รีวิว Kawasaki Z400 SE Naked Bike ไซส์เริ่มต้น ที่มาพร้อมความดุดัน ทรงพลัง ในราคา 1.95 แสนบาท
Naked Bike ถือเป็นหนึ่งในสไตล์ของรถมอเตอร์ไซค์ที่เป็นที่นิยมอย่างมากของไบค์เกอร์ชาวไทย
เนื่องด้วยรูปทรงที่ดุดันทรงพลัง ผสานกับการขับขี่ที่คล่องตัว เหมาะกับสภาพการจราจรของประเทศไทย และหนึ่งในรหัสสุดเร้าใจที่ครองใจไบค์เกอร์ชาวไทยมาอย่างยาวนาน
นั่นก็คือรถในตระกูล Z จากค่าย Kawasaki ที่เปิดตัวมาก่อนใครเพื่อน และมีให้เลือกใช้งานหลายขนาด เริ่มตั้งแต่ Z250, Z400, Z650, Z900 และ Z1000
แต่หนึ่งในโมเดลใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งาน Motor Expo 2018 และเป็นรุ่นยอดนิยมที่ขายดีที่สุดในตระกูล ก็คือ Kawasaki Z400
โดยมีรุ่นย่อยให้เลือกด้วยกัน 2 เวอร์ชั่น ซึ่งวันนี้ 9carthai.com จะพาไปทำความรู้จักรุ่นท็อปอย่าง Kawasaki Z400 SE
พร้อมเจาะลึกข้อมูลอย่างละเอียดให้ทราบกันครับ
ทั้งนี้ Kawasaki Z400 เป็นการต่อยอดความสำเร็จต่อจาก Kawasaki Z300 ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งเป็นการแทนที่โมเดลเดิมอย่าง Z250 ก่อนที่ในปี 2018 ที่ผ่านมา
Kawasaki จะอัปเกรดขยับ cc. ใหม่อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Kawasaki Z400 ใหม่ (แทนที่โมเดล Z300) และเปิดตัว Kawasaki Z250 โฉมใหม่ ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก
แต่ทว่าถ้าจะต้องให้เลือกจริงๆ ขอแนะนำให้เลือก Kawasaki Z400 ไปเลยดีกว่า เพราะมีราคาต่างกันเพียง 23,000 บาท กับการได้ cc. ที่เพิ่มขึ้นมาถึง 150cc. เลยทีเดียว
สำหรับดีไซน์ของ Kawasaki Z400 SE นั้น ได้รับการถ่ายทอด DNA มาจากรุ่นพี่อย่าง Kawasaki Z650
ซึ่งจะมาในรูปแบบ Naked Bike ที่ผสมผสานกับรูปแบบ Touring หน่อยๆ
โดยใช้พื้นฐานมาจากพี่น้องร่วมสายเลือดรหัสแรงอย่าง Kawasaki Ninja 400 ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างตัวถัง, เครื่องยนต์ และระบบช่วงล่าง
แต่มีการปรับจูน และเซ็ตอัพใหม่ให้เหมาะกับสไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกันออกไป
โดย Kawasaki Z400 SE นั้น มาพร้อมกับเฟรมถักลักษณะเดียวกับ Kawasaki Ninja H2 ซึ่งมีความแข็งแกร่ง ทนต่อแรงบิดสูง และน้ำหนักเบา
ด้านหน้ามาพร้อมโคมไฟดีไซน์ใหม่ ส่องสว่างแบบ LED, วินชิลด์หน้าแบบยกสูง (มีเฉพาะรุ่น SE), ไฟเลี้ยวแบบ LED (มีเฉพาะรุ่น SE)
ควบคุมบังคับเลี้ยวด้วยแฮนด์บาร์ ที่ถูกวางตำแหน่งในระดับเดียวกับถังน้ำมัน ซึ่งอาจจะต้องโน้มตัวในการขี่เล็กน้อย แต่ได้อารมณ์แบบรถสปอร์ต
ถังน้ำมันขนาดใหญ่ความจุ 14 ลิตร สามารถออกทริปได้สบายๆ, การ์ดกันกระแทกหม้อน้ำ (มีเฉพาะรุ่น SE)
เบาะนั่งแบบ 2 ตอน ยกระดับผู้ซ้อนท้ายแบบรถสปอร์ต, ไฟท้ายแบบ LED แบบเดียวกับ Ninja 400 ปิดท้ายด้วยบังโคลนท้ายแบบสั้น
สำหรับเรือนไมล์ของ Kawasaki Z400 SE นั้น จะแตกต่างไปจาก Kawasaki Ninja 400 ไปอย่างสิ้นเชิง
โดยจะมาพร้อมกับหน้าจอ LCD แบบดิจิตอลเต็มระบบ ซึ่งจะคล้ายๆ กับรุ่น Kawasaki Ninja 650 แต่จะไม่มีจอวัดความเร็วแยก
ซึ่งจะมีมาตรวัดความเร็ว, ไฟบอกตำแหน่งเกียร์, อุณหภูมิเครื่องยนต์, จำนวนน้ำมันเชื้อเพลิง, Trip A, Trip B, ระยะทางรวม และวัดความเร็วแบบดิจิตอล
