Group Test : รีวิว All-New Mazda CX-8 มาตรฐานอเนกประสงค์ยุคใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนั้น Mazda ได้ยกระดับภาพลักษณ์ และผลิตภัณฑ์เทียบชั้นรถยนต์ยุโรปเลยก็ว่าได้ ซึ่งในปี 2019 นี้ Mazda ถือเป็นแบรนด์ที่มาแรง และน่าจับตามองเป็นอย่างมาก การันตีด้วยรางวัล Thailand Car of The Year 2019 จาก Mazda 3
ล่าสุด Mazda ส่งรถอเนกประสงค์ SUV รุ่นใหญ่อย่าง Mazda CX-8 ทำตลาดในเมืองไทยตามมาติดๆ ชูจุดเด่นในเรื่องของห้องโดยสารที่กว้างขวาง เบาะนั่งแบบ 3 แถว ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 6 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง พร้อมการันตีว่าระยะฐานล้อยาวที่สุด และเบาะนั่งแถวที่ 3 นั่งได้สะดวกสบายที่สุดในคลาส ส่วนจะจริงเท็จประการใด เราไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลย
สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ ทาง Mazda ได้นำคณะสื่อมวลชนบินไปทดสอบขับขี่เส้นทาง จ.เชียงราย – จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ได้ลองสมรรถนะอย่างครบถ้วน โดยมีรถทดสอบทั้งหมด 10 คัน แบ่งเป็นรุ่น 2.5 SP จำนวน 5 คัน, XDL จำนวน 2 คัน และ XDL Exclusive จำนวน 3 คัน ซึ่งทางทีมงาน 9carthai.com นั้น ถูกจัดให้ทดสอบในรุ่น 2.5 SP ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของเครื่องยนต์เบนซินนั่นเอง โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,699,000 บาท
สำหรับดีไซน์ของ All-New Mazda CX-8 นั้น หากดูเผินๆ ก็จะมีความละม้ายคล้ายคลึงกับรุ่นน้องอย่าง Mazda CX-5 อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าหากพิจารณาดีๆ หรือนำ Mazda CX-5 มาจอดเทียบกันข้างๆ แล้ว จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เริ่มจากมิติของตัวรถที่จะสัมผัสได้เลยว่า Mazda CX-8 นั้น มีความใหญ่โตกว่าพอสมควร เนื่องจาก Mazda CX-8 นั้น ใช้แพลตฟอร์มจากเรือธงอย่าง Mazda CX-9 มาพัฒนาต่อยอด เพื่อสร้างความสะดวกสบาย และความกว้างขวางของห้องโดยสารให้ได้มากที่สุด
ส่วนในเรื่องของดีไซน์ของ Mazda CX-8 ยังคงความประณีตพิถีพิถัน ภายใต้ปรัชญา KODO design : Soul of Motion ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงามจากคอนเซ็ปต์ “Less is More” เพื่อลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปเหลือไว้แต่ความสง่างาม
มิติตัวถัง All-New Mazda CX-8
ในส่วนของภายในของ Mazda CX-8 รุ่น 2.5 SP นั้น จะมาพร้อมกับห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง ส่วนดีไซน์ และการออกแบบห้องโดยสารนั้นจะมาในรูปแบบเดียวกันในทุกรุ่นย่อย ได้แก่ ห้องโดยสารโทนสีดำ ตกแต่งด้วยวัสดุ Real Wood (เนื้อไม้แท้) ผสมกับสีเงินซาติโครม ที่ให้ความรู้สึกที่หรูหรา และพรีเมียม ในส่วนของคอนโซลหน้า และแผงประตูเลือกใช้วัสดุแบบ Soft Touch ส่วนเบาะนั่งจะเป็นแบบหนัง Nappa แท้ สีแดง Deep Red ที่ให้ความภูมิฐาน และรองรับกระชับทุกสรีระ ลดอาการเมื่อยล้าในทุกที่นั่ง ส่วนคู่หน้าจะมาพร้อมกับระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Tri Zone โดยเบาะนั่งแถวที่ 2 นั้น จะมีแผงควบคุมอุณหภูมิแยกโซนให้ต่างหาก คอนโซลหน้ามาพร้อมหน้าจอระบบสัมผัส Center Display ขนาด 7 นิ้ว ควบคุมผ่านปุ่ม Center Commander รองรับการเชื่อมต่อผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อมระบบ Apple CarPlay รวมไปถึงระบบแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า Windshield Active Driving Display ก็ติดตั้งมาให้พร้อมในทุกรุ่นย่อย
