รีวิว Mitsubishi Xpander Cross รถ SUV 7 ที่นั่งยุคใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ลุยได้มากกว่า

รีวิว Mitsubishi Xpander Cross รถ SUV 7 ที่นั่งยุคใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ลุยได้มากกว่า

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 Mitsubishi ได้ประกาศเปิดตัวรถยนต์ SUV 7 ที่นั่งรุ่นใหม่สำหรับตลาดประเทศไทย ที่มีชื่อว่า Mitsubishi Xpander ซึ่งสร้างยอดขายได้ดี และเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะรองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่ง ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 8 แสน

ซึ่งนับเวลานั้นมีเพียงแต่รถอเนกประสงค์แบบ PPV ที่รองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่ง แต่มีราคาทะลุหลักล้านทำตลาดอยู่ ทำให้ Mitsubishi Xpander เป็นตัวเลือกใหม่ในตลาดที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

และในปี 2020 ที่ผ่านมา Mitsubishi ก็ได้ต่อยอดความสำเร็จ เปิดตัว Mitsubishi Xpander Cross ที่มาพร้อมการตกแต่งใหม่ และเพิ่มสไตล์ที่สามารถลุยได้มากขึ้น กับช่วงล่างที่ยกสูง เฉกเช่นรถแบบ PPV ที่มีราคาจำหน่ายแพงกว่าเดิมไม่กี่หมื่นบาท

โดยตอนเปิดตัวครั้งแรกมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 8.99 แสนบาท (ช่วงแนะนำ) แต่ปัจจุบันมีราคาจำหน่าย 9.19 แสนบาท ซึ่งก็ยังถือเป็นราคาที่จับต้องได้อยู่

และวันนี้ 9carthai.com จะมาถ่ายทอดเรื่องราว และรายละเอียดของ Mitsubishi Xpander Cross ให้ได้พิจารณากัน หลังจากที่ได้ลองพิสูจน์สมรรถนะแบบใช้งานจริง 1 สัปดาห์เต็มมาแล้ว

ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จัก และทราบถึงจุดที่แตกต่างระหว่าง Mitsubishi Xpander กับ Mitsubishi Xpander Cross กันก่อนดีกว่า ว่าราคาที่แพงขึ้นมา ได้อะไรเพิ่มมาบ้าง และมันคุ้มค่าไหม?

แน่นอนว่าดีไซน์โดยรวมของ Mitsubishi Xpander Cross นั้น ยังคงมาในคอนเซ็ปต์ DYNAMIC SHIELD แต่มีการอัปเกรดใหม่ให้ดูล้ำสมัย และเปลี่ยนสไตล์ให้เป็นรถ SUV มากขึ้น (Xpander จะเป็นรถแบบ Mini MPV)

โดยระบบไฟหน้าทั้งหมดยังให้มาแบบ Full LED ทั้งเซ็ต ตั้งแต่ ไฟ DRL, ไฟหน้าที่กรอบกันชนหน้า และไฟตัดหมอกด้านล่างกันชน แต่มีการปรับขนาดความกว้างด้านหน้าใหม่ ที่กว้างขึ้นจาก Xpander อีก 50 มม. ทำให้ Mitsubishi Xpander Cross มีความบึกบึน และดูแข็งแกร่งกว่า

ส่วนด้านข้างตัวรถ มีการติดตั้งคิ้วล้อ และแผงกันกระแทกชายล่างประตูสีดำ ยาวตลอดแนวข้างไปจรดชุดกันชนท้าย บ่งบอกความเป็น SUV ที่แข็งแกร่ง และพร้อมลุยได้มากขึ้น

ด้านบนหลังคามีการติดตั้งราวหลังคาเพิ่มเติมความอเนกประสงค์ และตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตแบบทูโทนขนาด 17″ ช่วยเสริมความโดดเด่นให้ตัวรถอีกระดับ

ส่วนด้านท้ายรถมีการติดตั้งชุดกันชนหลัง และแผงกันกระแทกขนาดใหญ่ขึ้น รวมไปถึงชิ้นส่วนฝาปิดท้ายประตูหลังที่เป็นเสียดำแบบเปียโนแบล็คที่ช่วยเสริมความโดดเด่นในมุมมองด้านท้ายได้ดียิ่งขึ้น

แต่ไฮไลท์สำคัญจริงๆ ของ Mitsubishi Xpander Cross ที่เพิ่มเข้ามา และถือเป็นจุดขายสำคัญเลยก็คือ ระยะความสูงใต้ท้องรถ 225 มม. ซึ่งสูงกว่า Mitsubishi Xpander รุ่นมาตรฐานถึง 20 มม. และมีการอัปเกรดระบบช่วงล่างใหม่ทั้งหมด เพื่อสมรรถนะการขับขี่ที่รองรับกับทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน

ส่วนระบบเบรกจุดนี้ยังคงเป็นแบบดิสก์เบรกหน้า กับ ดรัมเบรกหลังอยู่เหมือนเดิม แต่เท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว

ส่วนภายในห้องโดยสารของ Mitsubishi Xpander Cross โดยรวมแล้วก็มาในรูปแบบเดียวกับ Mitsubishi Xpander รุ่นมาตรฐาน แต่จะมีการตกแต่งใหม่ด้วยวัสดุสีเงินและสีดำเปียโนแบล็ค

แดชบอร์ดและเบาะนั่งหรูอีกระดับด้วยดีไซน์ทูโทนสีดำ-น้ำตาล ขณะที่พวงมาลัย หัวเกียร์ และเบรกมือหุ้มหนัง เพื่อเติมเต็มความพรีเมียมให้กับห้องโดยสาร

ส่วนหน้าจออินโฟเทนเมนท์ จะมาพร้อมหน้าจอ 2 DIN ขนาด 6.2 นิ้วระบบสัมผัส ที่รองรับ DVD, CD และ MP3 รวมถึงระบบเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth ซึ่งสามารถควบคุมผ่านพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นได้

หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่มาตรวัดเป็นแบบ High Contrast และมีระบบ Push Start รวมไปถึงระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS มาให้

โดยจุดเด่นของ Mitsubishi Xpander Cross ก็คือ ภายในห้องโดยสารที่มีความกว้างขวาง รองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งแถว 2 สามารถเลือกปรับพับได้แบบ 40:20:40 ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายในการจัดเก็บสัมภาระ

ส่วนเบาะนั่งแถว 3 สามารถปรับพับได้แบบ 50:50 ซึ่งการปรับพับเบาะทั้ง 2 แถว สามารถปรับพับได้แบบแบนราบเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ได้เต็มพิกัด

ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ก็จะมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลังขนาดใหญ่มาให้ ติดตั้งอยู่ที่เพดานเบาะแถวที่ 2 ที่ส่งความเย็นถึงผู้นั่งแถวที่ 3 ได้ และมีช่องจ่ายกระแสไฟ 12 โวลต์ ติดตั้งให้สำหรับผู้โดยสารในทุกแถวที่นั่ง

สำหรับการใช้งานจริง หลังจากที่ได้ลองนั่งทั้งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 แล้ว ก็ต้องบอกว่า เป็น Urban SUV ที่นั่งได้เต็ม 7 ที่นั่งจริง โดยเบาะที่นั่งแถวที่ 2 ยังสามารถปรับเลื่อนหน้า-ถอยหลัง และปรับเอนได้ด้วย

ซึ่งหากไม่มีผู้โดยสารนั่งในแถวที่ 3 ก็สามารถเลือกปรับเอนได้เต็มที่ แถมยังดึงพนักวางแขนตรงกลางลงมาได้ ช่วยเสริมสรีระในการนั่งที่สบาย และไม่เมื่อยล้าในการเดินทางไกล

แต่ถ้าหากนั่งแถวที่ 3 แนะนำให้ขยับเบาะแถวที่ 2 เลื่อนหน้าขึ้นไป เพราะถึงแม้จะขยับเลื่อนหน้าขึ้นไปพื้นที่แถวที่ 2 ก็ยังเหลือเฟือนั่งได้แบบไม่ติดขัด ซึ่งจะช่วยให้ผู้โดยสารแถวที่ 3 นั่งได้สบายขึ้นด้วย

โดยจากการทดลองนั่ง ผู้เขียนสูง 168 ซม. น้ำหนัก 65 กก. ก็ยังนั่งได้แบบไม่ติดขัด ซึ่งสามารถนั่งได้ 2 ท่านแบบไม่เบียดกันแบบสบายๆ เบาะแถว 3 ยังสามารถปรับเอนได้อีกนิดหน่อย แต่ถ้าคนตัวใหญ่ อาจจะมีอึดอัดบ้าง ซึ่งถ้าเดินทางไม่ไกลมากก็ยังพอไปได้

แต่ถ้าเดินทางข้ามจังหวัดอาจจะมีอาการเมื่อยขา เพราะองศาการนั่งค่อนข้างชัน ซึ่งเบาะนั่งแถว 3 นี้เหมาะกับเด็กๆ นั่งมากกว่า ซึ่งถ้าเดินทางในรูปแบบครอบครัวจริง แนะนำให้ผู้สูงอายุนั่งในแถวที่ 2 ส่วนเด็กๆ หรือกลุ่มเพื่อนที่ตัวไม่ใหญ่มาก สามารถนั่งแถวที่ 3 ได้จะลงตัวกว่า

Mitsubishi Xpander Cross ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร พละกำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที

เครื่องยนต์รุ่นนี้ถูกพัฒนาบนพื้นฐานของเครื่องยนต์ตระกูล 4A9 โดยมีการปรับปรุงความเงียบในการทำงาน และความประหยัดเชื้อเพลิง

ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด ซึ่งเป็นเครื่องยนต์บล็อคเดียวกันกับใน Mitsubishi Xpander รุ่นมาตรฐาน

Mitsubishi Xpander Cross ครบครันด้วยระบบความปลอดภัย ได้แก่

• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC)
• ระบบป้องการลื่นไถล (TCL)
• ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA)
• ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
• ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD)
• ระบบเสริมแรงเบรก (BA)
• ระบบไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
• ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
• กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด

สำหรับสมรรถนะการขับขี่ในการใช้งานจริง ต้องบอกว่า Mitsubishi Xpander Cross เป็นหนึ่งในรถ SUV ที่ขับขี่ง่าย ใช้งานสะดวก และคล่องตัว

แม้ตัวรถจะรองรับผู้โดยสารได้ถึง 7 ที่นั่ง แต่การขับขี่ใช้งานในเมืองถือว่าไม่ใหญ่เทอะทะจนขับลำบาก สามารถเข้าซอยแคบๆ หรือเข้าจอดในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างสะดวก

จุดดีของรุ่น Cross นี้ คือทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ดีกว่ารุ่นมาตรฐาน เพราะตัวรถยกสูงขึ้นมาอีก 20 มม. ทำให้มุมมองการมองเห็นทำได้กว้าง และไกลกว่า แรงสั่นสะเทือน หรือการซับแรงกระแทกทำได้ดีขึ้น เพราะตัวรถจะมีระยะยุบที่มากกว่ารุ่นมาตรฐาน

แต่ถ้าขับคนเดียว หรือวิ่งรถเปล่า (น้ำหนักเบา) อาจจะมีความแข็งกระด้างอยู่บ้าง เพราะตัวรถเหมือนจะเซ็ตน้ำหนักไว้สำหรับบรรทุกเป็นหลัก ซึ่งถ้ามีน้ำหนักบรรทุก หรือผู้โดยสารที่ 5-7 ที่นั่ง ตัวรถจะมีความนุ่มหนึบที่ลงตัวดีเลยทีเดียว

ส่วนในเรื่องของอัตราเร่ง ต้องบอกว่า Mitsubishi Xpander Cross ไม่ใช่รถที่เร่งได้เร็ว ขับสนุกอะไรขนาดนั้น เป็นรถที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

สามารถทำความเร็วได้หากรถลอยตัวแล้ว อัตราเร่งช่วงต้นจะไม่พุ่งปรู๊ดปร๊าด ซึ่งจังหวะเร่งแซงต้องเผื่อระยะ และกะจังหวะดีๆ

โดยการตอบสนองของเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ค่อนข้างเซ็ตโปรแกรมมาให้ลากรอบสูงไว้ก่อน ซึ่งเกียร์ 2-3 จะเป็นเกียร์ที่ใช้บ่อย และมีกำลังสูงสุด

ถ้าขับในเมือง หรือเดินทางออกต่างจังหวัดทั่วไป สามารถไปได้ไม่ติดขัด ไม่เหนื่อย ไม่ต้องเค้นกำลังกันมาก แต่ถ้าขึ้นเขาลงเขา หรือท่องเที่ยวในเส้นทางธรรมชาติแบบความจุเต็ม 7 ที่นั่ง

ตรงจุดนี้ออกจะต้องเลือกใช้เกียร์ต่ำเข้าช่วย และต้องมีระยะส่งเล็กน้อย แต่กำลัง 105 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตัน-เมตร ก็พาคุณไปได้ทุกที่อย่างแน่นอน เพียงแต่ต้องปรับตัวให้ชินกับจังหวะการเร่ง และการใช้เกียร์ รวมไปถึงรอบเครื่องยนต์ให้เหมาะสมก็เท่านั้น

ด้าน Handling ของพวงมาลัยถือว่าค่อนข้างเบา ซึ่งคุณผู้หญิงอาจจะชอบ เพราะควบคุมง่าย เข้าจอดง่าย แต่คุณผู้ชายหรือพวกที่ขับรถเร็ว อาจจะรู้สึกเหวอๆ บ้าง เพราะพวงมาลัยที่เบาจะทำให้หน้ารถมันไว ซึ่งจุดนี้ก็ต้องปรับตัวกันสักเล็กน้อย แต่ถ้าซื้อไปขับเป็นประจำทุกวันคงไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง การทดสอบครั้งนี้ทำได้ดีที่สุดที่ 6.8 ลิตร / 100 กม. หรือคิดเป็น 14.7 กม./ลิตร ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจมาก ประหยัดใช้ได้เลยทีเดียว

บทสรุป

ทั้งนี้ก็ต้องบอกว่า Mitsubishi Xpander Cross เป็น Urban SUV 7 ที่นั่ง ที่กลมกล่อม ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์

แน่นอนว่าจุดเด่นคือความอเนกประสงค์ ไปด้วยกันได้ครบทั้งครอบครัว และกลุ่มเพื่อน สามารถใช้งานในเมืองได้คล่องตัว เดินทางออกต่างจังหวัดก็ไม่เหนื่อย

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบาย สามารถนั่งได้ 7 ที่นั่งได้จริง ไม่ได้มีไว้แค่การโฆษณา แถมตัวรถยังยกสูง และได้รับการตกแต่งให้เป็น SUV ที่ลุยได้มากขึ้น

ราคาจำหน่าย Mitsubishi Xpander ทั้ง 3 รุ่น

• รุ่น GLS-LTD ราคา 789,000 บาท
• รุ่น GT ราคา 863,000 บาท
• รุ่น Cross ราคา 919,000 บาท (ส่วนต่าง 56,000 บาท)

ซึ่งถ้าดูจากราคาจำหน่ายแล้ว ก็ต้องบอกว่า Mitsubishi Xpander Cross น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด โดยส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมา 56,000 บาท เทียบกับฟีเจอร์ และอ็อพชั่นที่ติดตั้งมาให้แล้ว ถือว่าคุ้มค่า และถ้าคิดเป็นราคาผ่อน/เดือน เพิ่มขึ้นมาเพียงหลักพันบาทเท่านั้นเอง

ดูตารางผ่อนคลิก https://www.9carthai.com/mitsubishi-xpander-cross-price/

บทความน่าอ่าน!!

รีวิว Mitsubishi Outlander PHEV ใช้งานจริง ประหยัดสุดๆ ชาร์จไฟได้เองไม่ต้องง้อปลั๊ก คุ้มแน่นอน

สัมผัสแรก Aston Martin Vantage สปอร์ต Entry Level ที่ผ่านการเจียระไนอย่างพิถีพิถัน ฉายาเทพบุตรนักล่า

รีวิว Toyota Yaris PLAY Limited Edition อีโคคาร์แต่งพิเศษ ออปชันจัดเต็ม มีขายเพียง 1,500 คัน!

รีวิว Mazda CX-3 2021 Collection รุ่น Base Plus บอกเลยว่าคุ้มค่า คุ้มราคาจริงๆ

รีวิว Ford Ranger FX4 Max ที่สุดของกระบะแต่งพิเศษสไตล์ออฟโรด ในราคาจับต้องได้

รีวิวสมรรถนะการขับขี่ของ BMW 3 รุ่นใหม่ ทั้ง New Series 5 2021 และ Series 3 Gran Sedan ใหม่

รีวิว All-New Mazda BT-50 กระบะหน้าหล่อ อ็อพชั่นพรีเมียม ออกงานก็ดี ออกลุยก็ได้

รีวิว Nissan Navara PRO2X ขับ 2 แต่หล่อไม่แพ้กัน แถมราคาถูกกว่าตั้ง 1.5 แสนบาท

รีวิว Mitsubishi Outlander PHEV เอสยูวี Plug-in Hybrid อัจฉริยะ ชาร์จไฟได้เองไม่ต้องง้อปลั๊ก ประหยัดสุดๆ

รีวิว Honda City e:HEV & Hatchback 1.0 RS ดีกันคนละแบบ แตกต่างชัดเจนในคาแร็คเตอร์