รีวิว Mitsubishi Outlander PHEV เอสยูวี Plug-in Hybrid อัจฉริยะ ชาร์จไฟได้เองไม่ต้องง้อปลั๊ก ประหยัดสุดๆ
ในที่สุดก็ได้สัมผัสกันสักทีสำหรับ SUV เสียบปลั๊กชาร์จไฟจากค่าย Mitsubishi อย่าง Mitsubishi Outlander PHEV ซึ่งได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่งาน Motor Expo 2020 ที่ผ่านมา
โดยตัวรถและเทคโนโลยีทั้งหมดนั้นเราอาจเคยได้เห็น หรือได้รู้จักสรรพคุณกันมาบ้างแล้ว เพราะโฉม Minorchange ที่พึ่งเปิดขายในบ้านเราวันนี้ ได้เปิดตัว และขายทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่าเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา แต่เทคโนโลยีดังกล่าวยังล้ำหน้าอยู่เลย
โดยล่าสุด ทาง Mitsubishi ได้เชิญทีมงาน 9carthai.com ไปทดสอบสมรรถนะการขับขี่ Mitsubishi Outlander PHEV อย่างเป็นทางการครั้งแรกในเมืองไทย ซึ่งต้องยอมรับตามตรงว่า หลังจากที่ได้ลองสัมผัสมาแล้ว
จากที่เคยคิดว่าราคามันแพงไป หรือหน้าตามันเชยไป สิ่งเหล่านั้นถูกสมรรถนะการขับขี่สุดอัจฉริยะกลืนหายไปหมดเลย และต้องบอกว่าราคานี่แหละเหมาะสมแล้ว!!
สำหรับเส้นทางการทดสอบครั้งนี้ ทาง Mitsubishi จัดเส้นทางให้ได้วิ่งกันแบบเต็มๆ One Day Trip แต่ 220 กม. อ้อมกรุงเทพฯ
โดยก่อนเริ่มเดินทาง ก็มีการโชว์ฟีเจอร์เด็ด กับระบบ Power Outlet 1500w ที่ท้ายรถ ซึ่งสามารถนำปลั๊ก 3 ตามาเสียบ เพื่อต่อพ่วงสำหรับการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างสะดวกสบาย โดยรองรับกำลังสูงสุดที่ 1500 วัตต์ ซึ่งครอบคลุมเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิเช่น เครื่องปิ้ง กระทะไฟฟ้า ตู้เย็น เครื่องแช่ กาน้ำร้อน กระติกน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรก็ได้ที่มีกำลังไม่เกิน 1500 วัตต์ ซึ่งสามารถใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมงเต็ม
และถ้าถามว่าหลังจาก 6 ชั่วโมงละ? เครื่องใช้ไฟฟ้าจะถูกตัดการทำงานเลยหรือไม่? คำตอบคือ สามารถใช้งานต่อไปได้ เพียงแต่เครื่องยนต์จะทำงานขึ้น เพื่อปั่นไฟเข้าไปเรื่องให้กับแบตเตอรี่ และเมื่อถึงจุดที่เพียงพอ ก็จะเปลี่ยนไปใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเลี้ยงไฟเหมือนเดิม ซึ่งสายแคมป์ปิ้ง หรือ สายจุดกางเต็นท์ทั้งหลาย ถูกใจสิ่งนี้แน่นอน เพราะมีปลั๊กไฟเคลื่อนที่ส่วนตัว
สำหรับดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกนั้น ขออนุญาตไม่ลงลึกเจาะรายละเอียดมาก เพราะเชื่อว่าทุกท่านก็คงเห็นรูปลักษณ์และหน้าตากันจนชินแล้ว ซึ่งใครจะบอกว่าสวยหรูหรือดูเชยก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละท่านเลย แต่อุปกรณ์มาตรฐานก็มีมาให้ครบทุกสิ่งที่ควรจะมีในรถระดับ 1.749 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น
