Test Drive : รีวิว MITSUBISHI PAJERO SPORT 2WD GT-Premium ช่วงล่างขับมั่นใจ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย

Test Drive : รีวิว MITSUBISHI PAJERO SPORT 2WD GT-Premium ช่วงล่างขับมั่นใจ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย

Mitsubishi Pajero Sport นับเป็นยานยนต์อเนกประสงค์ (PPV) ที่กำเนิดขึ้นโดยถ่ายทอดดีเอ็นเอมาจากปาเจโรรุ่นดั้งเดิม มีจุดประสงค์เพื่อรองรับการใช้งานในเมืองได้ดียิ่งกว่า โดยล่าสุดโฉมรุ่นปัจจุบันนับเป็นเจเนเรชั่นที่ 3 ถูกออกแบบและผลิตขึ้นภายใต้ความล้ำสมัย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยอย่างครบครัน โดยครั้งนี้ทีมงาน 9carthai มีโอกาสได้นำรุ่น 2.4 GT-Premium 2WD โมเดลปี 2018 มาทำการทดสอบ (เดิมใช้ชื่อรุ่นย่อย 2.4 GT 2WD เปลี่ยนเป็น 2.4 GT-Premium 2WD พร้อมเพิ่มออปชั่นเสริมหลายจุด)

รูปลักษณ์ภายนอก Mitsubishi Pajero Sport ยกระดับงานดีไซน์ด้วยการถ่ายทอดเอกลักษณ์การออกแบบ ‘Dynamic Shield’ ที่ไม่เพียงมีตัวถังที่ใหญ่ แข็งแกร่ง และบึกบึนเท่านั้น งานออกแบบยังสะท้อนแนวคิดรูปลักษณ์ต้องสอดคล้องกับการใช้งาน ผสมผสานการปกป้อง สมรรถนะการขับขี่ และสุนทรียภาพไว้ที่รูปลักษณ์ด้านหน้า


องค์ประกอบความโดดเด่น ดึงดูดและนำสายตาด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ แบบ Bi-LED มาพร้อมระบบปรับระดับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ เสริมความปลอดภัยอีกขั้นกับไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ Spectrum LED


เติมเต็มความภูมิฐานด้วยกระจกมองข้างโครเมียมพร้อมฝังไฟเลี้ยวในตัว ขึ้น-ลงรถได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วยบันไดข้างทรงกว้าง ทำให้สามารถเหยียบด้วยอย่างเต็มเท้า ส่วนด้านท้ายให้ความภาพลักษณ์ที่แปลกสะดุดตากับไฟท้ายดีไซน์ทรงยาวแบบ Spectrum LED พร้อมไฟเบรกแบบ LED ขณะที่เสาอากาศเป็นแบบฝังอยู่ในกระจกหลัง


มิติตัวถังรถ : ความยาว x ความกว้าง x ความสูง : 4,785 x 1,815 x 1,805 มม. ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,520/1,515 มม. ระยะฐานล้อ 2,800 มม. ระยะต่ำสุดถึงพื้น 218 มม. น้ำหนัก 1,975 รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร
ภายในห้องโดยสาร MITSUBISHI PAJERO SPORT ให้ความสำคัญกับการออกแบบตามหลักกายศาสตร์เพื่อรองรับการใช้งานที่สะดวกสบายด้วย T-Shaped High Console ที่จัดวางทุกฟังก์ชั่นให้อยู่ในตำแหน่งที่สะดวกต่อการใช้งาน


หน้าจอแบบทัชสกรีน 7 นิ้ว เครื่องเสียง 2DIN รองรับวิทยุ DVD, CD, MP3, พร้อมช่องต่อ USB ระบบเชื่อมต่อบลูทูธแบบ A2DP และระบบนำทางในรถยนต์พร้อมระบบนำทาง ส่วนพวงมาลัยแบบปรับขึ้นลงและเข้าออกได้ พร้อมสวิตช์มัลติฟังก์ชั่น โดยผู้ขับไม่ต้องละมือจากพวกมาลัยและละสายตาจากถนน ด้านขวาเป็นสวิตช์ควบคุมระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ-ด้านซ้ายสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง ด้านหลังมีแพดเดิ้ลชิฟท์ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

หรูหราและอเนกประสงค์ยิ่งขึ้นด้วยคอนโซลกลางเสริมด้วยวัสดุนุ่มบริเวณด้านข้างเบรกมือไฟฟ้า (ELECTRIC PARKING BRAKE) ใช้งานงานเพียงดึงขึ้นเบาๆ เบรกก็จะทำงานทันที ส่วนมาตรวัดเป็นแบบ High Contrast พร้อมการแสดงผลแบบอนิเมชั่น 3 มิติ

เย็นสบายเป็นส่วนตัวกับ DUAL ZONE AUTOMATIC AIR CONDITIONER ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบแยกปรับอุณหภูมิ ซ้าย-ขวา รวมทั้งยังมีระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสารเทคโนโลยีนาโนอิ

แผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระ

เหนือขึ้นไปบนเพดานมีช่องระบบปรับอากาศดีไซน์ใหม่สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ตลอดจนระบบกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ท เพิ่มความบันเทิงในขณะเดินทางไกลด้วยจอภาพ ROOF MONITOR แบบ Wide Screen พร้อมเครื่องเล่นซีดี, รีโมท และหูฟังอินฟราเรด 2 ชุด บริเวณเพดานเหนือเบาะแถว 2 สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

Smartphone Socket ช่องใส่สมาร์ทโฟน บริเวณด้านหลังเบาะคนขับและผู้โดยสาร
เบาะนั่งคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารหุ้มวัสดุหนังสังเคราะห์สีครีม ปรับระดับได้ 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า

เบาะหลังเบาะแถว 2-3 หุ้มหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์สีครีม นอกจากนี้สามารถรองรับการเก็บสัมภาระได้อย่างอเนกประสงค์ โดยแถว 2 สามารถปรับได้แบบ 40:60 ส่วนแถว 3 พับแบนราบกับพื้นห้องโดยสารได้

เครื่องยนต์ ดีเซลคอมมอนเรลรหัส 4N15 4 สูบ แถวเรียง 2.4 ลิตร เทอร์โบแปรผัน VG-Turbo-Intercooler พร้อมระบบแปรผันวาล์ว MIVEC อัตราส่วนกำลังอัด 15.5 : 1 กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD) ความจุถังน้ำมัน 68 ลิตร

เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมโหมด Sport  ร่วมด้วย INC (ldle Neutral Control) และระบบ G-Sensor โดยเมื่อทำงานผสานกันจะช่วยให้ทุกการเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวล ทำงานควบคู่กับระบบ INC ที่ช่วยควบคุม และตัดระบบส่งกำลังไปยังเพลาขับโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรก เพื่อหยุดรถในตำแหน่งเกียร์ D ลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ และลดการสึกหรอของระบบเกียร์ พร้อมด้วยระบบ G-Sensor ช่วยควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ให้มีความแม่นยำมากขึ้นในทางลาดชัน อัตราทดเกียร์ เกียร์ 1 > 4.854, 2 > 2.840, 3 > 1,863, 4 > 1.436, 5 > 1.216, 6 > 1.000, 7 > 0.815, 8 > 0.672, เกียร์ถอยหลัง > 3.825 และอัตราทดเฟืองท้าย 3.692

ระบบช่วงล่าง ด้านหน้ามาในรูปแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังทรีลิงค์-ทอร์คอาร์ม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรก ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และคาร์ลิเปอร์เบรกแบบ 2 ลูกสูบ ด้านหลังดิสก์เบรกแบบ Drum-in Discs พร้อมช่องระบายความร้อน ส่วนล้อแม็กเป็นลายทูโทน 18 นิ้ว เข้าคู่กับยาง DUNLOP GRANDTRAK ขนาด 265/60 R18

มาพร้อมระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอัจฉริยะ (ETACS) ระบบนี้ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในตัวรถ ทั้งใบปัดน้ำฝนปรับความเร็วอัตโนมัติ ระบบหน่วงเวลาเปิด-ปิดระบบไฟฟ้า ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนช่องทาง ระบบเตือนลืมปิดไฟหรี่ ระบบสัญญาณไฟกระพริบเมื่อหยุดรถฉุกเฉิน ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติตามความเร็ว ระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์และเมื่อกดรีโมท

