รีวิว MG GS 1.5 X เทอร์โบ SUV ที่ใช้งานได้ครอบคลุม ตอบโจทย์กว่า 2.0 เทอร์โบ แถมราคาเบากว่า
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทาง MG Sales ประเทศไทย ได้จัดทริปทดสอบ MG GS 1.5 เทอร์โบ ใหม่กับบรรดาสื่อมวลชนได้สัมผัส บนเส้นทางกรุงเทพฯ – ชัยภูมิ – อุดรธานี รวมระยะทางรวมกว่า 600 กม. และ 9carthai ของเราก็ได้รับเกียรติในการเข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย
โดยในทริปนี้รถที่สื่อมวลชนจะได้ทดสอบกัน คือ MG GS 1.5 X สีขาว ราคา 9.9 แสนบาท
MG GS 1.5 X ถือเป็นรุ่นท๊อปไลน์ โดยรูปลักษณ์การดีไซน์ ยังคงความโฉบเฉี่ยวด้วย Diamond Flow Design
ล้ออัลลอย ลาย Diamond Cut สวมยางไซส์ 215/60/R17
ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ ซึ่งจะใช้หลอดฮาโลเจน แทน HID ในรุ่น 2.0 แต่ยังคงมาพร้อมไฟ DRL ในตัว พร้อมระบบฉีดล้างไฟหน้า
ด้านท้ายมีที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง พร้อมเซ็นเซอร์ถอยหลังมาให้ 4 จุด
ไฟท้ายยังคงเป็น LED
ในรุ่น X นี้มาพร้อม Roof Rail และ หลังคา Sun Roof
ด้านมิติตัวรถนั้น MG GS 1.5 เทอร์โบ มีน้ำหนัก 1,460 กก. ซึ่งเบากว่ารุ่น 2.0 X ถึง 182 กก.
ความสูงเตี้ยลง 10 มม. เหลือ 1,689 มม.
นอกจากนี้ระยะ Ground Clearance นั้นเตี้ยลงเหลือ 174 มม.
ขณะที่มิติด้านอื่นๆ นั้นยังคงเช่นเดิมเท่ากับรุ่น 2.0
ห้องโดยสารภายใน เมื่อเปิดประตูด้วยระบบ Keyless จะดูเหมือนกับ 2.0 แทบทั้งหมดต่างกันที่ ตกแต่งด้วยวัสดุหุ้มเบาะหนังสังเคราะห์ (ในรุ่น 2.0 จะเป็นหนังแท้ปนสังเคราะห์) รวมไปถึงเบาะนั่งปรับไฟฟ้า จะปรับได้เฉพาะฝั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง (รุ่น 2.0 เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง)
ขณะที่รายละเอียดอื่นๆ เหมือนเดิมแทบทั้งหมด แผงคอนโซลสีดำ Piano Black มีหน้าจอความบันเทิงแบบ Touch Screen ขนาด 8” ถ่ายทอดกำลังเสียงผ่านลำโพง 8 ตัว พร้อมระบบนำทาง เทคโนโลยีที่ MG ชูเป็นไฮไลท์ คือ ระบบเชื่อมต่อ InkaNet ที่จะแสดงข้อมูลต่างๆ อย่างอัจฉริยะ
พวงมาลัยหุ้มหนัง ดีไซน์ของ MG ปรับได้ 4 ระดับ ติดตั้งสวิทช์ซ้ายเป็นชุดควบคุมเครื่องเสียง ด้านขวาเว้นว่างไว้ มีก้าน Cruise Control อยู่ทางด้านซ้ายล่าง หลังพวงมาลัยในสไตล์รถยุโรป และมีก้าน Paddle Shift ให้เปลี่ยนเกียร์ด้วย
มองต่ำลงมาใต้คันเกียร์ จะพบปุ่มเบรกมือไฟฟ้า + ปุ่มปิด Auto Vehicle Hold และ ปุ่มปิด TCS
ด้านเบาะหลังปรับเอนได้ 14 องศา เพิ่มความสบายในการนั่งพิง พร้อมที่วางแขน + ที่วางแก้วน้ำตรงกลาง และสามารถพับได้ 60:40 ช่วยทำให้ใส่ของได้เยอะขึ้น