– ระบบไฟ Full LED พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ
– ไฟตัดหมอก LED เซ็นเซอร์และกล้องรอบคัน
– ล้ออัลลอยขนาด 18″ ยางขนาด 225/55R18
– เสาอากาศครีบฉลาม
มิติตัวถังของ Mitsubishi Outlander PHEV
ส่วนภายในของ Mitsubishi Outlander PHEV มาพร้อมกับห้องโดยสารที่กว้างขวาง ตกแต่งด้วยสีดำตัดกับสีเงิน พร้อมด้วยลายเคฟล่าที่คอนโซลหน้าและแผงประตู
หน้าจออินโฟเทนเมนท์ระบบสัมผัสขนาด 8″ รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay พร้อมระบบ Bluetooth Hand Free ที่รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง
คันเกียร์ออกแบบเป็น Joystick ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น พร้อมมีปุ่มกด EV Mode ที่ด้านข้าง และมีปุ่ม Save (รักษาพลังงานแบตเตอรี่) และ Charge (ชาร์จไฟให้แบตเตอรี่)
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมก้าน Paddle Shift ที่เอาไว้ใช้หน่วงกำลังของมอเตอร์แบบ Engine Bake ปรับความหน่วงได้ 6 ระดับ (B0 – B5) ซึ่ง B5 คือการหน่วงมากที่สุด
เบานั่งคู่หน้าในรุ่นท็อปออกแบบในสไตล์ Diamond Quilting Design พร้อมระบบปรับไฟฟ้าที่คู่หน้า
ส่วนด้านหลังมาพร้อมพนักวางแขนและที่วางแก้วน้ำตรงกลาง เบาะหลังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 คอนโซลกลางมีแอร์สำหรับตอนหลัง และจุดชาร์จ USB รวมไปถึง Power Outlet 1500w (ปลั๊ก 3 ตา) ให้อีก 1 ตำแหน่ง
สำหรับขุมพลังเครื่องยนต์ของ Mitsubishi Outlander PHEV จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิด 199 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (ที่ด้านหน้า 1 ตัว และด้านหลัง 1 ตัว)
โดยมอเตอร์หน้าให้กำลังสูงสุด 82 แรงม้า และมอเตอร์หลังให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า ทำให้สมรรถนะรวมของ SUV Plug-in Hybrid คันนี้มีแรงม้าสูงถึง 305 แรงม้า แรงบิดระดับ 531 นิวตัน-เมตร จัดเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ที่แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาด 13.8 kWh ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในรถ PHEV ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยระบบ Super All-Wheel Control (S-AWC)
โดยรูปแบบการขับเคลื่อนแบ่งได้ 3 รูปแบบดังนี้
ระบบความปลอดภัยขั้นสูง Mitsubishi Outlander PHEV
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Mitsubishi Outlander PHEV
เริ่มต้นการทดสอบด้วยการขับด้วย EV Mode ที่เป็นการใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อน 100% ซึ่งทาง Mitsubishi แจ้งว่าตามสเปคสามารถขับได้ไกลถึง 55 กม. จากการได้ทดสอบครั้งนี้ใช้ระยะทางไปกว่า 48 กม. ซึ่งหน้าจอแจ้งเตือนว่าสามารถไปต่อได้อีก 5 กม. ก็ถือว่ามีความใกล้เคียงกับระยะทางที่ Mitsubishi ได้เคลมเอาไว้