ที่สำคัญ Kawasaki Z400 SE นั้น มี Red Line ให้ถึง 15,000 รอบ/นาที เลยทีเดียว
มิติตัวถังของ Kawasaki Z400
ด้านระบบช่วงล่าง ของ Kawasaki Z400 SE นั้น มาพร้อมกับโช้คอัพหน้าแบบ Telescopic ขนาด 41 มม. และด้านหลังแบบ Link Uni-Trak โช้คอัพแก็ส ที่สามารถปรับค่า Preload ได้
ส่วนระบบเบรก ด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกเดี่ยว ทำงานร่วมกับปั้มเบรก Nissin แบบ 2 ลูกสูบ และด้านหลังกับดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 220 มม.
ปั้มเบรกของ Nissin ซึ่งมีระบบเบรก ABS มาให้ทั้งล้อหน้า และล้อหลัง
โดยติดตั้งบนล้อแม็กสีเลือดหมูขนาด 17″ รัดด้วยยาง Dunlop Sport Max ที่ขนาดยางหน้า 110/70R17 และยางหลังขนาด 150/60R17
ทั้งนี้ในส่วนของสีล้อแม็กนั้น จะมีเฉพาะในรุ่น SE ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความแตกต่างกับรุ่นธรรมดานั่นเอง
สำหรับขุมพลังของ Kawasaki Z400 SE นั้น ใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกับ Kawasaki Ninja 400
ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ 2 สูบเรียง ขนาด 399 ซีซี. DOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ (พร้อมการ์ดหม้อน้ำเฉพาะรุ่น SE)
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 70 x 51.8 มม. กำลังอัด 11.5:1
จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด คลัทช์มือ
พร้อมมี Slipper Clutch ระบบป้องกันล้อหลังล็อค และท้ายปัดขณะเชนเกียร์
โดย Kawasaki Z400 SE มีสมรรถนะสูงสุด 45 แรงม้า ที่ 10,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 38 นิวตัน-เมตร ที่ 8,000 รอบ/นาที (เท่ากับ Kawasaki Ninja 400)
สำหรับท่วงท่าในการนั่งของ Kawasaki Z400 SE นั้น ถือว่าเป็นรถ Naked Bike ที่มีเบาะนั่งที่ต่ำ
มีความสูงเบาะนั่งที่ 785 มม. ทำให้ผู้ขี่ที่สูง 168 ซม. สามารถวางเท้าทั้ง 2 ข้างได้อย่างเต็มฝ่าเท้า ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจทั้งในตอนขับขี่ และตอนจอด
รวมไปถึงน้ำหนักของตัวรถที่กำลังพอดิบพอดีกับขนาดของเครื่องยนต์ยนต์ที่ 168 กก. ทำให้การควบคุมรถ หรือใช้เท้าเข็นถอยหลังทำได้อย่างง่ายดาย
ส่วนท่วงท่าในการขับขี่ (แขนจับแฮนด์) ตัวผู้ขับจะโน้มไปข้างหน้าสักเล็กน้อย เนื่องจากแฮนด์บาร์มีตำแหน่งที่ต่ำ
ซึ่งทาง Kawasaki ตั้งใจทำให้ได้รับความรู้สึกในการขับขี่ที่สปอร์ต แต่ถ้าขี่ไปนานๆ อาจจะมีอาการเมื่อยหลัง และข้อมือเล็กน้อย
สำหรับสมรรถนะในการขับขี่ ต้องบอกว่า Kawasaki Z400 SE นั้น เป็นรถ Naked Bike ที่มาพร้อมความดุดัน และทรงพลังอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะในเรื่องของแรงบิด ที่มีให้ใช้งานระดับ 38 นิวตัน-เมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 8,000 รอบ/นาที (แรงบิดสูงที่สุดเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน) และมีช่วงกำลังที่กว้างมากขึ้น
ทำให้จังหวะการออกตัว หรือเร่งแซง ทำได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งเกียร์ 3 นั้น ก็สามารถทำความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม.
โดยลากรอบได้ถึง 13,000 รอบ/นาที เลยทีเดียว ส่วนความเร็วสูงสุดนั้น รับรองได้เลยว่าสามารถทำได้เกิน 170 กม./ชม. อย่างแน่นอน
เพราะตอนที่ทดสอบนั้น ผู้เขียนสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 162 โดยใช้รอบเครื่องยนต์ที่ 8,000 รอบ/นาที (สภาพการจราจรไม่เป็นใจ)
ซึ่ง Kawasaki Z400 SE ยังเหลือรอบ และคันเร่งที่สามารถลากต่อไปได้อีก
ส่วนสมรรถนะในการเข้าโค้ง และระบบช่วงล่างนั้น ถือว่าใช้งานได้ดี โดยการขับขี่ด้วยความเร็วช่วงล่างมีความเฟิร์ม ไม่ส่าย หรือสะบัด จังหวะโดดคอสะพาน หรือตกหลุม
ช่วงล่างให้การซับแรงสะเทือนที่ดี และไม่ดีดคืนอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่ามีความมั่นคง และปลอดภัยในระดับหนึ่ง
ส่วนการเข้าโค้งนั้น Kawasaki Z400 SE สามารถพลิกรถได้ง่าย เนื่องด้วยมิติของตัวรถที่กระชับ และน้ำหนักเบา แต่ถ้าเลี้ยวแคบๆ อาจจะต้องใช้ทักษะผู้ขับขี่สักเล็กน้อย เนื่องด้วยแฮนด์บาร์มีขนาดที่ต่ำระดับถังน้ำมัน การหักเข้าหาตัวแบบสุดจะทำให้ควบคุมได้ยากสักเล็กน้อย
ระบบ Slipper Clutch สามารถช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้จริง โดยทดลองเชนเกียร์อย่างรวดเร็วจากเกียร์ 5 ลงมาเหลือเกียร์ 3 พอปล่อยคลัทช์ระบบจะเข้ามาจัดการโดยทันที
อารมณ์เหมือนระบบเบรก ABS ทำงาน ซึ่งจะรู้สึกถึงการทำงานได้ที่ล้อหลัง แต่จะไม่สบัด หรือส่ายออกนอกทิศทางที่ต้องการควบคุมรถ
ข้อดีของ Kawasaki Z400 SE
ข้อเสียของ Kawasaki Z400 SE
โดยรวมแล้วถือว่า Kawasaki Z400 SE นั้น เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าใช้ ให้การขับขี่ที่สนุกเร้าใจ และคล่องตัว การตอบสนองในเรื่องของอัตราเร่งจัดจ้านในทุกย่านกำลัง
ระบบเบรก และระบบช่วงล่างให้การขับขี่ที่มั่นใจ และปลอดภัย แต่อาจจะต้องแลกมาด้วยราคาค่าตัวที่สูงไปสักเล็กน้อย
โดย Kawasaki Z400 SE นั้น มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 195,000 บาท
แต่ถ้าหากใครอยากได้การขับขี่ที่สนุก และเร้าใจแบบนี้ ยังมี Kawasaki Z400 เวอร์ชั่นธรรมดา ที่จะไม่มีอุปกรณ์เสริมที่กล่าวไว้ในบทความข้างต้นให้เลือกใช้งาน ด้วยราคา 186,000 บาท
แนะนำ รีวิวมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นๆ
รีวิว All-New Yamaha NMAX155 พรีเมียม A.T. สุดคุ้มค่า ซ่าได้เต็มแม็กซ์
รีวิว Yamaha XSR 155 สปอร์ตเฮอริเทจน้องเล็กในตระกูล XSR เท่เกินใคร เร้าใจเกินตัว
รีวิว Yamaha Grand Filano Hybrid ชีวิตมีคลาส สมาร์ทไปกับเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นแรกของไทย
รีวิว Honda ADV 150 ทดลองขี่ครั้งแรกในไทย Street Adventure A.T. เจ้าของค่าตัว 97,900.
รีวิว Honda CB300R มาดเท่สไตล์ Neo Sports Cafe อ็อพชั่นจัดเต็มระดับ Big Bike ในราคา 149,800.
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Kawasaki Z400 SE Naked Bike ไซส์เริ่มต้น ที่มาพร้อมความดุดัน ทรงพลัง ในราคา 1.95 แสนบาท "