รีวิว MICHELIN PILOT SPORT 4 ยางที่จะทำให้รถคันเก่งของคุณขับสนุก มั่นใจยิ่งขึ้นไม่ว่าจะพื้นแห้งหรือเปียก ด้วยเทคโนโลยีจากรถแข่ง Formula E

รีวิว MICHELIN PILOT SPORT 4 ยางที่จะทำให้รถคันเก่งของคุณขับสนุก มั่นใจยิ่งขึ้นไม่ว่าจะพื้นแห้งหรือเปียก ด้วยเทคโนโลยีจากรถแข่ง Formula E

เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา 9carthai เราได้มีโอกาสไปร่วมงาน MICHELIN PILOT SPORT Experience 2016 ซึ่งได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม จนยากจะลืมกับการสวมวิญญาณเป็นนักแข่ง ขับรถแข่งในสนามระดับโลก

โดยในงานนั้น มีไฮไลท์หนึ่ง ที่น่าสนใจ นั่นคือการเปิดตัวแบบ Pre Launch ยางใหม่ตระกูลสปอร์ตอย่าง MICHELIN PILOT SPORT 4 ซึ่งพอได้สัมผัสกันพอหอมปากหอมคอ ในสนามด้วยรถ Audi A6 กันไปแล้ว

คราวนี้ได้มีโอกาสมาสัมผัสอีกครั้งกับยาง MICHELIN PILOT SPORT 4 กันเต็มๆ บนรถยนต์ ที่ใช้งานในชีวิตประจำวันกันบ้าง

โดยยาง MICHELIN PILOT SPORT 4 ที่ผู้เขียนได้สัมผัสครั้งนี้ คือ ยางไซส์ 205/50ZR17 ซึ่งเป็นไซส์มาตรฐานของรถ Mazda 3 ที่ได้ลองสัมผัสคันนี้กัน

มาเริ่มดูกันที่ภายนอกของตัวยางกันก่อนเลย

MICHELIN PILOT SPORT 4 มีจุดเด่นอยู่ที่ลุค Premium Touch ที่แก้มยางด้านนอกของ MICHELIN PILOT SPORT 4 จะมีเฉดสีดำที่แตกต่างและตัดกัน ให้ความโดดเด่นสวยงาม ซึ่งหากใช้สัมผัสดู จะเป็นลักษณะคล้ายผ้ากำมะหยี่

คำว่า PILOT SPORT 4 นั้นมีธงตราหมากรุกอยู่ด้านท้ายด้วย บ่งบอกจิตวิญญาณของการขับขี่ในสนามแข่ง

ซึ่งยืนยันคุณภาพสมรรถนะได้จากโลโก้ MICHELIN Total Performance

มาดู 3 ค่าสำคัญที่แสดงบนแก้มยางดังต่อไปนี้ Treadwear (ค่าการสึกหรอ) / Traction (ความสามารถในการยึดเกาะบนถนนเปียก) / Temperature (ค่าการทนความร้อน) ได้ค่า 320/AA/A (เท่ากับ MICHELIN PILOT SPORT 3 เดิม)

หมายความว่า อายุการใช้งานยาวนานกว่าปกติที่ 200, การเกาะถนนเปียกทำได้ดีถึงระดับ AA, การทนต่อความร้อนทำได้ดีระดับ A

ในส่วนลายดอกยาง นั้น MICHELIN PILOT SPORT 4 ดูเผินๆ ให้ความใกล้เคียงกับ MICHELIN PILOT SPORT 3 แต่แตกต่างกันที่ รูปแบบร่องรีดน้ำเล็กน้อย

