รีวิว NEW TOYOTA YARIS ขับสนุก ช่วงล่างแน่น ประหยัดน้ำมัน

รีวิว NEW TOYOTA YARIS ขับสนุก ช่วงล่างแน่น ประหยัดน้ำมัน

Toyota เปิดตัว Yaris โฉมใหม่ ในครั้งนี้มาในรูปแบบของรถยนต์ Eco car สไตล์ Hatchback 5 ประตู เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ซึ่งแตกต่างจากรุ่นเดิมที่ขายมายาวนานด้วยขนาดที่เน้นความเล็กกระทัดรัด ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และถูกวางเป็น Fighting model แย่งชิงส่วนแบ่งตลาดมาจาก Honda Jazz แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก

ในครั้งนี้ ทีมงานเว็บไซต์ 9CarThai.com ได้รับโตโยต้า ยาริส โฉมใหม่ รุ่น G ราคา 5.99 แสนบาทมาทดสอบ จากโชว์รูมสาขาซอยรามคำแหง 38 อยู่ติดถนนรามคำแหง บริการดีเยี่ยม น่าประทับใจ ลองแวะเข้าไปเยี่ยมชมกันได้ครับ

Yaris ใหม่ ใช้ชิ้นส่วนในหลายส่วนร่วมกับ Toyota Vios ใหม่ทำให้บุคลิกของรถที่ได้จากการทดสอบ จะมีคล้ายกันมาก แต่ความรู้สึกแรกที่ได้เห็น Yaris สีแดง

สีเทา และสีขาวในโชว์รูม ก็คือ มันสวยงามอย่างมาก และตัวรถใหญ่กว่ารุ่นเดิมมาก

Yaris รุ่น G ที่เราได้มาทดสอบในวันนี้ เป็นสี Silver metallic จากทั้งหมด 7 สีที่มีให้เลือก แต่สี Silver นี้จะดูกลืนไปกับกระจังหน้าสีเทาอ่อน ทำให้ไม่โดดเด่นเหมือน Yaris อีก 6 สีที่เหลือ ซึ่งสีของตัวรถจะตัดกับขอบกระจังหน้า ดูสวยงามเท่สปอร์ตลงตัวอย่างมาก

หากเปรียบเทียบดีไซน์ด้านหน้าระหว่าง Yaris กับ Vios โฉมใหม่ทั้งคู่ โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่า Vios สวยแบบสปอร์ตมากกว่า แต่ Yaris เหนือกว่า Vios ในเรื่องความประหยัดน้ำมัน ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ก็ถือว่าได้อย่าง เสียอย่าง อีกไม่นานก็จะมีชุดแต่งสวยๆ ที่จะทำให้ Yaris สวยงามไม่แพ้ Vios

Yaris รุ่น G เท่านั้นที่ให้ไฟหน้าแบบ Projector

ไฟเลี้ยวอยู่ติดกระจังหน้าในโคมเดียวกัน

ไฟตัดหมอก เป็นอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งเพิ่มได้ในราคาพิเศษ ไม่มีแถมใน Yaris ทุกรุ่นย่อย

สวยงามในสไตล์สปอร์ตที่แฝงความดุดันอยู่ในตัว

โคมไฟหน้ามีดีไซน์เหมือนหางตาแบบยกสูง เสริมโหงวเฮ้งที่ดีให้กับหน้ารถ

กระจกมองข้าง ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า สะดวกสบาย และยังมีไฟเลี้ยวอีกด้วย มีให้เฉพาะรุ่น G เท่านั้น

ล้ออัลลอยด์ 15 นิ้ว ดีไซน์อยู่ในเกณฑ์ที่พอยอมรับได้ ดูเรียบๆไปหน่อย ไม่ใช่สไตล์สปอร์ต

มองด้านข้าง จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตัวรถมีความยาวมาก ฐานล้อกว้าง เทียบเท่ารถยนต์ Hatchback 5 ประตูยี่ห้ออื่นในตลาด C-Segment ที่ราคาเฉียด 1 ล้านบาท