หลังจากได้ลองใช้ EV Mode จนพลังงานในแบตเตอรี่เหลือต่ำแล้ว ช่วงต่อไปจะเป็นการขับโดยใช้ระบบ Charge ซึ่งเครื่องยนต์จะทำการปั่นไฟขณะรถวิ่งหรือจอดหยุดนิ่งเข้าไปจัดเก็บที่แบตเตอรี่ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์สำคัญ
เพราะว่าหลังจากที่เดินทางออกมาได้เพียง 1 ชม. แบตเตอรี่ที่ใกล้จะหมดจากตอนแรก ก็เด้งฟื้นคืนกลับขึ้นมาถึงระดับ 70% ซึ่งจุดนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ความเร็วในการขับขี่ ที่ยิ่งใช้ความเร็วมากแบตก็จะชาร์จกลับช้า ถ้ารถติดหรือจอดนิ่งแบตเตอรี่จะชาร์จไฟได้เร็ว
และเหตุนี้เองทำให้ Mitsubishi Outlander PHEV เป็นรถ Plug-in Hybrid ที่ไม่ต้องง้อปลั๊กไฟ เพราะตัวรถสามารถชาร์จไฟได้ด้วยตัวเอง ซึ่งคุณสามารถขับจากบ้านหรือคอนโดไปที่ทำงาน (ในระยะทางไม่เกิน 55 กม.) ด้วยโหมด EV (ไฟฟ้าล้วนไม่ยุ่งกับน้ำมัน) ได้เลย
แล้วพอขากลับช่วงเย็นขณะที่รถติดๆ คุณเพียงกดปุ่ม Charge ให้รถชาร์จไฟกลับที่แบตเตอรี่ (ช่วงเครื่องยนต์ทำงานใช้น้ำมัน) ยิ่งที่รถติดหรือจอดนิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งชาร์จไฟกลับมาเร็วมากเท่านั้น รับรองว่ากว่าคุณจะถึงบ้านแบตเตอรี่ก็กลับมาพร้อมใช้งาน 100% เต็มเหมือนเดิม
ซึ่งพรุ่งนี้คุณก็ทำแบบเดิมวนลูปไปเรื่อยๆ จนกว่าแบตเตอรี่มันจะพังกันไปข้างนึง (รับประกัน 10 ปีเต็ม หรือ 160,000 กม.) ดูซิเดือนๆ นึงเนี่ย คุณจะต้องเติมน้ำมันกี่ครั้งกันเชียว ส่วนสายชาร์จที่มีแถมมาให้หลังรถ ก็เก็บเอาไว้ท้ายรถให้รู้ว่าเป็นรถเสียบปลั๊กชาร์จไฟก็พอ แทบไม่ต้องหยิบมาใช้งานเลยทีเดียว
ส่วนอัตราเร่งและสมรรถนะการขับขี่ แม้ตามสเปคจะบอกว่ามีกำลังสูงถึง 305 แรงม้า แรงบิด 531 นิวตัน-เมตร ก็ตาม แต่ทว่าหลังจากที่ได้ลองมาแล้วต้องบอกว่าค่อนข้างที่จะแรง แต่ไม่ได้แรงจนรู้สึกได้ถึงขนาดนั้น แรงบิดขนาดนี้ถ้าไปอยู่ในรถไซส์เล็กคงดึงหน้าตึงหลังติดเบาะไปแล้ว แต่นี่มาอยู่ใน SUV ขนาดเกือบ 2 ตัน ทำให้แรง G มันมีน้อย ไม่ได้ดึง แต่ก็ไม่หน่วง อัตราเร่งมาแบบสุขุมนุ่มลึก 0-100 กม./ชม. ป้วนเปี้ยนแถวๆ 10.xxx วินาที แต่ที่ชอบคือเสียงเงียบมากๆ เป็นรถที่ขับอยู่ยังเผลอคิดว่ายังไม่ได้สตาร์ทรถ เพราะมันเงียบจริงๆ อีกทั้ง SUV Plug-in Hybrid รุ่นนี้ไม่มีอัตราทดของเกียร์ให้เสียอารมณ์ ฟิลลิ่งการขับจึงเหมือนกับการขับรถไฟฟ้า ที่เหยียบคันเร่งไปแบบราบรื่นไม่มีการสะดุด
ด้านระบบช่วงล่าง อันนี้บอกตรงๆ ว่านุ่มนวลนั่งสบายไม่แพ้รถยนต์หรูๆ แบรนด์ยุโรปเลย ช่วงล่างค่อนข้างเซ็ตมาให้รองรับกับการขับขี่ที่สบาย ไม่เน้นสปอร์ต ซึ่งถ้าขับแรงๆ สาดโค้งหนักๆ อาจจะมีอาการโยนๆ อยู่บ้าง
แต่ด้วยความเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมมีระบบ Super All-Wheel Control แม้จะเกิดอาการแต่ความชาญฉลาดของการถ่ายเทน้ำหนักแต่ละล้อให้สมดุลกันก็ช่วยจัดการได้อยู่หมัด และมั่นใจได้ ค่อนข้างที่จะหนึบ และเกาะถนนได้ดีเลยทีเดียว
ซึ่งระบบ Super All-Wheel Control ก็ได้มีโอกาสมาสัมผัสอีกครั้งในสนามทดสอบที่ทาง Mitsubishi เตรียมไว้ จุดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ทำให้ Mitsubishi Outlander PHEV ดูคุ้มค่ากับราคาขึ้นมา
เพราะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนี้ถือเป็นไม้เด็ดของ Mitsubishi มาแต่ไหนแต่ไร การถ่ายเทกำลังแต่ละล้อทำได้ดีและฉับไว แม้บางโค้งจะสาดเข้าไปแรงๆ จะเหมือนจะโอเวอร์ แต่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ A-SWC ก็ยังสามารถช่วยควบคุมกำลังแต่ละล้อได้ดี ทำให้เราสามารถบังคับทิศทาง และแก้อาการโอเวอร์ได้อย่างปลอดภัย และมั่นใจมากยิ่งขึ้น
บทสรุป
ต้องบอกว่า Mitsubishi Outlander PHEV นั้น เป็นอีกหนึ่ง SUV Plug-in Hybrid ที่น่าสนใจมากๆ ซึ่งเป็นรถที่ขายดีมากในเวทีระดับโลก แต่อาจจะเข้าไทยช้าไปหน่อย แต่ยังไงซะเทคโนโลยี และสมรรถนะการขับขี่ก็ยังคงเหนือชั้น
โดยหากใครที่บอกว่าราคาจำหน่ายมันแพงไปหน่อย อยากให้ลองเปิดใจไปทดลองขับดูกันก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าราคานี้เหมาะสม (แต่ก็ไม่ได้บอกว่ามันถูกนะ) ซื้อ Mitsubishi ราคาล้านเจ็ด ก็เป็นอะไรที่ต้องคิดเยอะเหมือนกัน แต่ถ้าใครที่ได้ลองสัมผัส แล้วไม่ติดขัดเรื่องกำลังทรัพย์ผมเชื่อว่ารู้ตัวอีกทีพรุ่งนี้ก็ขับ Mitsubishi Outlander PHEV ไปทำงานแล้ว
ราคาจำหน่าย Mitsubishi Outlander PHEV
ดูตารางผ่อนคลิก www.9carthai.com/new-mitsubishi-outlander-phev-price/
บทความน่าอ่าน!!
รีวิว Honda City e:HEV & Hatchback 1.0 RS ดีกันคนละแบบ แตกต่างชัดเจนในคาแร็คเตอร์
สัมผัสแรกก่อนเปิดตัว All-New Mazda BT-50 บอกเลยว่ารถกระบะคันนี้คุ้มค่าแก่การรอคอย
รีวิว New Ford Ranger 2020 สัมผัสนิยามใหม่และตัวตนของ Ranger กระบะพันธุ์แกร่งที่ไปได้มากกว่า
รีวิว Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี ดุดัน ทรงพลัง สปอร์ตเร้าใจยิ่งกว่าเดิม
รีวิว 2021 Nissan Navara ใหม่ แกร่งขึ้นเยอะ ลุยได้มั่นใจ ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม
รีวิว All-New Isuzu Mu-X 2021 สัมผัสแรกก่อนขายจริง เปลี่ยนใหม่ครั้งนี้บอกเลยคุ้มค่าแก่การรอคอย
รีวิว Toyota Corolla Cross รถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวยุคใหม่ ที่มาพร้อมความสะดวกสบาย และความประหยัด
รีวิว Honda City 1.0 VTEC Turbo รุ่นท็อปสุด RS มีดีแค่ไหน? ถึงกล้าขาย 739,000.
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Mitsubishi Outlander PHEV เอสยูวี Plug-in Hybrid อัจฉริยะ ชาร์จไฟได้เองไม่ต้องง้อปลั๊ก ประหยัดสุดๆ "