ซึ่งโดยรวมแล้ว มันไม่ได้โฉบเฉี่ยว ตามแบบชื่อตระกูลสปอร์ต แม้จะไม่ถูกใจขาซิ่งที่ชอบลายโฉบเฉี่ยว แต่หารู้ไม่ว่า นี่ล่ะถือเป็นข้อดี ของตระกูล MICHELIN PILOT SPORT เลย เพราะว่ามันไม่ส่งเสียงดังรบกวนให้น่ารำคาญ แต่อย่างใด เหมือนยางสปอร์ตแบรนด์อื่นๆ ที่เสียงดังเอาเรื่อง

ที่สำคัญลายดอกยางของ MICHELIN PILOT SPORT 4 นี้ได้ถ่ายทอดลักษณะรูปแบบของดอกยางมาจากรถแข่ง Formula E อีกด้วย

เอาล่ะขอเข้าเรื่องในด้านสมรรถนะของ MICHELIN PILOT SPORT 4 กันต่อ

ตัวยาง MICHELIN PILOT SPORT 4 นี้ ขึ้นชื่อในเรื่องของ 3 จุดเด่น ได้แก่

1. การตอบสนองที่เฉียบคมดั่งใจคิด ด้วยเทคโนโลยี Dynamic Response เทคโนโลยีที่ถ่ายทอดจากยางสำหรับรถแข่ง Formula E ซึ่งจะต้องใช้ยางเพียงแบบเดียว ตลอดการแข่งขัน ทุกสภาพอากาศ ทุกสภาพถนน

โดยเทคโนโลยีนี้ได้ผสานวัตถุดิบ 2 ชนิดขั้นสูงเข้าได้ด้วยกัน คือ Aramid ผสม Nylon เพื่อให้ได้เข็มขัดรัดหน้ายางที่มีความแข็งแรง แต่มีนํ้าหนักเบา ช่วยให้พื้นที่หน้าสัมผัสของยางสูงสุดแม้ขับขี่ด้วยความเร็วสูง จึงส่งผลให้ตอบสนองอย่างฉับไว แม่นยำดั่งใจคิด

ในการขับขี่การจับฟีลลิ่งนั้นพบว่า ด้วยโครงสร้างของรถยนต์ Mazda 3 ซึ่งมีความเกาะถนนดีอยู่แล้ว เพื่อให้สัมผัสได้ถึงความยึดเกาะของเนื้อยาง จึงจำเป็นต้องเข้าโค้งอย่างหนักหน่วง ซึ่งแม้ผู้เขียนจะพยายามยัดรถเข้าโค้งด้วยความเร็วเกินคนปกติเข้าโค้งมากในระดับที่ของท้ายรถไปอีกด้านหนึ่ง เจ้า MICHELIN PILOT SPORT 4 มันก็ยังคงให้ Grip ยึดเกาะอย่างยอดเยี่ยม ไม่มีอาการแถของหน้ายางให้หวาดเสียวแม้แต่นิดเดียว หรือเสียงกรีดร้องสักแอะ

การเข้าโค้งไม่ว่าจะโค้งกว้างที่ทำความเร็วได้ระดับเกือบๆ 100 กม./ชม. หรือ โค้งคดเคี้ยวไปมาในที่แคบ ก็มั่นใจได้เลยว่า ยาง MICHELIN PILOT SPORT 4 นี้ให้การยึดเกาะยอดเยี่ยม เพียงพอแก่การใช้งานสำหรับผู้ที่ชื่นชอบขับแบบสปอร์ตบนถนนได้อย่างสบายๆ

ซึ่งถ้าหากจะให้ยาง MICHELIN PILOT SPORT 4 นี้ถึงลิมิตของการยึดเกาะในโค้ง คุณอาจต้องเติมคันเร่งหนักๆ ในช่วงก่อนออกโค้ง หรือ ไม่เบรกก่อนเข้าโค้งด้วยความเร็ว ซึ่งจะว่าไปแล้วคงไม่มีใครที่จะขับกันเช่นนี้แน่ๆ

เอาเป็นว่า ถ้าคุณขับรถที่แรงในระดับสัก 300 แรงม้า ล่ะก็ คุณสามารถสวมยาง MICHELIN PILOT SPORT 4 นี้เพื่อไปหวดขับเล่นใน Track สนุกๆ ในวัน Track Day ได้อย่างสบายๆ ดังนั้นเชื่อเถอะว่ากับการใช้งานบนถนนทั่วๆไป นั้นสมรรถนะเหลือเฟือแน่นอน

2. การยึดเกาะบนพื้นผิวเปียก

ด้วยการใช้สูตรเนิ้อยาง “Functional Elastomer” ร่วมกับ ร่องรีดนํ้าตามแนวการหมุนที่หน้ายาง และร่องรีดนํ้าแนวขวางที่ไหล่ยาง ช่วยให้การระบายนํ้ามีประสิทธิภาพ

โดยปกติแล้ว เวลาฝนตกถนนเปียกๆ ซึ่งช่วงนี้ตกบ่อย หลายคนต้องขับรถให้ช้าลง เพื่อความปลอดภัยในการควบคุมรถ

ยิ่งเวลาจะเลี้ยวโค้งต้องชะลอความเร็วเป็นอย่างมาก ทันทีที่ได้สัมผัสกับยาง MICHELIN PILOT SPORT 4 นี้ รู้สึกได้เลยว่า มั่นใจขึ้น เวลาเปลี่ยนเลน หรือหักเลี้ยวนั้น ทำได้กระฉับกระเฉงโดยที่ไม่หวาดเสียวเหมือนยางยี่ห้ออื่น ทำให้การเข้าโค้งต่างๆ มั่นใจได้ ใกล้เคียงกับการขับบนพื้นแห้งเลย

สำหรับการเบรกเพื่อหยุดรถนั้น ขอพูดถึงขณะพื้นแห้งกันก่อน ในการเบรกชะลอความเร็วทั่วๆไป อาจไม่ได้สัมผัสได้ถึงความแตกต่างนัก ดังนั้น ผู้เขียนจึงลอง เบรกด้วยน้ำหนักเท้าที่มากกว่าปกติหน่อย เพื่อจำลอง สถานการณ์หากต้องเบรกแบบฉุกเฉิน

ในครั้งแรกขับด้วยความเร็วที่ใช้งานในเมือง และเหยียบเบรกอย่างรวดเร็ว ไม่มีอาการไถลแม้แต่นิดเดียว เบรกบาลานซ์ดีมาก ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นผลของช่วงล่างรถที่ยึดเกาะดีอยู่แล้ว

ดังนั้นลองใหม่ เติมคันเร่งมิด เพื่อเค้นอัตราเร่งของรถเพิ่ม และกระทืบเบรกทันที พบว่ามีอาการไถลของหน้ายางบางๆ เหมือนจะได้ยินเสียงกรีดร้องของยางเบาๆ นิดๆ เท่านั้น แต่ตัวรถไม่มีอาการออกให้หวาดเสียวเลย

เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้ขับมาด้วยความเร็ว และกระทืบเบรกหนักๆ จนไฟ ESS ขึ้น หรือ ABS ทำงาน จริงๆ คุณอาจจะไม่พบอาการไถลของยางได้ง่ายๆ

ถ้าเบรกบนพื้นถนนลื่นมีน้ำขัง จุดนี้คอนเฟิร์มเลย ดีกว่ายางเดิม หรือแบรนด์อื่นๆ อย่างชัดเจน จากเดิมที่เบรกแล้วต้องประคองพวงมาลัยให้ดี เพราะพบอาการดิ้นในยางชุดเดิม แต่สำหรับ MICHELIN PILOT SPORT 4 นี้ ไม่พบอาการนั้นเลย คือ ให้ความมั่นใจได้ทันทีตั้งแต่แรกเมื่อขับบนพื้นผิวเปียก เพราะร่องรีดน้ำ 4 ร่อง ตรงกลาง และร่องรีดน้ำแนวขวางที่ช่วยรีดน้ำให้กระจายออกด้านข้างนั้นทำหน้าที่ได้ดี จึงไม่พบอาการส่ายให้เห็น

3. ยางสปอร์ตที่มีอายุใช้งานยาวนานขึ้น

จุดหนึ่งที่ผู้ใช้ยางแบบสปอร์ต มักบ่นถึงกันก็คือ ยางหมดไว อายุสั้นใช้งาน ไม่นานต้องเสียตังเปลี่ยนอีกแล้ว แต่ MICHELIN PILOT SPORT 4 ไม่ใช่แบบนี้แน่นอน

ด้วยเทคโนโลยีเข็มขัดรัดหน้ายางแบบ Hybrid ประกอบด้วยวัสดุขั้นสูง คือ Aramid ผสม Nylon ช่วยป้องกันการโก่งตัวของบล็อกดอกยาง ให้หน้าสัมผัสคงพื้นที่ ใช้งานได้ยาวนานขึ้น ลายดอกยางเอื้อให้เกิดกระจายนํ้าหนักที่หน้ายางอย่างสมํ่าเสมอ ยางจึงสึกเรียบ และ เนื้อยางสูตรพิเศษ “FUNCTIONAL ELASTOMER” ที่มีส่วนผสมของซิลิกาช่วยเพิ่มอายุการใช้งานได้ยาวนาน

ยืนยันได้จาก tread wear 320 ที่ถือได้ว่ามีอายุการใข้งานที่ยาวนานกว่าปกติที่มีค่า 200
สำหรับไซส์ยางของ MICHELIN PILOT SPORT 4 นั้น มีให้เลือกตั้งแต่ ขอบ 16-19” โดยเล็กสุด คือ ซีรีย์ 205/50ZR16 และใหญ่สุดอยู่ที่ 245/40ZR19 ซึ่งถือว่า ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์ขนาด Sub-Compact ไปจนถึงรถยนต์หรูขนาดใหญ่ หรือ รถสปอร์ตสมรรถนะสูงได้เลย

สรุป MICHELIN PILOT SPORT 4 ยางสปอร์ต คุณภาพคับคั่ง ดังนั้นลบภาพยางสปอร์ตที่ควรจะเป็นในหัวคุณออกไป เพราะ MICHELIN PILOT SPORT 4 ตอบโจทย์ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบสปอร์ตเท่านั้น เพราะช่วงนี้ฝนตกไม่เว้นแต่ละวัน ดังนั้นการขับรถบนถนนเปียก การควบคุมถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่ง MICHELIN PILOT SPORT 4 นี้ ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้การเปลี่ยนยางแต่ละครั้ง เท่ากับคุณต้องเสียเงินออกจากกระเป๋า ดังนั้นการเลือกเปลี่ยนยางจึงควรเลือกยางที่มีคุณภาพ และอายุการใช้งานที่ยาวนานด้วย เพื่อให้ความคุ้มค่ากับเงินที่ต้องเสียไป

หลายคนอาจมองว่าก็แค่ยาง อะไรก็ได้ นั่นคงไม่ใช่ความคิดที่ดี เพราะคุณต้องไม่ลืมว่ายาง เป็นส่วนเดียวของตัวรถที่สัมผัสกับถนน

เอาล่ะ หากเพื่อนๆ สนใจยาง MICHELIN PILOT SPORT 4 รุ่นใหม่นี้ อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูข้อมูลได้ที่ http://www.michelin.co.th/TH/th/tires/products/pilot-sport-4.html หรือโทรสอบถาม MICHELIN Hotline เบอร์ 02-793-6900 ได้เลยครับ

บอกได้เลยว่า เพื่อนๆ จะได้สัมผัสถึงฟีลลิ่งการขับที่เปลี่ยนไป (สนุกขึ้น มั่นใจขึ้น ตอบสนองเฉียบคมดั่งใจคิด) ของรถคันเก่งคุณแน่นอน

ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carhai