ไฟท้ายดีไซน์แปลกตา ภายในเป็นไฟเบรค LED สีแดง ที่สว่างเฉพาะของ LED เท่านั้น ไม่ได้ส่องสว่างไปตามรูปร่างของไฟท้ายแต่อย่างใด ส่วนไฟเลี้ยว ไฟถอยหลัง และไฟตัดหมอกหลัง เป็นหลอดไฟแบบไส้ทังสเตนธรรมดา

คิ้วท้ายฝากระโปรงในรุ่น G เป็นแบบโครเมียม มีการเล่นดีไซน์ของฝาท้ายและกันชนท้าย ให้ดูเป็นมุมที่เข้ากัน

ไฟท้ายสีแดง เป็น LED ทุกรุ่นย่อย แม้กระทั่งรุ่น J Eco ที่ราคาต่ำที่สุด ก็ยังให้ไฟท้ายแบบ LED สีแดงเหมือนกันทั้งหมด

มือจับประตูแบบโครเมียม ดีไซน์หรูในรุ่น G ส่วนรุ่น E และ J เป็นแบบสีเดียวกับตัวรถ ส่วนรุ่น J Eco เป็นพลาสติกสีดำด้าน

โลโก้ Yaris ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิม

ดีไซน์ด้านหลัง ถือว่าสวยงามลงตัวและทันสมัย

เส้นสายด้านข้างรถ สวยงาม มีติดตั้งคิ้วประตูกันกระแทกมาให้จากโรงงานด้วยทุกรุ่น

ฝาปิดถังน้ำมัน

เสาอากาศแบบสั้น สปอยเลอร์หลังดีไซน์สปอร์ต และไฟเบรค LED ดวงที่สาม

ปุ่มกดเปิดฝาท้ายและไฟส่องสว่างป้ายทะเบียนรถ

ภายใน TOYOTA YARIS

เริ่มต้นดูการตกแต่งภายในตัวรถที่ห้องโดยสารตอนหน้า

มีที่วางแขนและช่องเก็บของที่ประตู บานประตูเปิดง่าย ออกแรงน้อย มีกลไกผ่อนแรงให้รู้สึกเหมือนประตูมีน้ำหนักเบา

วัสดุที่ประตูเป็นพลาสติก ออกแบบผิวเลียนแบบหนังเย็บ ดูดี ดูมีราคา

เข้าออกได้สะดวกสบายพอสมควร พื้นที่วางขามีมากพอ ไม่อึดอัด ไม่ว่าผู้โดยสารจะมีสรีระแบบใดก็ตาม

เบาะเป็นแบบผ้าสีดำทุกรุ่น ตกแต่งด้วยด้ายเย็บเป็นลายเส้นสีส้ม

ทัศนวิสัยด้านหน้าและด้านข้าง ถือว่าดี ขับง่าย ดูโปร่งโล่งพอสมควร หลังคาไม่โน้มเข้ามาใกล้ศีรษะผู้นั่งและผู้ขับมากเกินไป ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้ในรถยนต์คู่แข่ง

มุมมองของกระจกมองข้าง กว้างดี กระจกกว้าง ไม่แคบแม้ว่าจะเป็นเพียง Eco car

คอนโซลกลางดีไซน์แยกส่วนบน-ล่าง

มาตรวัดสวยงาม เน้นโทนสีส้ม ตัวเลขอ่านง่าย ไฟแบ็คไลท์สว่างเหมาะสม แต่ดูลึกไปหน่อย

เครื่องเสียง เล่น CD ได้ มีปุ่มเลือกช่องบันทึกสถานีวิทยุ มีช่องต่อ Aux และ USB ด้านหน้า หน้าจอเป็น LCD Dot matrix ไฟ Backlight สีส้ม อ่านง่าย สวยงามทันสมัย จอกว้าง แสดงผลได้เยอะ แต่ขนาดตัวอักษรเล็กไปหน่อย

