ลองควบสองพี่น้อง GL-Class Mercedes-Benz GLA250 AMG Dynamic และ GLC 250d 4MATIC AMG Dynamic ครอสโอเวอร์ และ SUV สปอร์ต จากค่ายตราดาว หล่อหรูดูดีสมสมรรถนะ
เมื่อช่วงสิ้นเดือนที่ผ่านมา ทาง Mercedes-Benz Thailand ได้จัดทริป Mercedes-Benz Star Charity ควบรถ SUV ตระกูล GL-Class ลงทำความดีเพื่อสังคม โรงเรียน เยาววิทย์ จังหวัดพังงา
ซึ่งในครั้งนี้ ทาง Mercedes ได้นำทัพสื่อมวลชนร่วมเดินทางในเส้นทางกรุงเทพฯ – พังงา ทดสอบสมรรถนะยนตกรรมในกลุ่ม SUV ครบทั้งพอร์ทโฟลิโอจำนวนรวมกว่า 15 คัน ได้แก่ Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium, Mercedes-Benz GLE 350 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic, Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic, Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC Exclusive, Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic, Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic โดย 9carthai ของเราได้รับเกียรติในการเข้าร่วมทริป Mercedes-Benz Star Charity #StarDrive ทำความดีเพื่อสังคมในครั้งนี้ด้วย
และ ทางเราได้มีโอกาสควบรถ 2 รุ่น ได้แก่ GLA250 AMG Dynamic และ GLC250d AMG 4Matic ซึ่งเราจะขอมานำเสนอกับการีวิวรถทั้ง 2 รุ่นนี้กันครับ
เริ่มที่ GLA250 AMG Dynamic กันก่อนเลย
ดีไซน์ภายนอก GLA นั้นถือเป็นรถในสไตล์ Compact Crossover เล็ก ที่ดีไซน์ออกแบบได้ถึงภาพความหรูในแบบรถ Mercedes ยุคใหม่ แต่คงความสปอร์ตไว้อย่างชัดเจน ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าครีบระบายอากาศคู่ที่ช่วยเน้นให้ตัวรถกว้างขึ้น ตกแต่งด้วยกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียมแบบ 2 แถบ พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ตรงกลาง ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ ไฟหน้าแบบไบซีนอน (bi-xenon) ไฟ daytime แบบ LED
ล้อ AMG ขนาด 19” และชุดแต่ง AMG bodystyling ที่บริเวณกันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง
นอกจากนี้ยังมากับออปชั่นหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความดูดีมีระดับในรถ Compact Crossover คันนี้
ดีไซน์ภายใน ยังคงยุดพื้นฐานจาก A-Class ที่เน้นความ Compact เรียบง่าย แต่ฟังก์ชั่นครบครัน ดูสปอร์ตและสง่างาม
เบาะนั่งหุ้มหนัง Artico สลับ DINAMICA microfibre สีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ
เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3 / 2:3 หรือจะพับราบเพื่อขยายพื้นที่วางของจาก 421 ไปเป็น 1,235 ลิตร ก็ทำได้
ระบบปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติ ที่ช่วยให้คุณแม่บ้านไม่ต้องมาเหนื่อยจากการปิดประตูท้ายอันแสนหนัก แบบที่พบใน GLA200 Urban อีกต่อไป
ด้วยการที่ทริปนี้เราเน้นเดินทางกันไกลพอสมควร GLA นั้นจึงอาจพบว่าภายใน GLA นั้น อาจอึดอัดไปบ้าง ตัวเบาะแบบ Semi Bucket Seat ที่ทำให้การนั่งนั้นถูกบล็อกอยู่ในทรง ไม่สามารถตะแคงคอนอนได้ แต่หากคุณต้องการขับขี่แบบสปอร์ตละ ก็ความกระชับต่อสรีระการขับนั้น GLA250 นี้ ถือว่าทำได้ดีไม่แพ้รถสปอร์ตเลย
อีกจุด ก็คือ ทัศนวิสัยภายในห้องโดยสารที่ดูค่อนข้างแคบ และมีมุมอับพอสมควร ได้แก่ ที่เสา B ด้านข้าง และกระจกมองหลัง
ด้านเครื่องยนต์ เป็นเบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ ความจุกระบอกสูบ 1,991cc กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,200-1,400 จับคู่เกียร์ 7 Speed DCT มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุดสูงถึง 235 กม./ชม.
แม้ว่าจะมาในคราบ Crossover แต่ด้วยขนาดตัวที่เล็ก และมากับขุมพลังที่แรงเช่นเดียวกับ Sport Compact อย่าง A250 AMG จึงทำให้รถ GLA250 AMG คันนี้ ที่เป็นรถเล็กคันน้องสุดของขบวน เป็นรถที่ขับสนุกและดูจี๊ดจ๊าด แถมคล่องตัวที่สุดในขบวนนี้
อัตราเร่งช่วงออกตัว หวือหวา แรงในแบบรถสปอร์ต ยิ่งทอร์คที่มาหนักตั้งแต่รอบต่ำช่วยให้รถพุ่งทะยานออกตัวอย่างรวดเร็ว ถ้ากดคันเร่งแรงไปหน่อย อาจพบอาการล้อฟรีเล็กๆ ก่อนที่ระบบ TCS จะเข้ามาช่วยตัดกำลังให้ได้ Grip การยึดเกาะที่เหมาะสม เรียกได้ว่าต้องการความเร้าใจเมื่อใด แค่ Kick Down ลงไป รอบเครื่องลากเข้าสู่ Redine คุณก็ได้พบอัตราเร่งที่ดึงให้หลังติดเบาะได้อย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ระบบเกียร์ DCT 7 Speed ช่วยให้การส่งกำลังเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง ไม่ว่าจะ Shift เกียร์เอง หรือ ให้รถเปลี่ยนเกียร์เองอัตโนมัติ ก็ทำได้รวดเร็ว ไหลลื่น ขณะที่ ยังคงให้ความเร้าใจในจังหวะเปลี่ยนเกียร์อยู่พอสมควร
ในส่วนของการควบคุมนั้น พวงมาลัยผ่อนแรงไม่เบานัก อาจมีผลจากล้อ 19” แต่ถือว่าน้ำหนักนั้นตึงมือดี ให้การควบคุมที่มั่นคงดี ในการขับเคลื่อนที่ความเร็วสูง แต่เชื่อได้ว่าถ้ามาขับในเมือง อาจจะหนักมือไปเสียหน่อย หากต้องหักวงเลี้ยวบ่อยๆ ที่ความเร็วต่ำ
ขณะที่ระบบกันสะเทือนช่วงล่าง เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับรถ A-Class เลย ให้อารมณ์ติดสปอร์ต ขับสนุก และเกาะถนนได้อย่างดิบดีบนพื้นถนนที่เป็นทางเรียบ ขณะที่การขับผ่านเส้นทางกึ่ง Off-Road นั้น ก็ยังพอทำได้ ให้ความแน่นเฟิร์มจากช่วงล่างระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการใช้ล้อขอบ 19” แบบสปอร์ต อาจจะให้สัมผัสที่แข็งกระด้างไปนิด
คือสรุปได้ว่า ลุยแบบเล็กๆ ใช้งานบนเส้นทางถนนที่ไม่สมประกอบนั้น ยังทำได้สบาย แต่ถ้าละเอาไปขับลุย Off-Road แบบพี่ใหญ่ คันอื่นๆ อาจจะยังไม่เหมาะนัก กับสไตล์ขับ 2 ล้อหน้า Crossover เช่นนี้
มาต่อที่ Mercedes-Benz GLC250d 4MATIC
ดีไซน์ภายนอก Mercedes-Benz GLC250d 4MATIC ยังคงยึดปรัชญาทางการออกแบบที่สวยงามและเรียบง่าย ตามแบบฉบับรถยนต์ C-Class W205 ซึ่ง GLC 250 d 4MATIC มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน คือ GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic
ทั้งสองมาพร้อมไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System และไฟ daytime แบบ LED fibre-optic ระบบไฟหน้าเลี้ยวตามพวงมาลัย ALS และระบบ Cornering Light พวงมาลัยเลี้ยวตามขณะเข้าโค้ง
ลายเส้นด้านข้างถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้ายเสริมภาพสปอร์ตไปในตัว นอกจากนี้ยังมี Panoramic Sunroof ปรับไฟฟ้า ติดตั้งมาให้
โดย รุ่น OFF-ROAD จะมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 19” ขณะที่ AMG Dynamic ใช้ล้อ AMG 20” และชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง)
โครงสร้างตัวถัง GLC ใช้วัสดุอลูมิเนียมและโลหะความทนทานสูง ทำให้น้ำหนักของตัวรถเบาลงกว่ารถยนต์รุ่น The GLK-Class ถึง 50 กิโลกรัม
ดีไซน์ภายใน GLC-Class ได้ถอดแบบออกมาจาก C-Class ที่ออกแบบโดยเน้นความหรูหรา ทันสมัย แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงกลิ่นอายของความสปอร์ตเอาไว้ ทั้งสองรุ่นถูกตกแต่งด้วยลายไม้แบบ Open-pore brown ash wood
หน้าจอ Multimedia แบบ Freestand ตั้งอยู่บนแผลคอนโซลด้านบน โดยสามารถควบคุมผ่านปุ่มวงกลมที่ใช้บิดหมุน หรือจะผ่านแผง Touch Pad ก็ทำได้
รุ่น AMG Dynamic คันนี้ยังมาพร้อมเครื่องเสียง Burnester สุดพรีเมี่ยม เช่นเดียวกับ C-Class
ด้านเทคโนโลยี GLC Class ทั้ง 2 รุ่น มากับระบบ PARKTRONIC ช่วยจอด และ Dynamic Select ปรับโหมดขับขี่ได้ถึง 5 แบบ
– Eco, Comfort, Sport, Sport+ และ Individual
เบาะนั่งปรับไฟฟ้านั้น ยังคงให้ความกระชับได้ดีเช่นเดียวกับ C-Class และให้ความสบายพอตัว ในขณะที่เบาะนั่งตอนท้ายนั้นอาจจะดูแคบไปเสียหน่อยหากต้องนั่งโดยสารเดินทางไกลเป็นเวลานาน
ในส่วนของห้องสัมภาระท้ายขนาด 550 ลิตร เมื่อพับเบาะลงราบด้วบระบบอัตโนมัติความจุจะมีมากถึง 1,600 ลิตร
เครื่องยนต์แบบดีเซลแถวเรียง 4 สูบ ความจุกระบอกสูบ 2,143cc มอบกำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 -1,800 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ แบบ 9G-TRONIC ถ่ายทอดกำลังลงสู่ล้อทั้ง 4 ด้วยระบบ 4MATIC มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.6 วินาที และความเร็วสูงสุด 222 กม./ชม. ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียถึง Euro 6 หากเทียบกับรถ GLK-Class จะลดการใช้พลังงานลงกว่า 19% และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง 19% เช่นกัน
ในด้านของสมรรถนะการขับขี่ด้วยขุมพลังดีเซล ที่เน้นทอร์ค จากรอบต่ำ ช่วยเรียกแรงบิดมาได้ทันที แม้ทอร์คจะหนัก แต่ด้วยรูปแบบเกียร์และเครื่องยนต์ GLC250d นั้นไม่ได้ ดูจัดจ้านแบบ GLA250 เน้นความราบรื่น สมูทนุ่มนวลของการส่งกำลังเครื่องยนต์
ขณะที่การใช้งานนั้น พบว่ายังคงมีกำลังที่ดี และแรงเพียงพอต่อการใช้งานไม่ว่าจะขับใกล้ หรือ ไกล และในด้านของความประหยัดนั้นถือว่าทำได้ดีในสไตล์เครื่องดีเซล
ขณะที่การควบคุมและช่วงล่างนั้น เราได้ขับ GLC250d บนทุกสภาพอากาศทุกสภาพถนนในทริปนี้ ต้องบอกเลยว่า GLC250d 4 MATIC คันนี้ ทำได้ดีในทุกสภาพพื้นถนน ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ การขับด้วยความเร็วสูงทรงช่วงล่างยังคงแน่นหนึบ และไม่แข็งกระด้างแม้จะใช้ล้ออัลลอยขนาดถึง 20” ขณะที่การขับลุยแบบ Off-Road นั้นยังทำได้ดี ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ไม่ว่าพื้นจะเปียกลื่น หรือทางขรุขระเพียงใด GLC คันนี้ก็พร้อมลุยได้ทุกสภาวะ เพียงแต่ในรุ่น Off-Road นั้นดูจะมากับภายนอกที่พร้อมลุยกว่าอีกนิดจากขอบล้อที่เล็กลง 1” และ ระยะ Ground Clearance ที่มีมากกว่าอีกหน่อย
สรุป Mercedes-Benz GL-Class ทั้ง 2 รุ่น นั้น GLA250 AMG Dynamic ถือเป็นรถ Crossover Sport เล็กสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่สมรรถนะนั้นถือได้ว่าแรงเอาเรื่อง อัตราเร่งทำได้ดีเกาะกลุ่มไม่แพ้ พี่ใหญ่ GL คันอื่นๆ (ดีกว่าด้วยซ้ำไป) แต่ภายในห้องโดยสารที่แคบเบาะนั่งในสไตล์ Semi-Bucket Seat ที่ให้อารมณ์สปอร์ต อาจไม่ใช่ความสุนทรีย์กับการที่ต้องเดินทางไกลเท่าใดนัก เพราะมันเน้นการขับสไตล์ Fun to Drive มากกว่า
ขณะที่ GLC250d รถ SUV ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากของ Mercedes-Benz ตระกูล GL นี้ ถือเป็นรถที่ครบเครื่องพร้อมลุยในทุกรูปแบบถนน แม้ว่าอาจจะไม่ใช่รถที่มีพื้นที่โดยสารมากนัก แต่ GLC250d มากับสมรรถนะการขับขี่ที่ทำได้ดีทั้งทาง On-Road รวมถึงความพร้อมในการขับลุยทาง Off-Road ได้จริง จากระบบ 4MATIC และ เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ที่ให้มาครบครัน ขณะที่ลูกเล่นฟังก์ชั่นในการใช้งาน ยังคงความไฮเทคทันสมัยมาจาก C-Class
เรียกได้ว่า GLC250d AMG Dynamic 4MATIC นี้ ถือได้ว่าเป็นรถคันเดียวที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานอย่างครอบคลุมทุกการใช้งาน ในทุกรูปแบบ Lifestyle
GLA250 AMG Dynamic ราคา 2,440,000 บาท
GLC250d 4MATIC OFF-ROAD ราคา 3,240,000 บาท
GLC250d 4MATIC AMG Dynamic ราคา 3,690,000 บาท
ขอขอบคุณ Mercedes-Benz ประเทศไทย สำหรับรถทริป Mercedes-Benz Star Charity ในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " ลองควบสองพี่น้อง GL-Class Mercedes-Benz GLA250 AMG Dynamic และ GLC 250d 4MATIC AMG Dynamic ครอสโอเวอร์ และ SUV สปอร์ต จากค่ายตราดาว หล่อหรูดูดีสมสมรรถนะ "