ระบบกุญแจนิรภัยและกุญแจอัจฉริยะ

โครงสร้างตัวถังนิรภัยเหล็กกล้า (RISE) ที่ใช้เหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงและมีแรงดึงสูงเพื่อสร้างคุณสมบัติการดูดซับแรงกระแทกจากทุกทิศทาง

ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงรุกเพื่อการป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW) กล้องมองภาพรอบคัน (Muti Around Monitor) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (ASTC) และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) (ไม่มีระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC-Hill Descent Control System)
FORWARD COLLISION MITIGATION SYSTEM ระบบเตือนชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว ระบบจะทำงานโดยใช้เรดาร์ประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนและช่วยชะลอความเร็ว พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก เพื่อให้ประสิทธิภาพในการเบรกที่ดียิ่งขึ้น และเมื่อความเร็วต่ำกว่า 30 กม./ชม. ระบบช่วยเบรกจะทำงานอัตโนมัติ เมื่อพบว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกันเพื่อบรรเทาความเสียหายจากการชน

ULTRASONIC MISACCELERATION MITIGATION SYSTEM ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบทำงานโดยใช้คลื่น Ultrasonic ตรวจจับวัตถุที่อยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังในระยะไม่เกิน 4 เมตร ในขณะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง D หรือ R หากมีการเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบจะทำงานตัดกำลังเครื่องยนต์อัตโนมัติ 5 วินาที และทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. เพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชน *เฉพาะรุ่น GT-Premium

MULTIAROUND MONITOR กล้องมองภาพรอบคัน ระบบทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ เพื่อประมวลผลและแสดงภาพแบบ Bird’s Eye View ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพได้รอบตัวรถ เพิ่มความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการจอดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้นเฉพาะรุ่น GT-Premium

BLIND SPOT WARNING ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา เพื่อความปลอดภัยในการเปลี่ยนแลน ระบบจะส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้างให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตา ซึ่งไม่สามารถมองเห็นจากกระจกมองข้าง และในขณะเดียวกันหากเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ระบบจะส่งเสียงเตือนพร้อมสัญญาณเตือนไฟกะพริบบนกระจกมองข้าง ทั้งนี้ระบบจะทำงานที่ความเร็วๆ 20-140 กม./ชม. (เฉพาะรุ่น GT-Premium)

รวมไปถึงมอบความสบายในการขับขี่ ด้วยระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC) ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าถึงแม้รถคันหน้าจะชะลอความเร็วหรือหยุดรถ ระบบนี้จะช่วยรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยไว้ได้

ช่วงการขับทดสอบ

โดยการขับทดสอบนี้เราเลือกเดินทางออกต่างจังหวัด เพื่อสัมผัสกับสมรรถนะกับแบบยาวๆ โดยสตาร์ทจากงามวงศ์วาน กรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี ระยะทางไป-กลับรวม 250 กม. โดยตลอดเส้นก็เจอทั้งสภาพการจราจรที่หลากหลาย ซึ่งต้องผ่านเขตชุมชนมีรถติดเคลื่อนตัวช้า รวมถึงทางโล่งบนบูรพาวิถีให้ได้ใช้ความเร็วกันได้พอสมควร

ช่วงแรกขับผ่านเขตเมือง แน่นอนว่าการจราจรค่อนข้างแออัดเคลื่อนตัวได้ช้าแต่ก็ไม่ถึงกับหยุดสนิท สิ่งที่จะพิสูจน์ได้ชัดเจนสุดในช่วงนี้ก็ความคล่องตัวในการใช้งาน ซึ่งด้วยสไตล์ของรถก็เห็นอยู่แล้วว่ามีขนาดใหญ่ การเปลี่ยนเลนหรือขับผ่านถนนแคบๆ แน่นอนว่าคงเทียบสู้อีโคร์คาร์หรือซิตี้คาร์ทั่วไปไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความจะใช้งานไม่สะดวก เพราะการเปลี่ยนเลนเพื่อไปในช่องทางที่ลื่นไหลก็ก็ทำได้ง่าย เพราะพวงมาลัยเป็นเพาเวอร์ผ่อนแรง อีกทั้งด้วยความสูงของตัวรถ จึงช่วยให้มีทัศนะวิสัยในการมองที่ค่อนข้างดี ยิ่งมีระบบ BLIND SPOT WARNING หรือระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตาเข้ามาช่วย ก็ส่งผลให้มีความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลนมากขึ้น โดยระบบจะส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้างให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตา

ต่อเนื่องเข้าสู่ทางลอยฟ้าบูรพาวิถี เริ่มขยับปรับความเร็วมากขึ้นเพื่อพิสูจน์สมรรถนะของขุมพลัง เมื่อกดคันเร่งหนักๆ ลงไปก็สัมผัสได้ทันทีว่าเครื่องยนต์นั้นมีเรี่ยวแรงที่เพียงพอกับการลากตัวถังที่รวมคนนั่งก็ 2 ตันกว่าได้แบบอึดอาด การเคลื่อนตัวออกจากหยุดนิ่งหรือเร่งจากช่วงความเร็วต่ำ ก็ตอบสนองได้ค่อนข้างดี แต่เมื่อความเร็วลอยตัวไปแล้วเมื่อเติมคันเร่งเพื่อเร่งความเร็วอาจจะไม่ถึงกับดึงมากนัก แต่ก็ไต่ระดับขึ้นได้อย่างเนียนๆ และต่อเนื่อง

โดยความเร็ว 90 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์ 1,500 รอบ/นาที, 100 กม./ชม. 1,600 รอบ/นาที,  110 กม./ชม. 1,750 รอบ/นาที และ 120 กม./ชม. 2,000 รอบ/นาที สำหรับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงการ กับขับใช้งานแบบปกติเหมือนในชีวิตประจำวัน ซึ่งต้องเจอการสภาพจราจรในเมืองและการขับด้วยความเร็วเดินทางสู่ต่างจังหวัดรวมระยะทาง 250 กม. ตัวที่คำนวณจากจอมาตรวัดในรถอยู่ที่ 12.1 กม./ลิตร

ในช่วงทางโล่งๆ ลองเล่นกับระบบ Adaptive Cruise Control ดู โดยล็อกความเร็วตามที่ตั้งไว้ แต่เมื่อเข้าใกล้รถคันหน้า ระบบจะชะลอความเร็วให้โดยอัตโนมัติ โดยเราสามารถเลือกตั้งระยะห่างได้ว่าจะให้เบรกในระยะใด และถ้ารถคันหน้าเร่งความเร็วขึ้นก็จะเร่งตาม แต่รถก็จะเคลื่อนตัวไม่เกินความเร็วที่ตั้งครูสคอนโทรลไว้ นอกจากนี้เราก็สามารถเพิ่มความเร็วได้เรื่อยๆ บนสวิทช์ และถ้าหากเปลี่ยนไปเจอรถคันหน้าที่ขับช้ากว่ารถก็เบรกให้ รวมไปถึงถ้ารถคันหน้าเกิดหยุดสนิท รถก็เบรกให้เราเอ็งจนสนิทเช่นกัน แต่ระบบจะทำการเบรกไว้ประมาณ 3 วินาทีเท่านั้น จากนั้นหน้าจอจะเตือนให้เราขับเหยียบเบรกเอง ซึ่งถ้าไม่เหยียบก็มีโอกาสที่รถจะเคลื่อนไปชนคันหน้าได้ ส่วนการยกเลิกระบบก็เหมือนครูสคอนโทรลทั่วไปเพียงเหยียบเบรกหรือจะกดยกเลิกที่สวิตช์ก็ได้เช่นกัน

ในส่วนของการเก็บเสียงในห้องโดยสาร Mitsubishi Pajero Sport นับว่าทำได้ดี โดยเฉพาะลมที่มาปะทะเล็ดรอดเข้ามาในห้องโดยสารน้อย แต่ถ้าความเร็วไหลไปแตะระดับ 130-140 กม./ชม. ก็มีให้ได้ยินอยู่บ้าง ในขณะที่เสียงของเครื่องยนต์ก็มีพอให้ได้ยินบ้างโดยเฉพาะช่วงที่กดคันเร่งลึก แต่รวมๆ ทั้งหมดก็ถือว่าไม่สร้างความรำคาญใดๆ ในขณะเดินทาง