ผู้เขียนได้มีโอกาสนั่งที่เบาะหลังมากกว่าตำแหน่งอื่นๆ MG GS ถือเป็น SUV ที่นั่งได้สบายมากคันหนึ่ง พื้นที่ Leg Room เหลือๆ ผู้โดยสารตัวใหญ่นั่งได้ไม่อึดอัด เบาะเอนได้ทำให้ผ่อนคลาย แต่ตัวเบาะหลังที่ดูแบนราบ อาจทำให้นั่งได้ไม่กระชับลำตัวเวลารถเข้าโค้ง จุดที่แอบไม่ชอบคือ แอร์ตอนหลังที่จะไม่สามารถปรับกำลังลมให้แรงขึ้นได้นั้นทำให้ต้องไปเร่งแอร์ตอนหน้า หรือลดอุณหภูมิลง ซึ่งทำให้ด้านหน้าเย็นไป
ด้านหลังเบาะด้านหน้ามีช่องใส่เก็บของทั้ง 2 ฝั่ง
ไฮไลท์ของรถคันนี้ คือ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ TGI-TECH ระบบหัวฉีดไดเรคอินเจคชั่น รองรับน้ำมัน E85 พละกำลังสูงสุด 167 แรงม้า@5,600rpm แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร@1,700–4,400rpm ส่งกำลังด้วยเกียร์ Twin Clutch 7 SPEED
หากเพื่อนๆ อยากจะ Shift เกียร์ผ่านแป้น Paddle Shift นั้น จะต้องดึงคันเกียร์ลงมาที่ตำแหน่ง S เสียก่อน ไม่สามารถกดแป้นเพื่อเปลี่ยนได้ในทันที
การใช้งานนั้น การออกตัวดูดีกว่า 2.0 เทอร์โบ มีแรงบิดมาให้ใช้ในทันทีที่รอบต่ำ ไม่ต้องรอรอบ ออกตัวดูกระฉับกระเฉงดีกว่า 2.0 ขณะที่ แต่เมื่อต้องใช้งานเพื่อเร่งแซงรถในเลนสวนนั้น ถือว่าทำได้ดี ทอร์คมาค่อนข้างไว แต่พบว่าในบางจังหวะนั้น คันเร่งไฟฟ้า กับการทำงานของเกียร์ดูจะไม่ค่อยทันใจเท่าใดนัก การตอบสนองคันเร่งไฟฟ้ายังคงดู มีช่วง Lag เล็กน้อย รวมไปถึงจังหวะที่ต้อง Shift เกียร์ นั้นต้องรอเกียร์ตอบสนองจังหวะหนึ่ง
ขณะที่ความเร็วปลายนั้น ขณะที่ผู้เขียนนั่งอยู่ แอบเห็นเพื่อนนักข่าวทำความเร็วกันไปถึงระดับ 180 กม./ชม. + โดยไม่ยากเย็นนัก
สมรรถนะดูดีกว่ารถ SUV ระดับ 2.0 ลิตร อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งดูจะมีสมรรถนะอยู่ในระดับไล่ๆ กับรถ SUV 2.4
ด้านอัตราสิ้นเปลืองนั้น ในช่วงที่ Test Eco Run ค่าเฉลี่ยของรถในทริปโดยส่วนใหญ่ จะทำได้ราว 17 กม./ลิตร+ (E20) จากการเติมน้ำมันเข้าเต็มถัง และจดตัวเลขทริป เพื่อหารหาตัวเลข ขณะที่การใช้งานจริงในการขับขี่แบบเค้นสมรรถนะ บนทางขึ้นเขา และเร่งแซงจะเฉลี่ยอยู่ที่ 10 กม./ลิตร
ในด้านการของควบคุมตัวรถ ระบบบังคับเลี้ยวพวงมาลัยไฟฟ้า EPS รัศมีวงเลี้ยว 6 ม. ให้ความรู้สึกที่ดูใกล้เคียงกับพวงมาลัยไฮโดรลิก คือ ช่วงสาวพวงมาลัยออกตัวน้ำหนักจะเบาผ่อนคลายดี เมื่อควบคุมในขณะที่เคลื่อนตัว พวงมาลัยเริ่มหนืดมือขึ้น
แต่ทว่าที่แปลก คือ ปกติพวงมาลัยไฟฟ้า เมื่อความเร็วยิ่งสูงพวงมาลัยจะหนักตึงมือขึ้นเรื่อยๆ แต่ GS 1.5 นี้ พบว่าที่ความเร็วสูงๆ พวงมาลัยจะให้ฟีลลิ่งแบบ ไฮโดรลิก คือ มีระยะฟรีเล็กน้อย และไม่หนักแน่นตึงมือในแบบไฟฟ้านัก ซึ่งข้อดีมันคือ เวลาควบคุมรถขณะเข้าโค้งดูจะตอบสนองได้ดี แต่ทว่าการขับด้วยความเร็วสูงๆ บนทางตรงจำเป็นต้องประคองมือให้ดี