ส่วนในรุ่นท็อปสุดอย่าง XDL Exclusive นั้น จะมีระบบเสียงรอบทิศทางของ Bose 10 ตำแหน่ง, ม่านบังแดดที่ประตูคู่หลัง, เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ Captain Seat (6 ที่นั่ง) แยกซ้าย-ขวา พร้อมคอนโซลกลาง, ช่อง USB สำหรับชาร์จไฟ 2 ช่อง เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มเข้ามา
ส่วนห้องโดยสารที่เป็นแบบ 3 แถว 7 ที่นั่งนั้น เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับพับแยกได้แบบ 60:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 นั้น สามารถปรับพับแยกได้อย่างแบนราบแบบ 50:50 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดวางสัมภาระที่มากขึ้นได้อีกด้วย
ทั้งนี้ในส่วนของการนั่งในเบาะนั่งแถวที่ 2 นั้น ต้องบอกเลยว่า มีความกว้างขวาง และนั่งสบายเป็นอย่างมาก ช่องว่างของที่วางขาเหลือเฟือ รวมไปถึงช่องว่างด้านบนระหว่างศรีษะที่มากพอ ทำให้รู้สึกนั่งสบาย และไม่อึดอัด
ส่วนการนั่งในเบาะนั่งแถวที่ 3 นั้น ถือว่านั่งได้สบายในระดับหนึ่ง (ผู้ทดสอบสูง 168 ซม.) โดยทาง Mazda ยืนยันว่า สามารถรองรับผู้โดยสารที่มีความสูงเกิน 170 ซม. ได้ โดยถ้าอยากให้นั่งสบายๆ นั้น ต้องให้ผู้นั่งแถวที่ 2 ปรับเลื่อนเบาะ และเอนเบาะขึ้นเล็กน้อย เพียงเท่านี้ผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ก็สามารถนั่งได้แบบไม่ติดขัดอะไร ส่วนผู้โดยสารที่เป็นเด็ก หรือขนาดตัวไม่ใหญ่มากนัก บอกเลยว่านั่งสบายมากๆ แถมมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่าง ช่องแอร์, ที่เสียบชาร์จ USB และที่วางแก้วน้ำมาให้พร้อมอีกด้วย
สำหรับ All-New Mazda CX-8 นั้น จะมีขุมพลังให้เลือกด้วยกัน 2 เครื่องยนต์ โดยรุ่นที่ทาง 9carthai.com ได้ทดลองขับในครั้งนี้ เป็นรุ่น 2.5 SP ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 2.5 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ติดตั้งระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT มอบสมรรถนะสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 258 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที โดยมีอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุดที่ 13.5 กม./ลิตร
ส่วนอีกหนึ่งขุมพลังจะเป็น เครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D ขนาด 2.2 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ มาพร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และ ระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ให้สมรรถนะสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที
ส่วนในรุ่นท็อปสุดอย่าง XDL Exclusive นั้น จะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD ให้ใช้งาน โดยมีอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุดที่ 17.5 กม./ลิตร
ด้านระบบความปลอดภัยของ All-New Mazda CX-8 มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำ i-Activsense โดยระบบความปลอดภัยที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ได้แก่
ส่วนในรุ่นท็อปสุดอย่าง XDL Exclusive นั้น จะมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ AWD, ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (SCBS-R), ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (ALH), ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (LDWS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LAS) และ ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DAA) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มขึ้น
