
รีวิว Kawasaki Ninja 1000 สปอร์ตทัวริ่ง คลาสพัน อยากซิ่งก็แรง จะขี่เดินทางก็ดี
วันนี้ 9carthai เราขอเอาใจสาวกค่ายเขียว Ninja กันด้วย รหัสเต็ม 1 ลิตร Kawasaki Ninja 1000 ซึ่งผู้ที่อยากอัพเกรดรถคลาสพัน ที่อยากเอาไว้ขี่ซิ่งก็ได้ หรือจะขี่เดินทางไกลก็ดี แต่ไม่อยากเมื่อยกับ ZX-10R แล้วล่ะก็ Ninja 1000 คันนี้เลย หล่อ แรง โดนใจ พร้อมโปรโมชั่นผ่อน 0% ในแบบที่รถสปอร์ตตัวพันคันไหน ก็ไม่มีให้
Kawasaki Ninja 1000 (Z1000SX) หรือ จะให้เรียกได้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ Z1000 ในร่าง Full Faring ที่มาพร้อม ด้วยสไตล์ Sport Tourer แฟริ่งทางด้านหน้าดูหัวโต เบาะท้ายตูดไม่โด่ง ออกแนวแบนๆ เบาะนิ่มนั่งสบาย
วินชิลด์สามารถปรับยกให้ชันสูงขึ้นได้ 3 ระดับ นอกจากนี้ นินจา 1000 ได้หยิบยกอะไหล่มาจากเพื่อนโมเดลอื่น อาทิ ท่อไอเสียคู่แบบเดียวกับ Z1000, ไฟท้าย Versys 650
ในส่วนเฟรม เป็น Twin-Tube อลูมีนัม เช่นเดียวกับ Versys 1000
Ninja 1000 ใช้ยางหน้าไซส์ 120/70/R17 ยางหลังไซส์ 190/50/R17
มีน้ำหนักรวมของรถอยู่ที่ 231 กิโลกรัม (Curb Weight)
ความสูงเบาะที่ 820 มม.
ความจุถังน้ำมัน 19 ลิตร
มาตรวัดเรือนไมล์ แม้จะดูคล้ายกับ Versys 1000 แต่ก็ไม่ใช่อันเดียวกัน รอบ Redline ของ Ninja จะอยู่ที่ 11000rpm
นอกจากนั้นฟังก์ชั่นอื่น ก็จะเหมือนกันกับ Versys 1000 และ ควบคุมจากสวิทช์ฝั่งซ้ายด้วยเช่นกัน
ก้านเบรกปรับ 6 ระดับ ขณะที่ฝั่งคลัชปรับไม่ได้
ในด้านของท่านั่งขี่ Ninja 1000 เรียกได้ว่าเป็น Sport Touring โดยแท้จริง นั่งสบายจากแฮนด์จับโช้คทางด้านบนแผงคอที่ยกสูงในระดับใกล้เคียงกับ Ninja 250 ปี 2012 ตำแหน่งการวางเท้าเมื่อวางเท้าจิก อาจพบอุปสรรคเล็กน้อยคือส้นเท้าจะไปโดนท่อไอเสีย ที่เป็นทรงออกคู่ข้างสั้นขนาดเหลี่ยมใหญ่ ซึ่งการขี่ทางไกลนั้นไม่เมื่อยมาก ขี่ได้สบายๆ นอกจากนี้วินชิลด์หน้าที่ปรับให้ชันขึ้นลดการปะทะลมได้เป็นอย่างดี แต่หากคุณจะซิ่ง ซัดเร็วๆ ควรปรับให้มันลงมาต่ำที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้านลม
ขณะที่การขี่ในเมืองรถติด กระจกมองข้างพับได้สะดวก เพียงแค่มือเดียวเท่านั้น และสามารถกางคืนได้โดยไม่ต้องมาปรับมุมมองใหม่ เรียกได้ว่าเมื่อต้องซอกแซกในเลนทำได้ดีไม่แพ้ Ninja 250-300 ยกเว้นตัดเลน ซึ่งต้องทำใจจากขนาดตัวที่ใหญ่ยิ่ง และปลายท่อคู่
สำหรับคนซ้อน Ninja 1000 นั้นถือได้ว่าเป็นรถสปอร์ตที่ ผู้ซ้อนนั้นนั่งได้สบายกว่า Sport รุ่นอื่นๆ ในตลาดที่เป็นเบาะท้ายแบบแยกตอนเช่นกัน
