รีวิว MG HS ยนตรกรรม SUV สุดคุ้ม ขับสนุก..นั่งสบาย อ็อพชั่นจัดเต็ม ภายในหรูหราอลังการยิ่งกว่ารถยุโรป
น่าจะเป็นยนตรกรรม SUV ที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้ สำหรับโมเดล Flagship รุ่นล่าสุดจากค่าย MG ที่เข้ามาปฏิวัติ และสร้างมาตรฐานใหม่ในรถ C-SUV กับยนตรกรรมที่มีชื่อว่า “MG HS“
โดยล่าสุดทางทีมงาน 9carthai.com ได้รับเกียรติจาก บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย)จำกัด ให้นำรถ MG HS มาทำการรีวิว และทดสอบสมรรถนะแบบจัดเต็มเอาให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยว่า SUV รุ่นนี้มันมีจุดเด่น และสมรรถนะการขับขี่อย่างไรกันบ้าง
ส่วนจะตอบโจทย์การใช้งานของคุณหรือไม่? จะใช่รถ C-SUV ที่คุณตามหาอยู่หรือเปล่า…ไปติดตามกันเลย
สำหรับดีไซน์ของ MG HS นั้น ต้องบอกเลยว่าเป็นยนตรกรรมที่สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ MG ได้อย่างสมบูรณ์แบบบ โดยมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ Elegance ที่สะท้อนความหรูหรา และแฝงความสปอร์ตไว้อย่างลงตัว
โดยด้านหน้านั้นมาพร้อมกับ ไฟหน้าแบบ LED Projector และไฟ Daytime Running Light แบบ LED อีกทั้งในส่วนของไฟ DRL นั้น ยังออกแบบให้เป็นไฟเลี้ยวแบบ Sequential ในตัว ที่เสริมลูกเล่นด้วยเส้นสายการวิ่งของไฟเลี้ยวขณะเปิด
กระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ เสริมความหรูหราด้วยเม็ดโครเมียมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมู่ดาวบนกาแล็คซี่ ห้อมล้อมโลโก้ MG ไว้
ดีไซน์ด้านข้างของตัวรถทั้งหมดถูกออกแบบให้มีความโค้งมนไร้เส้นสายแบบ Curve Design พร้อมดึงโป่งล้อให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับกับล้ออัลลอยลายสปอร์ตแบบทูโทนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพายุใต้ฝุ่นขนาด 18″ รัดด้วยยางขนาด 235/50R18
ส่วนด้านบนหลังคามาพร้อมกับแร็คอเนกประสงค์โครเมียม, เสาอากาศครีบฉลาม, หลังคากระจก (Panoramic Sunroof), สปอยเลอร์ท้ายพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3
ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ Space Light Field ส่องสว่างแบบ LED พร้อมระบบไฟเลี้ยว Sequential เช่นเดียวกับด้านหน้า, Diffuser สไตล์สปอร์ต พร้อมท่อไอเสียแบบคู่
ส่วนประตูท้ายนั้นมาพร้อมกับระบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมการสั่งการจากกุญแจรีโมท
มิติตัวถัง MG HS
ไม่ใช่แค่ภายนอกเท่านั้นที่มาพร้อมความ Elegance ภายในก็มาพร้อมความหรูหราอลังการเทียบชั้นรถยุโรปได้อย่างเต็มภาคภูมิ โดยรุ่นที่เรานำมารีวิวในครั้งนี้เป็นรุ่นย่อย X ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุด จะมาพร้อมกับห้องโดยสารแบบทูโทนดำ-แดง ส่วนในรุ่นย่อยอื่นๆ นั้นจะเป็นห้องโดยสารโทนสีดำแบบสปอร์ต
โดยภายในห้องโดยสารทั้งหมดนั้นจะถูกตกแต่งด้วยวัสดุ Soft Touch ที่มอบความหรูหรา และให้ความประทับใจในทุกสัมผัส วัสดุภายในต่างๆ ทาง MG เลือกใช้เกรดพรีเมียมเพื่อยกระดับมาตรฐาน, เบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบ Sport Bucket Seat สีทูโทน ปรับตำแหน่งด้วยระบบไฟฟ้า, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรงสปอร์ต D-Shape ที่มาพร้อมปุ่ม Super Sport ที่สามารถปรับโหมดการขับขี่ให้มีความเร้าใจมากยิ่งขึ้น, เรือนไมล์แบบดิจิตอล TFT ขนาด 7″ สามารถแสดงรายละเอียดการทำงานของตัวรถ และระบบต่างๆ ได้อย่างครบครัน อีกทั้งยังเชื่อมต่อการแสดงผลจากระบบอินโฟเทนเมนท์ ทำให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาอีกด้วย
ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในห้องโดยสาร MG HS นั้น มีมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นช่องวางแก้วน้ำ, ช่องเสียบชาร์จไฟ USB 2 ตำแหน่งที่คอนโซลหน้า, ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมช่องเสียบชาร์จ USB อีก 2 ตำแหน่งที่คอนโซลกลาง
สำหรับไฮไลท์สำคัญของ MG HS นั่นก็คือ ระบบไฟ Ambient Lighting ภายในห้องโดยสาร ที่จะปรับเปลี่ยนสีตามโหมดการขับขี่ อีกทั้งยังสามารถเลือกเปลี่ยนสีได้เองตามใจชอบได้กว่า 64 สี เท่านั้นยังไม่พอ ยังมาพร้อมกับหลังคาพาโนรามิคซันรูปขนาดใหญ่ถึง 1.19 ตารางเมตร ที่สั่งการเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มอบความสะดวกสบายขั้นสุด และเติมเต็มสุนทรียภาพในการขับขี่
ความอลังการยังไม่จบแค่นั้น บริเวณคอนโซลหน้ายังได้ติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนท์หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว ที่รองรับทุกการเชื่อมต่อ และสามารถตั้งค่ารายละเอียดต่างๆ ของตัวรถได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ระบบปรับอากาศ, ระบบไฟ Ambient Lighting ภายในห้องโดยสาร, ระบบนำทาง Navigator แบบ Real-Time, ระบบความปลอดภัย ADAS ฯลฯ
อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบ i-Smart ที่สามารถสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย สามารถค้นหาสถานที่, ร้านอาหาร, ที่พักโรงแรม, ปั้มน้ำมันใกล้เคียง หรือสั่งการรายละเอียดต่างๆ ของตัวรถได้อย่างง่ายได้ อีกทั้งระบบยังสามารถโต้ตอบกับผู้สั่งได้อีกด้วย นอกจากนั้นแล้วยังมี Online Music ที่คอยอัปเดตเพลงใหม่ๆ ให้ได้ฟังกันแบบฟรีๆ มากกว่า 1 ล้านเพลง โดยไม่ต้องไปเสียตังค์ซื้อ CD MP3 หรือมานั่งโหลดเพลงให้เสียเวลากันอีกต่อไป
ด้านขุมพลังนั้น MG HS มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Turbo TGI มอบสมรรถนะสูงสุด 162 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดแบบ Twin Clutch Sportronic (TST) โดยทาง MG เคลมไว้ว่ามีอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดที่ 16.1 กม./ลิตร และรองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85
อีกทั้ง MG HS ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 4 โหมด ได้แก่ Normal, ECO, Sport และ Custom ซึ่งนี่ยังไม่รวมโหมด Super Sport ที่สามารถใช้งานได้เพียงกดปุ่มบนพวงมาลัย
สำหรับระบบความปลอดภัยนั้น ทาง MG ได้ติดตั้งมาให้อย่างครบครัน และล้ำสมัยที่สุด โดย MG HS มาพร้อมกับระบบกล้องมองภาพรอบคันแบบ 360 องศา โดยแสดงผ่านจออินโฟเทนเมนท์ในห้องโดยสาร ส่วนระบบความปลอดภัยอื่นๆ นั้น ก็จัดเต็มไม่แพ้ SUV พรีเมี่ยมรุ่นอื่นๆ หรืออาจจะให้มามากกว่าด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็น
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย 14 ระบบ ได้แก่
โดยหลังจากที่ได้ลองสัมผัส และทดลองขับ MG HS มาแล้วนั้นต้องบอกเลยว่า เป็นรถยนต์ C-SUV ที่มีความกระฉับกระเฉง ให้สมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ ในขณะเดียวกันก็ยังให้ความนุ่มนวล และนั่งสบาย
โดยสิ่งแรกที่ประทับใจ และต้องชื่นชมทาง MG เลยก็คือในส่วนของระบบช่วงล่าง ที่ทาง MG ใช้นิยามว่า Euro Tuning Suspension ซึ่งมีการเซ็ทมาอย่างลงตัว เหมาะกับสภาพถนนเมืองไทย และสไตล์การขับของคนไทยเป็นอย่างมาก โดยให้ความนุ่มนวลนั่งสบาย แต่ว่าหนึบและเกาะถนน ซึ่งใครที่เป็นสายมุดน่าจะถูกอกถูกใจเป็นพิเศษ เพราะไม่ว่าจะต้องเปลี่ยนเลนแรงๆ หรือเข้าโค้งแรงๆ ตัวรถก็เอาอยู่ ไม่ย้วย ไม่โยน แถมไม่กระด้างอีกด้วย ส่วนนี้ผมให้ 10 กระโหลก เทียบชั้นช่วงล่างรถยุโรปได้เลย