สำหรับสมรรถนะการขับขี่ในด้านอัตราเร่งของ All-New Mazda CX-8 รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G นั้น ต้องบอกว่า เป็นรถที่ให้อัตราเร่งแบบสุขุมนุ่มลึก ไม่กระโชกโฮกฮาก และไม่ได้แรงจนรู้สึกว่าดึงหน้าง่าย อัตราเร่งในช่วงต้นอาจจะดูขึ้นช้า และอืดไปสักนิดด้วยซ้ำไป เนื่องจากตัวรถมีน้ำหนักที่เยอะพอสมควร ผนวกกับการทดสอบครั้งนี้นั่งกัน 4 คน พร้อมสัมภาระเต็มคัน แต่ถ้าหากความเร็วไต่ระดับขึ้นถึง 90 กม./ชม. ขึ้นไป ความเร็วในช่วงกลาง-ปลาย จะมาดี สามารถลากรอบได้ลึกถึง 6,000 รอบ/นาที
ซึ่งถ้าหากปรับมาใช้โหมด Sport รอบเครื่องยนต์จะถูกดันให้สูงขึ้น และคารอบเกียร์ให้ได้ลากต่อไปได้อีกสักระยะ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าให้การขับขี่ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวรถ ที่ไม่ได้ต้องการแรงบิดสูง หรือรอบต้นที่หวือหวาแต่อย่างใด หากแต่มันจะทำให้คุณนั่งสบาย เสียงเครื่องยนต์ และเสียงลมเข้ามารบกวนห้องโดยสารน้อยมาก แต่ความเร็วที่ใช้ในระดับ 120-160 กม./ชม. สามารถทำได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องเค้นมากมายนัก
ในเรื่องของการควบคุมรถ และ Handling นั้น ถือเป็นรถที่มีน้ำหนักพวงมาลัยที่เบา สุภาพสตรีสามารถขับได้อย่างไม่ยากลำบาก แต่ด้วยน้ำหนักที่เบานี้ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความเฉียบคม เพียงแต่อาจจะเบาไปสักเล็กน้อยในช่วงความเร็วสูง ซึ่งถ้าไม่ชินรถ อาจจะมีอาการเหวอได้
ด้านระบบช่วงล่าง และระบบเบรกนั้น ถือว่าจัดการได้อย่างอยู่หมัด ช่วงล่างมีความนุ่ม หนึบ นั่งสบาย ไม่กระด้าง จังหวะเล่นโค้งต่างๆ ให้การเกาะถนน ไม่ลื่นไถล และยังให้การควบคุมรถอยู่ในไลน์ที่ต้องการจะไปได้ดี ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะระบบ G-Vectoring Control ที่เข้ามาช่วยจัดทรงรถให้อยู่ในการจัดการ เรียกได้ว่าเส้นทางทดสอบที่ขึ้นเขา-ลงเขาตลอดเวลา ผู้โดยสารในรถทั้ง 4 ท่าน ไม่เกิดอาการเวียนหัวแต่อย่างใด
ข้อดีของ All-New Mazda CX-8
ข้อเสีย All-New Mazda CX-8
บทสรุป
โดยสรุปแล้วถือว่า All-New Mazda CX-8 นั้น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบการเดินทาง และมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันบนรถ ซึ่งเป็นรถที่สามารถพาทุกคนในครอบครัวไปด้วยกันได้ทั้งหมดอย่างสะดวกสบาย และไม่อึดอัด ส่วนสมรรถนะการขับขี่ และอัตราเร่งต่างๆ โดยรวมแล้วอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่สิ่งที่มีมาให้เหนือกว่าคู่แข่งก็คือในเรื่องของระบบความปลอดภัย และเทคโนโลยีช่วยเหลือต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้ครบตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น
ราคาจำหน่ายของ All-New Mazda CX-8
รีวิว Chevrolet Colorado High Country Storm 4×4 เมื่อคำว่าสุด…มิอาจหยุดเราได้
รีวิว MG Extender สมาร์ทปิกอัพ ตัวถังใหญ่นั่งสบาย อ็อพชั่นมากมายเต็มคัน
รีวิว All-New Toyota Altis Hybrid ยืนหนึ่งเรื่องความประหยัด อ็อพชั่นคุ้มค่าคุ้มราคา
รีวิว All-New Mazda 3 หรูหรา แต่ทรงพลัง อ็อพชั่นอัดแน่นเต็มคัน เทียบชั้นรถยุโรป
รีวิว All-New Chevrolet Captiva 2019 โดดเด่นอย่างมีสไตล์ สะดวกสบายทุกที่นั่ง
รีวิว Mitsubishi Pajero Sport 2019 ปรับลุคใหม่ ใส่อ็อพชั่น คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม
รีวิว NEW MG EXTENDER สัมผัสแรกกับกระบะพันธุ์ใหม่แห่งค่าย MG
รีวิว Honda Accord 2.0 Hybrid TECH เจ้าของค่าตัว 1.799 ล้านบาท มีดีที่ตรงไหน? ไปหาคำตอบกัน
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Group Test : รีวิว All-New Mazda CX-8 มาตรฐานอเนกประสงค์ยุคใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ "