
ทดสอบก่อนเปิดตัว รีวิว MG5 1.5 Turbo 1st Impression รถคันโตเกินพิกัดขับดีเกินคาด
เมื่อวันที่ 10 พย. ที่ผ่านมาทาง MG Sales ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมทดสอบ MG5 1.5 Turbo รถ Sub-Compact ขนาดใหญ่ จากเกาะอังกฤษ ให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับแบบสัมผัสแรก ก่อนเปิดตัวจริงในวันที่ 19 พย. นี้ ซึ่งทาง 9carthai ของเราก็ได้รับเชิญให้เข้าทดสอบในครั้งนี้ด้วย
การทดสอบในครั้งนี้ได้ทดสอบ ณ ลานทดสอบรถ MG หลัง ซีคอนสแควร์ ซึ่งเป็นการวาง Route เส้นทางขับขี่แบบง่ายๆ ซึ่งจะประกอบไปด้วย การทดสอบอัตราเร่งในทางตรง, การเข้าโค้งกว้าง, Slalom, Lane Change และ เบรก (Hard Branking) ซึ่งบอกได้เลยว่า ผู้ทดสอบจะได้ขับขี่ทดลองสมรรถนะกันอย่างจัดเต็มเลยทีเดียว
ก่อนอื่น เราขอมาเท้าความถึงรถยนต์ MG5 ใหม่ เพื่อทำความรู้จักกันก่อน
MG5 ที่จริงแล้ว หากวัดกันที่มิติตัวรถ มันจะถูกจัดอยู่ในระดับ Compact Car (C-Segment) ซึ่งจะว่าไปใหญ่กว่า Compact Car จริงๆ เสียอีก ด้วย ความกว้างxยาวxสูง = 4,612×1,804×1,488 มม. และระยะฐานล้อกว้างถึง 1,544 มม. (รุ่นเทอร์โบ) แต่ด้วยการที่ถูกจับวางเครื่องในบล๊อก 1.5 ลิตร จึงทำให้มันถูกตัดสินว่าเป็นรถในระดับ B-Segment ปริยาย
ดีไซน์สุดหรู มีระดับ จากรูปลักษณ์ท้ายลาดแบบคูเป้, กระจังหน้า V-Shape, ไฟท้ายเรียงยาวเป็นชิ้นเดียว, ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ ในทุกรุ่นย่อย, ไฟ DRL, Sunroof ในรุ่นท๊อป
โดย MG5 จะมาพร้อมสีให้เลือก 5 สี ได้แก่ เทา Metal Grey, แดง Solid Red, ขาว Windsor White, ดำ Black Knight, เงิน Silver Metallic
สำหรับภายในคันที่เราได้ทดสอบ นั้น รุ่นท๊อป จะเลือกได้ว่า ต้องการหนังสีดำ หรือ หนังสีเบจ
ภายในดูเรียบๆ แต่โดดเด่นในเรื่องห้องโดยสารที่กว้างขวาง ซึ่งเราได้ไปนั่งที่เบาะหลังขณะ นักข่าวท่านอื่นทดสอบ พบว่าพื้นที่วางขา กว้างขวางสะดวกสบาย มากกว่ารถ C-Segment รุ่นอื่นๆ
โดยในทุกรุ่นจะมีระบบ inkaNet ไว้เชื่อมต่อกับมือถือ แสดงผลต่างๆ อาทิ Vehicle Alarm เมื่อมีคนมาเลื่อนรถ หรือ เคลื่อนย้ายรถ, Electronic Fence แจ้งเตือน เมื่อรถวิ่งออกไปนอกขอบเขต, Navigation ที่สามารถ Sent Location จาก Google Map เข้าไปได้, Fuel Consumption ที่สามารถเปรียบเทียบกับ MG5 คันอื่นๆได้, Travel Plan, i-Call โทรหา Call Center ให้ส่งที่หมายที่ต้องการมาให้ได้โดยสะดวก
ด้านออปชั่น อื่นๆ เราขอนำเสนออีกครั้งในวันเปิดตัว ซึ่งจะมาพร้อมรุ่นย่อยที่จะมีออปชั่น แตกต่างกันไป
ขุมพลัง MG5 ได้มา พร้อมเครื่องยนต์ ให้เลือก 2 บล๊อก ได้แก่ 1.5 NA และ 1.5 Turbo ซึ่งทั้งคู่สามารถเติม E85 ได้ โดยทางเราได้ทดสอบเฉพาะในรุ่น Turbo เท่านั้น
ในด้านการทดสอบสมรรถนะบนสนามทดสอบ
เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่ให้กำลัง 129 แรงม้า PS @5,500rpm และแรงบิด 210Nm @2,000-4,400rpm จับคู่เกียร์ 6Speed AT
ต้องบอกว่าอัตราเร่งช่วงต้น ทำได้ค่อนข้างดี จากแรงบิด ในระดับรถ พิกัด 2.0 ลิตร ที่มาให้ใช้ตั้งแต่รอบต่ำถึง ย่านกลาง ขณะที่แรงม้า ในระดับกำลังรถพิกัด 1.6-1.7 ลิตร ที่มาในย่านสูง ก็ช่วยผลักดันตัวรถที่มีน้ำหนักราว 1.3 ตัน ได้ดี
การตอบสนองของคันเร่ง ในโหมด D ก็ทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ เมื่อผลักคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง S จะให้ความรู้สึกสนุกในการขับได้มากกว่า คันเร่งตอบสนองดีกว่าอีกเล็กน้อย และรอบเครื่องที่ฟาดรอไว้ให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สามารถ Shift เกียร์เองได้โดยการโยกคันเร่ง + – เอง ซึ่งการเปลี่ยนเกียร์ทำได้รวดเร็ว และดีไม่แพ้กับเกียร์ DCT ใน MG6 จังหวะเปลี่ยนเกียร์ มีแรงดึงหลังให้สัมผัสได้ รู้สึกเหมือนได้ขับรถสปอร์ตจริงๆ ในคราบรถ Sedan Coupe
ทางเราได้ทำการทดสอบสมรรถนะรถ กันอย่างเต็มที่ ซึ่ง จุดเด่นที่เราประทับใจ จะเป็นในเรื่องของพวงมาลัยผ่อนแรงไฟฟ้า ที่เซ็ทมาได้อย่างยอดเยี่ยมลงตัว ให้การตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม (ดีกว่า MG6 อย่างรู้สึกได้)
น้ำหนักที่เบาแรงช่วงออกตัว แต่เมื่อเราหักเลี้ยวในโค้ง หรือ จังหวะ Slalom พวงมาลัยตอบสนองได้อย่างแม่นยำ และควบคุมได้ง่าย การคัดวงเลี้ยวพวงมาลัย หรือ การทำ Counter Steering ให้น้ำหนักที่ดี และการตอบสนองที่ยอดเยี่ยมเป็นลำดับต้นๆ เมื่อเทียบกับรถ B หรือ C Car คันอื่นๆ
ขณะที่ช่วงล่างเกาะถนนดีเยี่ยมหนึบแน่น ทรงตัวดี ซึ่งเราได้ลองไปนั่งทางด้านหลังพบว่า อาการโคลงตัวน้อย และช่วงล่างด้านหลัง แม้จะเป็นแบบ ทอร์ชั่นบีม แต่คงความแข็งแรง และแน่นเฟิร์มดีเกินคาด แต่แน่นอนว่าจุดที่เราพบ หากเข้าโค้งแรง อาการ UnderSteer จะมีมาให้เห็นชัดเจนทางด้านหลัง ซึ่งรถจะดื้อโค้งมาก ในช่วงท้าย มีอาการเลี้ยวไม่เข้า ซึ่งอาจแก้ปัญหาได้โดยง่าย เพียงแค่ค่อยๆ เบรกในโค้ง ซึ่งการทำงานของระบบ CBC (Curve Brake) จะเข้ามาช่วยตอบสนองและเลี้ยวผ่านโค้งไปได้โดยง่าย
นอกจากนั้น การที่เราเข้า Lance Change อย่างหนัก หรือ Slalom ด้วยความเร็วสูง ระบบ SCS จะเข้ามาช่วยดึงอาการโคลงตัวด้านท้ายให้กลับมาควบคุมได้โดยง่าย ทำให้ รถไม่เสียหลัก ในจังหวะหักหลบกระทันหัน ซึ่งเราได้ลองกดปุ่มปิดที่คอนโซลกลาง จะปิดเพียง Traction Control เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถปิดระบบ SCS ได้
นอกจากนี้ระบบเทคโลยี ช่วยอื่นๆ ได้แก่ ABS, EBD, EBA ที่ช่วยในเรื่องของการเบรก ให้ควบคุมได้ง่ายขึ้น
SCS ระบบควบคุมการทรงตัว, MSR ป้องกันการลื่นไถลเมื่อลดเกียร์ลงอย่างรวดเร็ว, CBC ควบคุมการเบรกในโค้ง, TCS ป้องกันล้อหมุนฟรี, HAS ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ITPMS ตรวจสอบความผิดปกติของยาง ซึ่งระบบทั้งหมดนี้จะให้มาเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อยอีก
สรุป MG5 Sub-Compact รถขนาดโตเกิน Segment ที่อัดแน่นเทคโนโลยีความปลอดภัย และรูปลักษณ์ที่ดูหรู มาพร้อมห้องโดยสารกว้างขวางเกินหน้าเกินตารถระดับ Compact ที่สำคัญสมรรถนะการขับที่ยอดเยี่ยมของ Brit Dynamic ยังถูกถ่ายทอดมาใน MG ทุกรุ่น รวมถึง MG5 คันนี้
เรียกได้ว่า รถ B-Car ที่ให้มาตรฐานการขับขี่สูงกว่ามาตรฐาน แต่ ณ ขณะนี้ อาจยังสรุปไม่ได้มากนัก เหลือเพียงแต่ราคา และที่จะเคาะออกมาเท่านั้น
ทาง 9carthai เราขอวิเคราะห์ ราคากันเล่นๆว่า เริ่มต้นที่ราว 6.2 แสนบาท – 7.9 แสนบาท ในรุ่นท๊อป
ซึ่งหากทำราคาได้ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ ต้องขอบอกเลยว่า MG5 เป็นรถยนต์ในระดับ B-Car ที่น่าสนใจมากที่สุดในตลาดคันหนึ่งเลยทีเดียว
จุดเด่น
จุดที่อยากให้มีเพิ่ม
ขอขอบคุณ MG Sales ประเทศไทย สำหรับการทดสอบ MG5 แบบแรกสัมผัสในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Drive 9carthai
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
โปรโมชั่น MG5 เดือนกุมภาพันธ์ 2559
ประกันชั้น 1 + พรบ ของ LMG 1 ปี
ส่วนลด 10,000 บาท
ฟิลม์กรองแสง AA
กล้องหน้ารถ(ต้องติดฟิลม์ยี่ห้อAAเท่านั้น)
พรมปูพื้น MG
ผ้ายางลายกระดุมสีดำ
กรอบป้ายทะเบียน
น้ำมัน 300
ถาดท้าย
สคัพเพลท
รับประกันตัวรถ 4 ปี
ฟรีค่าแรงเช็คระยะ 10000-50000 กม.
พ่นกันสนิท
ขัดเคลือบสีสนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
คุณบี MG สาขาเพชรเกษม 65 บางแค
ติดต่อ 084-0050440 ไอดีไลน์ : beblaire