MG ยังคงมีจุดเด่นที่ระบบกันสะเทือนช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ที่แข็งแรงแน่นเฟิร์มตามแบบฉบับ Brit Dynamic ขับที่ความเร็วสูงไม่มีปัญหาให้กังวล เข้าโค้งก็หนึบในระดับที่ SUV ยกสูงพึงทำได้ดี
ทาง MG เคลมว่าช่วงล่างเหมือนตัว 2.0 แต่เซ็ทให้นุ่มนวลขึ้น ผู้เขียนพบว่า โดยรวมแล้วไม่ต่างกันมากนัก ด้วยอาการช่วงล่างที่แน่น เมื่อขับผ่านทางที่ขรุขระ ก็อาจจะมีสะเทือนกันบ้างเมื่อนั่งที่เบาะตอนหลัง
สำหรับเทคโนโลยีความปลอดภัย 13 เทคโนโลยีมาตรฐานยุโรป ได้แก่ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS TRACTION CONTROL SYSTEM) ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CURVE BRAKE CONTROL) ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS STABILITY CONTROL SYSTEM) และระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR MOTOR CONTROL SLIDE RETAINER) เป็นต้น
สรุป
MG GS 1.5 เทอร์โบ ถือเป็นรถ SUV คันใหม่ ที่แม้ว่าจะดู Downsized เครื่องยนต์จาก 2.0 เทอร์โบ และตัดระบบขับเคลื่อน AWD ไป (ในรุ่น X) แต่มันกลับใช้งานได้ตอบโจทย์ครอบคลุมมากกว่า ขณะที่ออปชั่นอื่นๆ ยังให้มาอย่างครบถ้วน ทั้งความสบายภายใน รวมไปถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยที่อัดแน่น ซึ่งทำราคาได้ดีกว่าเดิม รวมไปถึงทำราคาได้ถูกกว่าบรรดาคู่แข่งค่ายอื่นๆ ในราคาค่าตัวไม่ถึง 1 ล้านบาท เรียกได้ว่า GS 1.5 เทอร์โบนี้ จะมาแย่งส่วนแบ่งของ GS 2.0 ไปได้เยอะแน่นอน หากคนไม่ต้องการรถขับเคลื่อน AWD ที่จะต้องจับรุ่น 2.0 X เท่านั้น
จุดเด่น
– เครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบ ที่มอบแรงบิดตั้งแต่รอบต่ำ แถมรองรับน้ำมัน E85
– ภายในห้องโดยสารนั่งสบาย
– ช่วงล่าง Brit Dynamic ที่แน่นเฟิร์ม
ข้อสังเกต
– พวงมาลัยไฟฟ้า ให้ความรู้สึกใกล้เคียงพวงมาลัยไฮโดรลิก
– การตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้า และเกียร์ที่จะดูช้าไปจังหวะหนึ่ง
MG GS 1.5 เทอร์โบ มีราคาเริ่มต้นที่ 890,000 บาท ในรุ่น 1.5 D และ 990,000 บาท ในรุ่น 1.5 X
ขอขอบคุณ MG Sales ประเทศไทย สำหรับทริปทดสอบ MG GS 1.5 เทอร์โบ ในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Drive 9carthai
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว MG GS 1.5 X เทอร์โบ SUV ที่ใช้งานได้ครอบคลุม ตอบโจทย์กว่า 2.0 เทอร์โบ แถมราคาเบากว่า "