ด้านความสะดวกสบายในการเดินทาง ซึ่งผมเน้นหนักเรื่องของดีไซน์เบาะเป็นสำคัญ ซึ่งวันนี้หลังจากได้ลองยาวๆ ก็สัมผัสได้ว่าตัวเบาะค่อนข้างนั่งสบาย นิ่มกำลังดีไม่ยวบยุบจนเกินไป ทั้งที่ดูจากโงวเฮ้งหน้าตาแล้วเหมือนว่านั่งต้องเหมือนหลุมยุบอะไรทำนองนั้น ส่วนพนักพิงก็บุค่อนข้างหนาและแน่นดันหลังกำลังดีปีกเบาะไม่สูงมากจึงไม่ต้องพะวงว่าจะค้ำกับข้อศอก ขณะที่ตัวฐานเบาะยาวกำลังดีรับกับใต้ท้องขา ช่วยลดความเมื่อยล้าเมื่อเดินทางไกล ส่วนเบาะแถวสองนั่งสบายเช่นกัน 3 คนยังพอนั่งได้ แต่ตำแหน่งตรงกลางอาจไม่สะดวกนัก เพราะฐานเบาะเป็นสันนูนขึ้นมาอีกทั้งพนักพิงก็ยังเป็นที่วางแขนนั่งไกลๆ ไม่สบายตัวแน่นอนครับ สำหรับเบาะแถวสามถามว่านั่งได้ไหม ถ้าเป็นน้องๆ หนูสูงไม่เกิน 120 ซม. นั่งได้สบายไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นระดับผู้ใหญ่เดินทางไกลนั่งได้ครับแต่มีเมื่อยแน่นอน เนื่องจากฐานเบาะสั้นทำให้ตั้งนั่นชันขามาก แถมหัวเข่าก็ยังต้องเบียดกับด้านหลังเบาะแถวสองแน่นอน เอาเป็นว่าในตำแหน่งนี้เหมาะกับเด็กๆ มากกว่าครับ

ในส่วนของระบบช่วงล่างนับว่าเป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นของ Mitsubishi Pajero Sport เพราะมีความเฟิร์มแน่น อาการย้วยโคลงเคลงมีให้สัมผัสเพียงน้อย ไม่ว่าจะใส่ในโค้งหนักๆ ต่อเนื่องก็ยังรู้สึกมั่นใจในความนิ่ง แต่จังหวะการรูดผ่านหลุม ทางต่างระดับ คอสะพาน อาจรู้สึกแน่นจนดีดและกระด้างไปสักนิด แต่ถ้ามีผู้โดยสารนั่งมาด้วย 2-3 คน หรือมีการขนสัมภาระ ก็จะส่งผลให้รถมีความนุ่มนวลเพิ่มขึ้นและซับแรงสะเทือนได้ดี จนรู้สึกว่าแตกต่างจากพีพีวีที่เคยมีมา ในส่วนของระบบเบรก เป็นแบบดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน 4 ล้อ ซึ่งการทำงานของเบรกก็ทำหน้าทีได้ค่อนข้างดี ส่วนแป้นเบรกข้างตื้น กดไม่ลึกคาลิเปอร์ก็ทำงานทันทัน ส่วนจังหวะเบรกกะทันหันก็ไม่มีปลิ้นหรือแถซ้ายขวา

สรุป : สำหรับคนที่กำลังมองหายานยนต์อเนกประสงค์พื้นฐานกระบะไว้ใช้งาน Mitsubishi Pajero Sport นับเป็นพีพีวีอีกทางเลือกที่น่าสนใจและมีความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับราคา 1,404,000 บาท สำหรับรุ่น 2WD GT-Premium สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งในเมืองและวิ่งทางไกล ที่สำคัญออปชั่นจัดมาให้ค่อนข้างครบ โดยเฉพาะอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีความปลอดภัย รวมๆ นับว่าครอบคลุมความอเนกประสงค์ ด้านสมรรถนะเครื่องยนต์นับว่าเพียงและพอเพียงต่อการใช้งาน รวมไปถึงระบบช่วงล่างก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่สร้างความมั่นใจในการขับขี่

สิ่งที่อยากให้แก้ไข : ระบบช่วงล่างแข็งไปสักนิดเมื่อขับคนเดียว

สิ่งที่อยากให้มี : การพับปรับเบาะค่อนข้างหนัก ควรมีระบบพับเบาะแบบไฟฟ้าในส่วนของแถว 2-3

ขอขอบคุณ : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด