ลิตร (ขับแบบทดสอบ)
ส่วนระบบช่วงล่าง และ Handling จัดว่านิ่ง และเนียน เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน และสามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้แบบไร้กังวล ยังขนของนั่งช่วงล่างยิ่งนุ่ม เหมือนกับเซ็ทเผื่อเอาไว้ให้แล้ว
พวงมาลัยมีน้ำหนักที่เหมาะสม ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป ระบบเบรก และระบบความปลอดภัยให้การช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้จริง แม้จะไม่มีกล้องมองภาพรอบคันเหมือนคู่แข่งก็ตาม
บทสรุป
ในเรื่องของสเปค และอ็อพชั่น รวมไปถึงสมรรถนะการขับขี่โดยรวมต้องบอกว่า Isuzu D-Max Hi-Lander 1.9 Z-Prestige AT นั้น เป็นรถกระบะที่กลมกล่อม ครบครันในทุกๆ ด้าน และเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
แต่จุดขายหลักจริงๆ ที่หลายคนเทใจเลือกใช้ Isuzu คงเป็นในเรื่องของความทนทาน ไม่จุกจิก ประหยัด อึด-ถึก-ทน และราคาขายต่อดี รวมไปถึงศูนย์บริการที่ครอบคลุมและครบครัน ทั้งอู่นอก – อู่ใน ต่างก็สามารถดูแลรถกระบะ Isuzu ได้หมด
แถมยังมีค่าใช้จ่ายในการบริการที่ถูกกว่าคู่แข่ง ซึ่งหลังจากได้ลองแล้วก็ไม่แปลก ใจเลยว่าทำไมเบอร์ 1 รถกระบะ ถึงต้อง Isuzu D-Max
ดูตารางผ่อนคลิก www.9carthai.com/all-new-isuzu-d-max-price/
บทความน่าอ่าน!!
รีวิว Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition อเนกประสงค์ที่ครบในทุกด้าน กับราคาสุดคุ้มค่า
รีวิว HAVAL H6 Hybrid รวมทุกอย่างที่คุณต้องรู้ พร้อมทดลองขับครั้งแรกในโลก ก่อนเปิดราคาจำหน่ายในไทย
รีวิว Mitsubishi Triton Athlete 2021 กระบะแต่งพิเศษ ลุคสปอร์ตมาดเข้ม โดดเด่นเร้าใจเต็มอารมณ์
รีวิว Mitsubishi Xpander Cross รถ SUV 7 ที่นั่งยุคใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ลุยได้มากกว่า
รีวิว Mitsubishi Outlander PHEV ใช้งานจริง ประหยัดสุดๆ ชาร์จไฟได้เองไม่ต้องง้อปลั๊ก คุ้มแน่นอน
สัมผัสแรก Aston Martin Vantage สปอร์ต Entry Level ที่ผ่านการเจียระไนอย่างพิถีพิถัน ฉายาเทพบุตรนักล่า
รีวิว Toyota Yaris PLAY Limited Edition อีโคคาร์แต่งพิเศษ ออปชันจัดเต็ม มีขายเพียง 1,500 คัน!
รีวิว Mazda CX-3 2021 Collection รุ่น Base Plus บอกเลยว่าคุ้มค่า คุ้มราคาจริงๆ
รีวิว Ford Ranger FX4 Max ที่สุดของกระบะแต่งพิเศษสไตล์ออฟโรด ในราคาจับต้องได้
รีวิวสมรรถนะการขับขี่ของ BMW 3 รุ่นใหม่ ทั้ง New Series 5 2021 และ Series 3 Gran Sedan ใหม่
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Isuzu D-Max รุ่น 1.9 Ddi Hi-Lander ไขข้อข้องใจ เหตุใดจึงครองใจชาวไทยทุกคน "