ตำแหน่งช่องแอร์เหมาะสม กว้างใหญ่ ส่งถึงห้องโดยสารตอนหลังแบบเต็มๆ

เครื่องปรับอากาศสั่งงานแบบดิจิตอล ในรุ่น G ใช้งานง่ายมาก ปรับค่าได้ละเอียด แต่จอแสดงผมอยู่ในมุมต่ำเกินไป ทำให้มองได้ยาก เครื่องปรับอากาศของ Toyota Yaris ทำได้น่าประทับใจอย่างมาก ถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ เย็นเร็วทันใจและลมแรงมาก เปิดแอร์เพียงไม่กี่วินาที ก็เย็นฉ่ำไปทั่วห้องโดยสาร ลมแรงมากจนผู้โดยสารตอนหลังบ่นว่าหนาวและเป่าจนทรงผมของผู้โดยสารตอนหน้าเสียทรงได้เลย จุดนี้ถือว่าชนะคู่แข่งแบบขาดลอย และถูกใจคนไทยแน่นอน

ห้องโดยสารตอนหลัง พื้นเรียบ วางเท้าและสิ่งของได้สบายๆ

การเข้าออกห้องโดยสารตอนหลัง ทำได้ไม่ยาก เพราะได้อานิสงค์จากฐานล้อยาวมากขึ้นนั่นเอง

เบาะค่อนข้างนั่งสบายในทุกที่นั่ง แต่เบาะสั้นไปหน่อย ไม่รองรับขาบริเวณหลังหัวเข่า

ดูกันชัดๆ กับพื้นห้องโดยสารตอนหลัง เมื่อเอาพรมยางปูพื้นออก กว้างจริงๆ

ห้องโดยสารตอนหลัง สามารถนั่งได้ 3 คน โดยที่นั่งตรงกลาง ก็ยังนั่งได้สบาย มีที่พิงศีรษะแบบปรับระดับได้ เบาะรองหลังที่นั่งกลาง ก็ไม่แข็งจนดันหลัง และยังมีเข็มขัดนิรภัยครบทั้ง 3 ที่นั่ง

ช่องแอร์ผู้โดยสารตอนหน้าทั้ง 2 ฝั่งซ้ายขวา มีช่องวางแก้วเครื่องดื่ม ใช้ลมแอร์เป่าให้เย็นได้

ไฟล่องแผนที่ด้านหน้า

ช่องใส่ขวดน้ำขนาดเล็กที่ประตู

ดีไซน์รอบคันของห้องโดยสาร ถูกตกแต่งด้วยพลาสติกที่ทำผิวเลียนแบบหนังเย็บ

เกียร์แบบขั้นบันได พร้อมโหมดขับขี่แบบ Sport ใช้งานแทนปุ่ม Overdrive

พวงมาลัยขนาดใหญ่เต็มไม้เต็มมือ หุ้มหนังเทียม จับถนัดและให้ความรู้สึกที่ดีพอสมควรเมื่อสัมผัส พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยฝั่งซ้าย

ไม่มีไฟส่องสว่างกลางห้องโดยสาร (รุ่นท๊อปยังไม่มี ทำไปได้)

ลำโพง มีติดตั้งที่ประตูทั้ง 4 บาน คุณภาพเสียงพอฟังได้ แต่ยังไม่ดีเท่าคู่แข่ง

เบาะแบบปรับความสูงของที่พิงศีรษะได้ และมีขนาดใหญ่เหมาะสมกับสรีระ ไม่ลดต้นทุนเหมือน Eco car รุ่นอื่นในตลาด

เบาะปรับความสูงได้หลายระดับ ตำแหน่งปุ่มเปิดฝาถังน้ำมัน เหมาะสม เปิดได้สะดวก

โดยรวมถือว่าห้องโดยสารทำได้น่าประทับใจกว่าคู่แข่งอย่างมาก ใส่ใจรายละเอียดในทุกส่วน