เพราะ ท้ายนั้นไม่โด่งมาก และเบาะมีลักษณะป้านกว้าง รวมถึงตัวเบาะที่นุ่ม และมีมือจับที่คนซ้อนจับได้ถนัดอีกด้วย แต่อย่างไรก็ดี มันคงไม่สบายเท่ารถ Touring คันอื่นๆ ที่เบาะเป็นชิ้นเดียวกันอยู่ดี
Kawasaki-Ninja1000-MotoRival_38
เครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 1,043cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ กำลังอัด 11.8:1 มากกว่า Versys 1000 ทำให้ Ninja 1000 ให้กำลังสูงสุดถึง 142 PS@10,000rpm และให้แรงบิดสูงสุดที่ 111 Nm@7,300rpm มี Redline สูงกว่าอยู่ที่ 11,000rpm
ลักษณะของการตอบสนองเครื่องยนต์ แม้จะเป็นบล็อกเดียวกันแต่การปรับจูนต่างกัน ก็ให้อารมณ์ต่างกันอยู่เล็กน้อย
Riding Mode มี 2 Mode เช่นเดียวกัน
Mode L (Low 70%) จะปล่อยกำลังเพียง 70% และหน่วงการเปิดลิ้นผีเสื้อ ทำให้การตอบสนองช้าลงเล็กน้อย ขี่ได้สมูทขึ้น คุมคันเร่งได้ง่าย สามารถกระแทกคันเร่งออก ได้แบบเนียนๆ
Mode F (Full) ซึ่งเครื่องยนต์จะรีดสมรรถนะได้ออกมาอย่างเต็มที่ คันเร่งดูมาไวขึ้น ในช่วงออกตัวที่รอบต่ำ พละกำลังดูจะไม่ค่อยต่างกันมากนัก ต่างกันเพียงการตอบสนองของคันเร่งที่ข้อมือ แต่เมื่อลากรอบสูงขึ้นไป ย่านกลางความแตกต่างเริ่มมีให้สัมผัสได้ชัดเจน กำลัง และซุ่มเสียง แรงดึง มาให้เร้าใจมากขึ้น แรงดีเอาเรื่อง และแน่นอนมันแรงกว่า Versys 1000 แบบสัมผัสได้ด้วย รวมไปถึงรอบเครื่องที่มีจัดจ้านกว่าอีกเล็กน้อย
โดยรวมแล้ว สไตล์ของเครื่องยนต์ใกล้เคียงกับ Versys 1000 ต่างกันที่ Ninja แรงกว่า และมีรอบเครื่องที่จัดจ้านอีก และดูจะให้ซุ่มเสียงที่เร้าใจกว่าอีกด้วย
จุดหนึ่งที่เราต้องเรียนให้ทราบ คือ คันนี้เป็นปี 2014 ซึ่ง จะยังไม่มีระบบ Slipper Clutch มาให้แบบ Versys 1000 ดังนั้น
ความรู้สึกแข็งตั้งแต่การกำคลัชที่ดูหนัก และลักษณะการเข้าเกียร์ ที่ดูแข็งกว่า Versys 1000 รวมไปถึง E-Brake ที่หนักกว่าอีกด้วย แต่ก็ยังไม่ถือว่า หนักมากจนเกินไป ถึงขั้นคุมรถลำบาก
*หมายเหตุ สำหรับผู้ที่ออกรถ Kawasaki 1000 ใหม่ ปี 2016 ไปแล้ว จะไม่พบอาการที่ว่านี้ครับ เนื่องจากได้ใส่ Slipper Clutch และ Kawasaki Assist เช่นนี้ครับ
อัตราสิ้นเปลืองผู้เขียนทำได้ที่ 17.6 กม./ลิตร ในเงื่อนไขการขับขี่ใกล้เคียงกับ Versys 1000 ที่ได้กล่าวไปข้างต้น นับได้ว่ากินกว่า Versys อยู่พอสมควร
ระบบกันสะเทือน โช้คอัพหน้า USD 41 มม. ปรับได้หมดทั้ง Rebound, Compression และ Preload
ด้านหลัง โช้คอัพวางนอน พร้อมกระปุกรีโมทปรับ Preload บิดหมุน High-Low ได้เลย เช่นเดียวกับ Versys 1000
อาการของรถนั้น แตกต่างจาก Versys 1000 โดยสิ้นเชิงเนื่องจาก ความนิ่มนั้น หายไปกลายมาเป็นความหนึบแน่น และมาแทนที่ด้วยแข็งขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงว่ากระด้างเข้าขั้นตระกูลสปอร์ตจ๋า
ปัญหาหนึ่งหลังจากขี่ Versys ซึ่งควบคุมเวลาเลี้ยวได้ง่าย แล้วมาเลี้ยวรถ Ninja 1000 พบว่า มันเลี้ยวได้ค่อนข้างยาก มีอาการหนักหัวรถ เลี้ยวไม่ค่อยเข้า Understeer เวลาเข้าโค้งกว้างจึงต้องโหนรถลงทั้งตัว และใช้ CouterSteering เล็กน้อยช่วย
ระบบเบรก ABS หน้า-หลัง จานดิสก์เบรกคู่หน้าขนาด 300 มม. ปั๊มเบรก Monobloc Radial Mount คาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ (ตีแบรนด์ Kawasaki) ปั๊มเบรกบน Nissin ด้านหลังจานเบรกหลังเดี่ยวขนาด 250 มม. ลูกสูบเดี่ยว
ปั๊มเบรกหน้าบน ให้ความหนักแน่น หนึบมือ ไม่แพ้แบรนด์ดังจากอิตาลี ให้ความมั่นใจดียิ่งกว่า Versys 1000 จากการใช้เบรก Radial เรียกได้ว่า เพียงพอไม่จำเป็นต้องไปใส่เบรกแต่งตัวเทพ ไว้ใจได้ การทำงาน ABS ตอบสนองได้ไม่น่ารำคาญ ทำงานในจังหวะที่ควรจะเป็น
สรุป Kawasaki Ninja 1000 ถือเป็นรถคลาสพันอีกหนึ่งคัน ที่ตอบสนองให้กับผู้ที่ชอบทั้งการเดินทาง และอยากซิ่งได้ในคันเดียว อีกทั้งการขี่ในเมืองเมื่อพับกระจกคล่องตัวแทบไม่ต่างจากรถ Ninja 250-300 ขุมพลัง 4 สูบ ยอดเยี่ยม ร่วมกับระบบช่วงล่าง และเบรกที่พัฒนาเอง แต่มีสมรรถนะสูงเพียงพอไม่ต้องไปอัพเกรดต่อ
สำหรับผู้ที่ขี่ Bigbike ทั้งหลาย ที่มองปลายทาง คือการจบด้วยตัวพัน และสำหรับผู้ที่รักค่ายเขียว ในชื่อนินจา ด้วยแล้ว Ninja 1000 ถือเป็นรถสปอร์ตที่น่าสนใจไม่น้อยกับโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% (ดาวน์ 30%) ของราคาเต็ม 6.29 แสนบาท
จุดเด่น
– เครื่องยนต์แรง จะซิ่งก็ได้ ขณะที่ขี่แบบทัวริ่งก็ทำได้ไม่เลว
– เมื่อขี่ในเมือง เพียงแค่พับกระจบก็คล่องตัวไม่แพ้สปอร์ตคลาส 300
– ระบบเบรก และช่วงล่างที่โดดเด่น สามารถปรับได้ตามต้องการ
จุดที่อยากให้มีเพิ่มเติม
ขอขอบคุณ Kawasaki Motoaholic สำหรับรถทดสอบ Kawasaki Ninja 1000 ราคา 6.29 แสนบาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carthai
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Kawasaki Ninja 1000 สปอร์ตทัวริ่ง คลาสพัน อยากซิ่งก็แรง จะขี่เดินทางก็ดี "