ส่วนทางด้านสมรรถนะของขุมพลัง และอัตราเร่งนั้น บอกเลยว่าดุดันตามสไตล์รถยนต์เครื่องเทอร์โบ โดยอัตราเร่งจะมาแบบต่อเนื่อง และมีแรงบิดให้ใช้งานในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำ ทำให้จังหวะเร่งแซงไม่จำเป็นต้องเค้น หรือขยี้กันมาก เหยียบแป้นคันเร่งลงไปเบาๆ ตัวรถก็พร้อมจะพุ่งทะยานแล้ว แต่ถ้าหากมันยังไม่ซะใจพอ แนะนำให้กดปุ่ม Super Sport ที่อยู่ตรงพวงมาลัย ตัวรถจะมีการปรับรอบเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น, อัตราทดเกียร์ และความหนืดของพวงมาลัยที่ถูกปรับให้หนักขึ้น
โดยในโหมด Super Sport นั้น เป็นโหมดที่มอบความสนุกขั้นสุด อัตราเร่งจะรวดเร็วขึ้นไปอีกระดับ อีกทั้งยังสามารถใช้งานแป้น Paddle Shift ที่อยู่หลังพวงมาลัยในการเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เองอีกด้วย (โหมดธรรมดา Paddle Shift ใช้ไม่ได้) รอบเครื่องยนต์จะถูกดีดให้สูงขึ้นทันทีประมาณ 500 รอบ/นาที ซึ่งเหมาะที่จะใช้ในจังหวะเร่งแซงบนถนน 2 เลนสวน เพื่อมอบความปลอดภัยในการขับขี่ หรือใครอยากจะใช้โหมดนี้เพื่อเอาไปซิ่งก็ไม่ว่ากัน (แต่ระวังน้ำมันลดหวบแบบไม่รู้ตัวระจ๊ะ)
ด้าน Handling หรือการควบคุมรถต่างๆ ก็ทำได้อย่างน่าประทับใจ พวงมาลัยมีน้ำหนักที่พอดีมือ (ไม่หนักหรือเบาเกินไป) ให้การควบคุมรถที่แม่นยำ ส่วนเบาะนั่งให้ความกระชับ และบล็อคตัวผู้ขับไม่ให้เอนเอียงขณะเข้าโค้งเป็นอย่าง ดีซึ่งตอนแรกคิดว่าจะแข็งกว่านี้ แต่ปรากฏว่ามีความนุ่มและแน่น ให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่มั่นคง ส่วนวัสดุภายในทั้งหมดเป็นวัสดุเกรดดี ไม่ป๋องแป๋ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผิวสัมผัสแบบนุ่มที่ให้ความรู้สึกแบบรถระดับพรีเมียม
ข้อดี MG HS
ข้อเสีย MG HS
สรุป
โดยรวมแล้วถือว่า MG HS เป็นยนตรกรรม C-SUV ที่น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งต้องบอกเลยว่าอ็อพชั่นที่ให้มาทั้งหมด รวมไปถึงสมรรถนะการขับขี่ เมื่อเทียบกับราคาจำหน่ายแล้ว มันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ทั้งนี้ก็คงต้องมารอดูกันระยะแล้วละว่า เรื่องของบริการหลังการขาย MG จะให้บริการได้ดีแค่ไหน และจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้หรือไม่ ในส่วนของโปรดัคถือว่าสอบผ่านแล้ว
ราคาจำหน่าย MG HS มีดังนี้
รีวิว และทดสอบ โดย ธนภัทร สังข์แสง
ภาพถ่าย โดย Vasin Anaman
บทความน่าอ่าน!!
Group Test : รีวิว New Mazda 2 ขับมันส์กว่าเดิม เทคโนโลยีเหนือชั้นกว่าเดิม ประหยัดมันสูงสุดในคลาส
รีวิว Chevrolet Colorado High Country Storm 4×4 เมื่อคำว่าสุด…มิอาจหยุดเราได้
รีวิว All-New Mazda CX-8 มาตรฐานอเนกประสงค์ยุคใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
รีวิว MG Extender สมาร์ทปิกอัพ ตัวถังใหญ่นั่งสบาย อ็อพชั่นมากมายเต็มคัน
รีวิว All-New Toyota Altis Hybrid ยืนหนึ่งเรื่องความประหยัด อ็อพชั่นคุ้มค่าคุ้มราคา
รีวิว All-New Mazda 3 หรูหรา แต่ทรงพลัง อ็อพชั่นอัดแน่นเต็มคัน เทียบชั้นรถยุโรป
รีวิว All-New Chevrolet Captiva 2019 โดดเด่นอย่างมีสไตล์ สะดวกสบายทุกที่นั่ง
รีวิว Mitsubishi Pajero Sport 2019 ปรับลุคใหม่ ใส่อ็อพชั่น คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว MG HS ยนตรกรรม SUV สุดคุ้ม ขับสนุก..นั่งสบาย อ็อพชั่นจัดเต็ม ภายในหรูหราอลังการยิ่งกว่ารถยุโรป "