ปุ่ม Start และปุ่มปรับ-พับกระจกมองข้าง

ช่องเก็บของด้านหน้า ไม่เกะกะหัวเข่าผู้โดยสาร

ช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ เปิดใช้งานสะดวกสำหรับการเสียบชาร์จโทรศัพท์มือถือ โดยมีที่วางโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างๆ

นิ้วโป้งซ้าย สั่งงานเครื่องเสียงได้ โดยปุ่มอยู่ไม่ไกลเกินความยาวของนิ้ว

มีกระจกส่องหน้าทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

ที่เปิดประตูเป็นแบบโครเมียม

มีพื้นที่วางของโดยที่ไม่ลื่นไหลหล่นได้

เบาะคู่หน้าขนาดใหญ่ อาจจะบดบังทัศนวิสัยของผู้นั่งโดยสารตอนหลังไปบ้าง

ฝาท้ายเปิดง่าย มีกลไกผ่อนแรง พร้อมช่องมือจับขณะเปิด-ปิด

ช่องเก็บของ กว้าง มีตะขอแขวนถุง 4 ตัว มีถาดรองชั้นบน พับขึ้นได้

เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับได้ 60:40

ห้องเครื่อง มองเห็นเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตรและแบตเตอรี่ GS ขนาดใหญ่ ไม่มีกั๊กเหมือนรถยนต์บางยี่ห้อ ที่ให้แบตเตอรี่ขนาดเล็ก แล้วต้องซื้อใหม่เป็นขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อแบตเตอรี่ที่แถมมาได้หมดอายุการใช้งาน

กุญแจรีโมท พร้อมระบบป้องกันการโจรกรรม TDS (Thief Deterrent System) ที่จะส่งสัญญาณเตือนเมื่อมีการบุกรุก

ทดสอบสมรรถนะในการขับขี่

ในการทดสอบ เราได้ใช้ถนนเลียบทางด่วนมอเตอร์เวย์ และระหว่างทางซึ่งเป็นซอยเล็ก มีโค้งและเนินเตือนให้ลดความเร็วภายในซอย เป็นเส้นทางจากโชว์รูมโตโยต้า เค มอเตอร์ รามคำแหง 38 ไปจนถึงบริเวณบ้านทับช้าง

เราพบว่า Toyata Yaris มีสิ่งที่น่าประทับใจอยู่มากมาย

• ระบบกันสะเทือนดีเยี่ยม ดูดซับแรงสะเทือนได้ดีมาก ห้องโดยสารนิ่ง ถนนขรุขระ ลูกระนาด หรือเนินแบบไหนก็ไม่หวั่น โช้คทำงานได้ดี นุ่มนวล ไร้ความหยาบกระด้าง
• ช่วงล่างดีเยี่ยม เกาะถนนดีมาก มั่นใจได้เต็มร้อยในขณะเข้าโค้งหรือเปลี่ยนเลนกระทันหัน ไม่มีอาการท้ายปัด ทรงตัวดี พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี จับถนัดมือ ควบคุมตัวรถได้อย่างมั่นใจและได้ดั่งใจ
• ประหยัดน้ำมันมากกว่า Vios อย่างชัดเจน เติมน้ำมัน 100 บาท วิ่งได้มากกว่า 45-50 กิโลเมตร (เฉลี่ยแล้ว 20 กม./ลิตร) สำหรับการใช้งานในเมืองที่ไม่ได้ใช้ความเร็วสูงเกิน 80 km/h
• แอร์เย็นเร็วเหลือเชื่อ ลมแอร์แรงทั่วถึงทุกมุมของห้องโดยสาร ปรับการตั้งค่าของแอร์ได้หลากหลายและละเอียด
• เบาะค่อนข้างนั่งสบาย ไม่แข็งหรือนุ่มเกินไป รองรับสรีระได้พอดี ปรับความสูงของเบาะผู้ขับได้หลายระดับ ตกแต่งห้องโดยสารได้ดูดีสวยงามเกินราคา

นั่นคือ 5 อย่างที่เห็นได้ชัดเจน และเหนือกว่ารถยนต์คู่แข่งในตลาดที่เป็น Hatchback 5 ประตูอย่างมาก ชนิดที่เรียกได้ว่า ชนะขาดลอย กับราคาประมาณ 5 แสนบาท แต่โตโยต้าจัดเต็ม ใส่ใจทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นขนาดตัวรถ ห้องโดยสาร ช่วงล่าง สมรรถนะ พวงมาลัย ช่วงล่าง การตกแต่ง วัสดุ ออพชั่นที่ให้มา และดีไซน์ที่ถือว่าเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของโตโยต้า ที่ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาเป็นจุดอ่อนของโตโยต้าเอง

ส่วนสิ่งที่ยังไม่น่าประทับใจ ก็มี

• ข้อบกพร่องหรือปัญหากวนใจทั้งหมดที่มีใน Vios ก็มีใน Yaris เช่นเดียวกัน
• เสียงเครื่องยนต์ดังรบกวนเข้ามาในห้องโดยสาร โดยเฉพาะเมื่อเครื่องยนต์กำลังทำงานในรอบสูง อยู่ในระดับที่ค่อนข้างน่าคาญ แต่ถ้าชอบฟังเพลงในขณะขับรถ ก็ไม่ใช่ปัญหา
• เสียงลมปะทะ และเสียงรบกวนภายนอกรถ เข้ามาในห้องโดยสารมาก การเก็บเสียงยังทำได้ไม่ดี
• เบาะสั้น ผู้นั่งที่มีความสูงเกิน 160 ซม. จะรู้สึกเมื่อยบ้าง เพราะไม่มีเบาะมารองใต้หลังเข่า
• ผู้โดยสารตอนหลัง ถูกเบาะคู่หน้าบังวิสัยทัศน์ มองได้แต่วิวด้านข้าง
• มองจอภาพของเครื่องปรับอากาศในขณะขับรถได้ยาก เพราะจอมุมต่ำเกินไป ใกล้คันเกียร์ ต้องถอยตัวหรือก้มดู
• ล้ออัลลอย มีเฉพาะในรุ่นสูงสุด
• เข็มขัดนิรภัยสำหรับที่นั่งตอนหลังคนกลาง เกะกะ รกสายตา
• หลังคาต่ำไปเล็กน้อย อาจมีปัญหาสำหรับบุคคลที่มีความสูงเกิน 180 ซม.
• ไฟท้ายขนาดใหญ่ ดีไซน์ล้ำ แต่ดวงไฟเล็กนิดเดียว ไร้ประโยชน์ มองเห็นได้ยากจากมุมด้านข้าง
• ไฟตัดหมอกด้านหลังที่ไม่มีความจำเป็นในประเทศไทย น่าจะเปลี่ยนเป็นแถมไฟตัดหมอกด้านหน้าแทน
• ปุ่ม Start น่าจะมีไฟรอบปุ่มในเวลากลางคืน

ในส่วนของสมรรถนะเครื่องยนต์ที่หลายคนคงสงสัยว่า ตัวรถที่ใหญ่มากขึ้น น้ำหนักรถที่มากขึ้น แต่ให้เครื่องยนต์เล็กลงเพียง 1.2 ลิตร จะเพียงพอหรือไม่ จากการทดสอบก็ถือว่า สมรรถนะแรงเพียงพอกับการใช้งานในเมือง ขับรถบนทางด่วน ขึ้นสะพานสูงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่พบว่ามีอาการเครื่องอืดแต่อย่างใด ในการทดสอบ มีบุคคลบนรถรวม 4 ท่าน แต่ก็สามารถเร่งแซงได้ปกติ ขับสนุก แรงบิดดีใช้ได้ ทรงตัวดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมันมาก แต่ไม่เหมาะสมกับการขับขี่ทางไกลที่ใช้ความเร็วเกิน 90 km/h เพราะอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะสูงขึ้นมาก

ระบบเบรคก็ทำได้ดีเยี่ยม น่าประทับใจทั้งช่วงล่าง เครื่องยนต์ ระบบกันสะเทือน เทียบกับราคาครึ่งล้าน เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร และสิ่งที่โตโยต้าให้มา ถือว่าคุ้มค่าครับ เป็นรถยนต์ที่ Perfect มากคันหนึ่งในตลาด

Toyota Yaris มีรุ่นและราคาให้เลือกดังนี้ครับ
Toyota Yaris 1.2 G CVT 5.99 แสนบาท
Toyota Yaris 1.2 E CVT 5.49 แสนบาท
Toyota Yaris 1.2 J CVT 5.19 แสนบาท
Toyota Yaris 1.2 J Eco 4.69 แสนบาท

ถ้าคุณกำลังมองหารถยนต์ Eco car แบบ Hatchback 5 ประตูที่เน้นใช้งานในเมือง ขับง่าย จอดง่าย ประหยัดน้ำมัน ไม่ต้องมองหาหรือเปรียบเทียบกับคู่แข่งครับ ฟันธงเลยว่า นาทีนี้ Toyota Yaris ดีที่สุด รวมทั้งมีความน่าสนใจมากกว่ารถยนต์ Eco car ที่เป็น 4 ประตู Sedan ด้วยซ้ำไป

Nissan March เจ้าตลาดรถยนต์ Eco car ที่เปิดตัวเป็นรายแรก สวยงามแบบคลาสสิค จนมียอดขายอันดับหนึ่งยาวนาน ตอนนี้มีโอกาสเสียแชมป์ให้กับ Yaris แล้ว เพราะ Yaris เหนือกว่าทุกด้าน ยกเว้นราคาที่ Yaris สูงกว่าแต่ก็คุ้มค่ากว่า

Honda Brio เบาะนุ่ม ขับสนุก เครื่องยนต์สมรรถนะดี แต่วัสดุและดีไซน์แย่ที่สุดในตลาด ต้องเจอปัญหาขายรถไม่ออกอย่างแน่นอน เพราะใครๆ ก็สนใจ Yaris กันหมดแล้วในเวลานี้

Suzuki Swift 1.2 ลิตร มีดีที่ดีไซน์ภายนอกสวยงามโดดเด่น ช่วงล่างใช้ได้ ภายในคับแคบไปหน่อย การขับรถในเมืองมีความคล่องตัวมากกว่า ส่วน Toyota Yaris ความคล่องตัวจะน้อยกว่า สวิฟท์ แน่นอน แต่ทดแทนด้วยภายในกว้าง นั่งสบาย ไม่อึดอัด ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนๆชอบไหนมากกว่า

Mitsubishi Mirage ดีไซน์จืดชืดทั้งภายนอกและภายใน วัสดุและความบอบบางของตัวถัง ภายในที่ออกแบบไร้ซึ่งศิลปะ ที่ดูเด่นมากคือประหยัดน้ำมัน เพราะตัวถังเบา คงไม่สามารถเทียบชั้นกับ Yaris ได้ แต่ราคาต่ำกว่า ก็ยังพอขายได้อยู่

(B-Segment) Mazda 2 และ Ford Fiesta ทั้ง 2 รุ่น ช่วงล่างดี เกาะถนน แต่มีความคับแคบของห้องโดยสาร

หรือจะเปรียบเทียบกับ Nissan Almera, Mitsubishi Attrage, Honda City, Toyota Vios ดูแล้ว Toyota Yaris ก็ยังมีจุดเด่นมากมายที่ตอบโจทย์กับชีวิตคนเมืองอยู่พอสมควร เป็นความลงตัวที่ถูกใจทั้งราคา ความประหยัด ดีไซน์สวยงาม สมรรถนะโดยรวม และบริการหลังการขาย นี่แหละ Toyota Yaris That’s right! มันใช่เลยจริงๆ

โตโยต้า ยาริส ราคา, ราคาเงินผ่อน, สเปคแต่ละรุ่น

ถ้าข้อมูลนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE + SHARE ให้ทีมงานหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