รีวิว All-New Mazda 3 ความลงตัวที่สง่างาม เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี ไม่ง้อขุมพลัง
หากจะพูดถึงความน่าสนใจของรถยนต์ระดับ C-Segment ในเวลานี้ คงไม่มีรุ่นใดน่าจับตาไปกว่า All-New Mazda 3 อีกแล้ว
ซึ่งล่าสุดพึ่งผงาดคว้า World Car Design of the Year 2020 จากเวที “World Car Award” มาหมาดๆ และเมื่อปีที่แล้วก็พึ่งได้รับรางวัล Thailand Car of The Year 2019 มาครอง
ซึ่งทำให้ทีมงาน 9carthai.com ตั้งใจอยากจะนำมารีวิเจาะลึกให้ได้พิจารณากัน ว่าเหตุใด All-New Mazda 3 ถึงได้โดดเด่นกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน
เรามาเริ่มกันที่ดีไซน์ภายนอกกันก่อนเลย ซึ่งจุดนี้ถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่ทำให้ All-New Mazda 3 มีความโดดเด่นกว่ารถยนต์ในระดับ C-Segment รุ่นอื่นๆ โดยจะมีให้เลือกใช้งาน 2 รูปแบบตัวถังด้วยกัน ได้แก่
Fastback 5 ประตู จะมาในคอนเซ็ปต์ Emotional Personal Style ที่ให้ความสปอร์ต ดุดัน และเร้าใจ
ส่วนตัวถัง Sedan 4 ประตู นั้น จะมาในคอนเซ็ปต์ Classy Sedan ที่เรียบหรู แต่ดูดี สะท้อนภาพลักษณ์อันสง่างาม
โดยทั้ง 2 ตัวถัง ได้รับการออกแบบตามหลัก KODO Design เหมือนกัน
โดยด้านหน้ามาพร้อมกับไฟหน้าโปรเจคเตอร์ส่องสว่างแบบ LED พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED Signature ปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
เข้ากับกระจังหน้าดีไซน์หรูหราเสริมกรอบโครเมียม โดยออกแบบให้มีกล้องด้านหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา (กล้องหน้า – กล้องที่กระจกมองข้าง – กล้องหลัง) ซึ่งคู่แข่ง อย่าง Honda Civic และ Toyota Altis ยังไม่มีให้
กระจกมองข้างปรับ และพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว เป็นสีเดียวกับตัวรถ พร้อมระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมีให้มาครบทุกรุ่น
หลังคาท้ายลาดคล้ายรถสปอร์ตคูเป้ ดีไซน์ด้านข้างตัวรถดูโฉบเฉี่ยวสะท้อนเอกลักษณ์ใหม่ของ Mazda ได้อย่างสง่างาม
มีกันชนท้ายขนาดใหญ่ ออกแบบให้มีปลายท่อไอเสียออก 2 ฝั่ง, ไฟท้ายดีไซน์โฉบเฉี่ยวแบบ LED Signature ปิดท้ายด้วยล้อแม็กขนาด 18” รัดด้วยยาง Yokohama ขนาด 215/45R18
มิติตัวถังของ Mazda 3 (ตัวถัง Sedan 4 ประตู)
สำหรับภายในนั้น มาพร้อมกับห้องโดยสารดูหรูหรา สวยงาม โดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาดอย่างชัดเจน
โดยใช้โทนสีดำแบบสปอร์ต ตกแต่งด้วยวัสดุ Soft Touch เกรดพรีเมียม, เบาะนั่งออกแบบมาเป็นพิเศษ ที่คำนึงถึงสรีระอันเป็นธรรมชาติในการขับขี่ ซึ่งจะช่วยลดอาการเมื่อยล้าขณะขับขี่ได้เป็นอย่างดี
โดยเบาะนั่งฝั่งคนขับเป็นระบบปรับด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง ส่วนฝั่งผู้โดยสารนั้นจะสามารถปรับสูง-ต่ำได้ด้วย
สำหรับหน้าปัดเรือนไมล์เป็นแบบดิจิตอล TFT แสดงข้อมูลผ่านจอ LCD ขนาด 7″ อีกทั้งยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า Windshield Active Driving Display ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่มีให้เฉพาะรถยนต์ Mazda เท่านั้น
ส่วนด้านบนคอนโซลหน้ามาพร้อม Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว สั่งการผ่านปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander มาพร้อมการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด Mazda Connect ที่รองรับ Apple CarPlay
แต่ไฮไลท์เด็ดสุดเห็นทีจะเป็นระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูงจาก Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ซึ่งจุดนี้บอกเลยช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่ได้ดีเป็นอย่างมาก ระบบเสียงยกให้เป็นที่สุดในคลาสเลยทีเดียว
สำหรับห้องโดยสารตอนหลัง All-New Mazda 3 นั้น มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นพนักวางแขน พร้อมที่วางแก้วน้ำที่มีมาให้ รวมไปถึงช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่คอนโซลกลาง ช่องเก็บเอกสารทั้ง 2 ฝั่ง แต่ไม่มีช่อง USB สำหรับชาร์ตมือถือตอนหลัง
ความรู้สึกของผู้โดยสารตอนหลังนั้น ค่อนข้างที่จะแคบสักเล็กน้อยหากเทียบกับรถในระดับเดียวกัน ช่องว่างระหว่างหัวเข่าเหลือระยะแบบพอดิบพอดี
ส่วนความสูงระหว่างศรีษะก็ยังเหลือพอให้หายใจได้สะดวกไม่อึดอัด แต่สำหรับผู้โดยสารที่มีขนาดตัวที่ใหญ่และสูงระดับ 180 ซม. อาจจะนั่งแล้วอึดอัดเล็กน้อย
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายค่อนข้างใหญ่ สามารถจุของได้เยอะพอสมควร ใหญ่กว่าภาพในหัวที่คิดไว้มาก เมื่อเปิดชั้นพรมที่ปิดไว้ออก จะพบกับชุดยางอะไหล่ และแม่แรง ซึ่งจุดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดี เพราะรถรุ่นใหม่ๆ สมัยนี้มักจะลดต้นทุนให้มาแค่ชุดปะยาง ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรมากเลย
สำหรับขุมพลังนั้นเป็นเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ซึ่งยกมาจากโฉมก่อน แต่มีการพัฒนาชิ้นส่วนภายในใหม่ในหลายๆ จุด ไม่ว่าจะเป็น ลูกสูบ, แหวนลูกสูบ, ระบบระบายความร้อน และหัวฉีดใหม่ ส่งผลให้มีอัตราส่วนกำลังอัดที่สูงขึ้นเป็น 13.0:1
โดยให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดที่เพิ่มเป็น 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที (รุ่นก่อน 210 นิวตัน-เมตร) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv-Dive 6 สปีด โดยทาง Mazda เคลมว่า สามารถประหยัดน้ำมันสูงสุดที่ 15.9 กิโลเมตร/ลิตร
*รูปทดสอบครั้งนี้ผู้เขียนไม่มีคนถ่ายให้ (พิษ COVID-19 ระบาด) ขอหยิบเอารูปทริปทดสอบครั้งก่อนมาประกอบแทน
เอาละเมื่อรู้สเปคและข้อมูลทั้งหมดของ All-New Mazda 3 กันแล้ว ก็ถึงคราวทดลองขับจริงกันบ้าง สำหรับอัตราเร่งของซีดานสุดหล่อคันนี้นั้น ต้องบอกว่าเป็นรถที่ไม่ได้แรง หรือเร็วจนร้องว๊าว แต่มันเป็นรถที่ให้ฟิลลิ่งการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ ตรงกับคาแร็คเตอร์ของตัวรถที่ออกแบบมาโฉบเฉี่ยวและสปอร์ต
แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งในตลาดถ้าว่าเป็นรอง โดยจะมีแรงม้าที่ต่ำกว่า Honda Civic และมีอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ด้อยกว่า Toyota Altis ซึ่งรุ่นท็อปเขานั่นมีระบบ Hybrid เขามาช่วย
แต่ถึงอย่างไร สมรรถนะของ All-New Mazda 3 ก็เพียงพอต่อการใช้งานในทุกสถานการณ์แน่นอน ไม่ได้อืดอาด เพียงแต่มันไม่ได้เป็นรถที่เร่งแรงหลังติดเบาะ หรือหวือหวาเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าอยากให้การขับขี่สนุกเร้าใจยิ่งขึ้นก็สามารถปรับไปที่โหมด Sport ก็จะช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงได้นิดหน่อย
แต่ถ้าต้องการลากรอบเพื่อเร่งแซง หรือเชนจ์เกียร์เพื่อรับ Engine Brake ก็สามารถผลักคันเกียร์มา M+/
และสิ่งที่ช่วยเพิ่มความสนุกในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี ก็คือซุ้มเสียงอันดุดันเร้าใจจากปลายท่อไอเสียคู่
ส่วนระบบช่วงล่างของ All-New Mazda 3 อันนี้ดีจริงคอนเฟิร์ม ตอนแรกจากที่เปิดตัวระบุว่า ช่วงล่างด้าน
แต่ปรากฏว่าผิดคาด เพราะช่วงล่างใหม่ของ All-New Mazda 3 นั้น ให้สมรรถนะการทรงตัวที่ดีเยี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นรองจากดีไซน์ภายนอก เพราะตัวรถถูกเซ็ทมาค่อนข้างแน่น และเฟิร์ม รองรับกับการขับขี่แบบสปอร์ตได้อย่างตอบโจทย์ ตัวรถไม่มีอาการย้วย หรือโยนในเวลาเข้าโค้งด้วยความเร็ว แต่จังหวะขึ้นลูกระนาดต่างๆ อาจจะรู้สึกแข็งหรือกระด่างไปบ้าง ยังมีอารมณ์ตึ้งตั้งให้รู้สึกได้
ส่วนสมรรถนะการยึดเกาะถนนนั้น ผมยกให้เป็นที่สุดในคลาส ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะระบบช่วยเหลืออย่าง G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่อัปเกรดมาอย่างอัจฉริยะมากขึ้น ช่วยควบคุมเบรกล้อฝั่งตรงข้ามกับโค้งในตอนออกโค้ง ทำให้มุมเลี้ยวมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น และไร้อาการโคลงของตัวรถ
อีกส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการปรับแต่งพวงมาลัยจากรุ่นก่อน ที่มีความเฉียบคม และแม่นยำมากขึ้น ทำให้การหักเลี้ยว และการควบคุมรถทำได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัย
การเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร จุดนี้ All-New Mazda 3 ทำออกมาได้ดีเอามากๆ ซึ่ง Mazda ตั้งใจออกแบบกระจกหน้าแบบลดเสียงรบกวน พร้อมเก็บรายละเอียดในจุดต่างๆ เพื่อเพิ่มสุนทรียภาพภายในห้องโดยสาร และเพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับระบบเสียงของ BOSE ได้อย่างเต็มอารมณ์นั่นเอง
นอกจากนั้นแล้ว อีกหนึ่งไม้เด็ดที่ทำให้ All-New Mazda 3 โดดเด่นกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันก็คือ ในเรื่องของระบบความปลอดภัย ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ที่ครบครัน และให้มาเยอะที่สุดในคลาส ไม่ว่าจะเป็น
ข้อดีของ All-New Mazda 3
ข้อเสียของ All-New Mazda 3
บทสรุป
ต้องยอมรับว่า All-New Mazda 3 เป็นน้องใหม่ในตลาด C-Segment ที่มีความร้อนแรง และน่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยจุดเด่นหลักๆ ที่ถือเป็นจุดขายของรถคันนี้ ก็คือในเรื่องของ ดีไซน์การออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นตัวถัง Fastback หรือ Sedan ก็ล้วนแต่เด่นสง่า ดูหรูหรากว่ารถในระดับเดียวกันทั้งนั้น
ส่วนอีกจุดก็คือเทคโนโลยี และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ Mazda นั้นจงใจใส่มาให้เยอะกว่ารุ่นอื่นๆ ในตลาด ไม่ว่าจะเป็น ระบบความปลอดภัยต่างๆ, ลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ฯลฯ ซึ่งก็ถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจ และเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ All-New Mazda 3 นั้น มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่
บทความน่าอ่าน!!
รีวิว All-New Mazda CX-30 ครอสโอเวอร์ที่ร้อนแรงที่สุดในปฐพีนี้
รีวิว New Mazda 2 ขับมันส์กว่าเดิม เพิ่มเติมเทคโนโลยี ยืนหนึ่ง City Car 3 ปีติดต่อกัน
รีวิว All-New Nissan Almera เปลี่ยนทุกสิ่งที่เคยเชื่อ ก้าวสู่ยุคใหม่ Eco Car
รีวิว Mazda CX-30 ครอสโอเวอร์ยุคใหม่ ที่พร้อมเติมเต็มความสมบูรณ์แบบในชีวิต
รีวิว ขับ Ford Ranger Raptor 2020 บุกป่า ฝ่าดง ตะลุยทะเลทราย บนผืนแผ่นดินเวียดนาม
รีวิว All-New Isuzu D-Max แอ่วเหนือ สัมผัส “พลานุภาพ พลิกโลก”
รีวิว Toyota Yaris Cross อีโคคาร์สไตล์ครอสโอเวอร์หนึ่งเดียวในคลาส ตอบโจทย์ทุกการใช้งานในชีวิต
รีวิว All-New Nissan Almera เปลี่ยนทุกความเชื่อ ก้าวสู่ยุคใหม่ Eco Car คุ้มค่าเกินราคาจริงๆ
รีวิว Honda City 1.0 VTEC Turbo โอโหแรงจริง! ขับดีเกิน Eco Car
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว All-New Mazda 3 ความลงตัวที่สง่างาม เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี ไม่ง้อขุมพลัง "