รีวิว NISSAN ALMERA ขับสบาย ภายในกว้าง ประหยัดน้ำมัน
นิสสัน อัลเมร่า (Nissan Almera) “ความสุขที่กว้างขึ้น กับอีโคคาร์ 4 ประตูคันแรกของไทย” นี่คือข้อความที่เราคุ้นหูชินตากันเป็นอย่างดี จากโฆษณาที่มี โดม ปกรณ์ ลัม เป็นพรีเซนเตอร์ ทุกคนรู้จัก Nissan Almera อย่างรวดเร็วจากโฆษณาชิ้นนี้ ตอกย้ำความสำเร็จจาก Nissan March ซึ่งเป็น Eco car ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไทย
ปัจจุบัน เราเห็น Nissan Almera วิ่งบนท้องถนนมากมาย เป็นสิ่งที่ชี้วัดได้เป็นอย่างดีว่า Eco car ของนิสสัน ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในเมืองไทย ในครั้งนี้ 9carthai.com ก็ได้ทดสอบ Nissan Almera รุ่น VL CVT ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของ Almera 1.2L ราคาอยู่ที่ 5.99 แสนบาท
รถคันที่เราทดสอบ มีการตกแต่งเพียงเล็กน้อย ติดตั้งเบ้ามือจับประตูแบบโครเมี่ยม โครเมี่ยมที่ไฟเลี้ยวด้านข้างตัวรถ และกันสาดที่ขอบประตู ซึ่งไม่มีผลใดๆ กับสมรรถนะของรถ ใช้ยางและล้อเดิมที่ติดมากับตัวรถ ไม่ได้ใส่ชุดแต่งใดๆ เพิ่มเติม (แต่เปลี่ยนเสาอากาศวิทยุที่หลังคาให้เป็นแบบสั้นลง)
ช่องเติมน้ำมันอยู่ทางซ้าย ซึ่งนิสสันหลายรุ่นก่อนหน้านี้มีช่องเติมน้ำมันทางขวา
รุ่น VL จะมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 15″ ดีไซน์ธรรมดาๆ และยาง 185/65 R15 ยี่ห้อ Bridgestone
Almera VL เป็นรุ่นเดียวที่มีไฟตัดหมอกติดตั้งมาให้จากโรงงาน
โคมไฟหน้ารูปหยดน้ำ อาจจะดูเชยไปหน่อย เพราะเทรนด์ของไฟหน้ารูปทรงใหม่ของ Vios / City กำลังมาแรง
กระจังหน้าขนาดใหญ่ และขอบโครเมียม ทำให้ดูหรูหราเกินราคา
ตัวรถมีความยาว 4.425 เมตร ฐานล้อกว้าง 2.60 เมตร ใกล้เคียงกับรถยนต์ในกลุ่มขนาด B-segment ที่มีราคา 7 แสนถึง 1 ล้านบาทเลยทีเดียว นี่ถือจุดขายสำคัญของ Nissan Almera ราคาเริ่มต้นเพียง 4.29 แสนบาท แต่ได้รถยนต์ตัวถังขนาดใหญ่ ห้องโดยสารกว้างเทียบเท่ารถยนต์ที่มีราคาสูงกว่าเท่าตัว ใครที่เคยนั่ง Taxi รุ่นล่าสุดอย่าง Toyota Corolla Altis เป็นประจำ เรากล้าท้าพิสูจน์ ว่าห้องโดยสารของ Nissan Almera กว้างขวางโอ่อ่ากว่า และทัศนวิสัยรอบทิศของห้องโดยสารนั้นก็ดีกว่า ซึ่งราคาของ Corolla Altis รุ่นท็อป สามารถซื้อ Almera ได้สองคัน!
สีตัวรถที่ Nissan ใช้โปรโมท Almera ในช่วง 2-3 ปีแรก คือ สีน้ำตาล
ป้ายทะเบียนแบบยาว ก็สามารถติดตั้งได้ เอาใจคนที่ชอบใส่กรอบป้ายทะเบียนทรงยาว
ตัวรถมีความยาวเป็นพิเศษ กว้างสบาย เข้าออกได้สะดวก แต่หลังคาลาดต่ำไปหน่อย
กันชนหลัง กลมกลึง ไฟท้ายดีไซน์แปลกตาแต่ก็ดูลงตัว สปอยเลอร์ติดตั้งมาจากโรงงานทุกคันทุกรุ่น
โลโก้ Pure Drive กับเกียร์ Xtronic CVT ที่ให้ความนุ่มนวล ไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนระดับเกียร์
เปิดฝาท้ายได้ด้วยกุญแจหรือปุ่มใกล้ที่นั่งคนขับ
ไฟเบรคที่สปอยเลอร์ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มีให้ทุกรุ่น ทุกระดับราคาของ Almera
คิ้วฝาท้ายที่ติดโลโก้ Nissan เป็นสีเดียวกับตัวรถ ไม่ใช่โครเมียม
ดิสก์เบรคล้อหน้า และดรัมเบรคล้อหลัง เหมือนกันทุกรุ่นใน Almera
ช่องเก็บของที่ผู้โดยสารตอนหน้า ค่อนข้างเล็กไปหน่อย แต่มี 2 ช่อง โดยช่องบน เป็นแบบไม่มีฝาปิด ทั้งนี้เพราะต้องใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับการติดตั้งถุงลมนิรภัยนั่นเอง รุ่น VL มีถุงลมนิรภัยคู่หน้า
คอนโซลหน้า เครื่องเสียงแบบ 2-DIN สามารถเปลี่ยนได้อิสระ เอาใจคนเล่นเครื่องเสียงที่ชอบอัพเกรด หรือจะเปลี่ยนไปติดตั้ง GPS / Navigator / เครื่องเสียงแบบมีจอภาพสั่งงาน ก็ได้เช่นกัน
เครื่องปรับอากาศแบบดิจิตอล
ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ มีเฉพาะในรุ่น VL ท็อปสุดของ Almera เท่านั้น
เครื่องเสียง มีช่องต่อสัญญาณ Aux แต่ไม่มีช่องเสียบ USB เล่น CD MP3 ได้ จอแสดงผลแบบ Dot matrix ไฟเรืองแสงสีส้ม บันทึกสถานีวิทยุ FM ได้ 12 สถานี ปรับโทนเสียงทุ้มแหลมได้ +/- 5 ระดับ จอภาพเป็นนาฬิกาในตัว
มีช่องใส่แก้วน้ำ 2 หลุมเล็กใกล้เกียร์
ช่องใส่ขวดน้ำอีก 2 หลุม เสียดายที่น่าจะติดตั้งที่วางแขนเพิ่มเติมได้ จะมีประโยชน์มากกว่านี้
ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่ฝั่งซ้ายของพวงมาลัยด้านเดียว
ก้านไฟเลี้ยวและสวิตช์เปิดปิดไฟหน้ารถ
ปรับระดับการปัดน้ำฝนได้
ช่องลมไล่ฝ้าที่ขอบล่างกระจกหน้า
หลังคาสูง โปร่งโล่ง ไม่อึดอัด
กระจกส่องหน้าที่บังแดด มีเฉพาะด้านคนขับเท่านั้น
เข็มขัดนิรภัยปรับระดับสูงต่ำไม่ได้ แต่ก็อยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับสรีระคนไทยแล้ว
เกียร์อัตโนมัติมีปุ่ม Overdrive ดีไซน์เรียบง่ายสไตล์ Eco
ความแรงของลมจากเครื่องปรับอากาศ ปรับได้ 7 ระดับ จากการทดสอบ พบว่าเครื่องปรับอากาศทำงานได้น่าพอใจ เงียบกว่ารถยนต์หลายรุ่น เย็นเร็ว เย็นทั่วถึงในห้องโดยสาร
เครื่องขยายเสียง ต่อกับลำโพง 4 ตัวแบบ Full-range ที่ประตูทั้ง 4 บาน ให้คุณภาพเสียงได้สมราคา
ตำแหน่งของลำโพงที่ประตูรถ
มาตรวัดเรืองแสง ปรับความสว่างได้หลายระดับ
แตร ที่พวงมาลัยทรงกลมดูเรียบง่าย
ไฟเรืองแสงที่มาตรวัด สว่าง อ่านง่าย เห็นได้ชัดเจนอย่างมาก มีจอภาพแสดงนาฬิกา ระดับน้ำมัน อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน และความร้อนในห้องเครื่อง พร้อมสถานะของเกียร์
ไฟส่องสว่าง 1 ดวงสำหรับอ่านแผนที่
ทัศนวิสัยในการขับขี่ ถือว่าดีใช้ได้ แต่เสาใกล้กระจกมองข้างดูหนาเกินไปเมื่อติดตั้งกันสาด
ช่องจ่ายไฟ 12 V.
บานประตูขนาดใหญ่ น้ำหนักเบา เปิดโดยออกแรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เข้าออกจากตัวรถได้อย่างสะดวก
คันโยกสำหรับปรับความสูง-ต่ำของเบาะผู้ขับขี่
พวงมาลัย ปรับสูง-ต่ำได้
ปุ่มเปิดฝาถังน้ำมันและฝากระโปรงหน้า
สวิตช์ปรับมุมกระจกมองข้าง และพับกระจกมองข้าง
ปุ่ม Idle stop (ระบบหยุดการเดินเบา) อยู่ใต้ปุ่มปรับกระจกมองข้าง
ปุ่มปรับกระจกไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ 2 จังหวะ
เบาะผ้าและพนักพิงศีรษะ ที่ถือว่านั่งสบาย ไม่ค่อยมีอาการเมื่อยล้าในทุกส่วนของร่างกายเมื่อต้องขับรถเป็นเวลานาน ถือว่าออกแบบได้ดีแม้ว่าเป็นเพียงรถยนต์ Eco car
กระจกมองข้าง มุมมองแคบไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรในการขับรถ
ที่เปิดประตู เป็นโครเมียมทุกบาน เปิดง่าย ออกแรงนิดเดียว นอกจากนี้ยังมีที่วางแขนและช่องใส่ขวดน้ำอีกด้วย
เข้าออกจากตัวรถได้สะดวก เพราะห้องโดยสารมีขนาดใหญ่กว้างสบาย หลังคาสูง ไม่ต้องโน้มตัวลงมามากนัก
เบาะมีเพียงสีโทนดำอย่างเดียว ไม่มีสีอื่นให้เลือกไม่ว่าจะเป็น Almera รุ่นย่อยใดก็ตาม
เบาะนั่งตอนหลัง นั่งได้อีก 2-3 คน
เบาะนั่งตอนหลัง ก็นั่งสบาย เบาะไม่เล็ก รองรับต้นขาได้เป็นอย่างดี พื้นที่ที่วางเท้าและระยะจากหัวเข่าไปถึงหลังเบาะหน้า ก็เหลือมากพอที่จะวางถุงเหมือนในแบบโฆษณาได้ มีที่วางแขนพร้อมที่ใส่แก้วกาแฟอีกด้วย
การเข้าออกห้องโดยสารตอนหลัง ก็สะดวก ไม่ต้องกลัวว่าศีรษะจะชนขอบประตู
ดูกันชัดๆ ว่ากว้างพอสำหรับการนั่งไขว่ห้างได้จริง
เบาะคู่หน้า สามารถปรับมุมเอนนอนได้
พนักพิงศีรษะผู้โดยสารตอนหลัง สามารถปรับความสูงได้ แต่ที่นั่งตรงกลางจะแข็ง เหมาะกับเด็กตัวเล็กๆ มากกว่า รวมทั้งผู้ที่มีความสูงเกิน 180 ซม. หากนั่งแบบยืดหลังตรง ศีรษะอาจจะเสมอเพดานพอดี
ตำแหน่งลำโพงและที่วางแขนบริเวณประตูหลัง
ระดับความสูงและหนาของที่วางแขน ถือว่าออกแบบมาได้พอดีกับสรีระ
มุมมองขณะหันไปเมื่อถอยรถ ถือว่าทัศนวิสัยดี เสาไม่หนาจนบดบัง
กระจกที่ประตูเป็นทรงแหลม ถอยรถแบบเลี้ยวได้สะดวก กระจกสามารถเลื่อนลงมาได้สุด
ฝากระโปรงหลังเปิดง่าย มีไฟส่องสว่างในห้องสัมภาระด้วย
ความจุเหลือเฟือสำหรับ Eco car คันนี้ ข้อดีของรถยนต์ 4 ประตูซีดาน อยู่ที่จุดนี้
ล้อสำรองและอุปกรณ์เปลี่ยนยาง
เครื่องยนต์ 3 สูบ 1.2 ลิตร 79 แรงม้า สมรรถนะดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ
ฝาปิดถังน้ำมัน ต้องเปิดจากภายในรถเท่านั้น รองรับ Gasohol E20 หรือ E10 ก็ได้ แต่ในการทดสอบครั้งนี้ เราได้เติม E10 ที่มีค่าออคเทน 91 เท่านั้น
เป็น Eco car แต่กุญแจรถรุ่นนี้ จัดเต็มออพชั่นมาเลยทีเดียว
กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligence key พร้อมระบบ Immobilizer และ Panic alarm มีในเฉพาะรุ่น VL เท่านั้น ทำให้เปิดฝาท้ายได้อย่างสะดวกจากรีโมท และเก็บซ่อนปลายกุญแจได้ ทำให้ปลายกุญแจไม่ไปขีดข่วนของอื่นๆ ในกระเป๋า
ทดสอบรถ
เส้นทางที่เราใช้ทดสอบขับ เป็นถนนราชพฤกษ์ในช่วงค่ำ ซึ่งสามารถทำความเร็วได้ดี การจราจรไม่ค่อยหนาแน่น ทดสอบเร่งแซงได้ ผิวถนนเรียบดี ไม่ค่อยมีการปะซ่อมแซมผิวการจราจร และไม่มีจุดกลับรถที่เกาะกลางถนน วัดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ที่ 19.8 กม./ลิตร
โดยใช้น้ำมัน Gasohol 91 E10 ขับที่ความเร็ว 85-105 กม./ชม. มีรถคับคั่งพอสมควร จึงไม่สามารถขับด้วยความเร็วคงที่ได้ตลอดเวลา จะต้องแซงรถคันหน้าเป็นระยะๆ เปิดแอร์ 24 องศา ความแรงพัดลมเกือบสุด ในรถมีผู้ขับและผู้โดยสารอีก 2 คน ซึ่งน่าจะเป็นการทดสอบที่ใกล้เคียงกับสภาพการใช้จริงที่สุดแล้ว ไม่ได้มีการใช้วิธีใดๆ เพื่อให้ได้ตัวเลขประหยัดน้ำมันที่สูงเป็นพิเศษ ทดสอบอย่างเป็นกลางที่สุด
ใน Catalog ของ Nissan ระบุว่า Almera ให้อัตราการสิ้นเปลือง 20 กม. ต่อน้ำมัน 1 ลิตร ซึ่งเราสามารถทำได้มากกว่าที่ Nissan ระบุแน่นอนถ้าไม่เปิดแอร์แรงเกินไปและขับรถแบบไม่มีผู้โดยสารเลย แต่เราทดสอบภายใต้เงื่อนไขจากใช้งานจริง ตามที่ระบุข้างต้น แล้ววัดได้ 19.8 กม./ลิตร จากมาตรวัดบนจอภาพของตัวรถ ถือเป็นตัวเลขที่เราประทับใจอย่างมาก
การเร่งแซง ทำได้ดีเยี่ยม สมรรถนะของเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 3 สูบ 79 แรงม้า เราไม่นึกว่าจะให้แรงบิดได้ดีขนาดนี้ แม้ว่าเติมน้ำมันที่มีค่าออคเทนเพียง 91 แต่ก็สามารถเร่งแซงได้อย่างว่องไวบนถนน ไม่มีอาการหน่วงอืด ตอบสนองได้ดั่งใจ ดีกว่า Honda City 1.5 อย่างไม่น่าเชื่อ City นั้น ตามสเปคแล้ว สมรรถนะดีกว่า Almera มาก แต่ในการใช้งานจริงกลับตรงกันข้าม ขับบนถนนที่ความเร็วเท่ากัน City เปลืองน้ำมันกว่ามาก และเร่งแซงไม่ขึ้นในทุกครั้ง
ความรู้สึกในการทดสอบขับ Almera มันคล้ายกับ March ที่เราเคยทดสอบมาก่อนหน้านี้ คือ พวงมาลัยเบา ทำให้การเลี้ยวในซอย การกลับรถที่วงเวียนในหมู่บ้าน การถอยเข้าจอด สามารถทำได้สะดวกและขับสนุกอย่างมาก แต่เมื่อขับรถด้วยความเร็วที่สูงขึ้น พวงมาลัยก็ไม่ค่อยหนักขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น สาวๆ น่าจะถูกใจ เพราะขับไม่เหนื่อย เลี้ยวสะดวกมากๆ แต่ก็ต้องมีสติ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ถ้าตกใจแล้วหักพวงมาลัยหลบอย่างรวดเร็ว จะอันตรายอย่างมาก
Almera เป็นรถยนต์ Eco car ที่ขับสนุกอย่างมากคันหนึ่งในตลาด ออกตัวได้ว่องไว ระบบการบังคับเลี้ยวและเร่งเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้ดีเยี่ยม เร่งแซงได้สนุก ขับจอดสะดวกมาก ขับง่าย ทัศนวิสัยในการขับที่ดี มุมมองกว้าง เบาะสูง ห้องโดยสารกว้างสบาย ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ใช้ได้ทั้งการขับในเมืองและเดินทางไกลไปเที่ยวต่างจังหวัด และราคาเพียง 4-5 แสนบาท มันคือที่สุดของความคุ้มค่าอย่างแท้จริง ตอบโจทย์ได้ครบถ้วน น่าใช้งานมากกว่ารถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรบางรุ่นในตลาดด้วยซ้ำไป ยิ่งถ้าเติมน้ำมัน E20 ก็ยิ่งแรงสะใจมากขึ้นไปอีก แถมน้ำมันยังมีราคาถูกกว่า E10 อีกด้วย
คู่แข่งในตลาด
ในตลาดรถยนต์ Eco car มีเพียง Mitsubishi Attrage และ Honda Brio Amaze เท่านั้นที่เป็นคู่แข่งสำคัญ และเป็นรถยนต์แบบเก๋ง 4 ประตูซีดานเหมือนกัน ส่วน Eco car อื่นๆ เป็นแบบ Hatchback 5 ประตู ที่มีขนาดเล็กและสั้นกว่ามาก ใส่สัมภาระท้ายรถได้น้อย ใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไม่ได้ จึงไม่ขอนำมาเปรียบเทียบกับ Nissan Almera
มิตซูบิชิ แอททราจ เป็น Eco car 4 ประตูที่ต่อยอดมาจาก Mirage ออกแบบในสไตล์ที่เน้นความหรู กระจังหน้าเป็นซี่โครเมียมขนาดใหญ่ สวยงามโดดเด่นเหมือนรถหรูย่อส่วน ห้องโดยสารกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าดูภายนอกแล้ว มิติตัวรถดูสั้น นั่งสบายพอสมควร ออกแบบภายในดูสวยงามลงตัวคุ้มค่ากับราคา ช่องเก็บสัมภาระท้ายรถก็มีความจุมาก มีชุดแต่งสวยๆ ของแท้จาก Mitsubishi ให้เลือกมากมาย เป็นรถที่แต่งก็ยิ่งดูสวย มีออพชั่นเป็นไฟ Daytime LED สีขาวที่สวยงาม
ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ ที่เราคุ้นตากันบ้างกับโฆษณาที่มี บี้ เดอะสตาร์ มาเป็นพรีเซนเตอร์ ตัวรถพัฒนาต่อยอดเพียงเล็กน้อยมาจาก Honda Brio ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ฉาบฉวย เพราะแทบไม่มีอะไรแตกต่างจาก Brio 5 ประตู ตัวรถดูสั้นป้อม ดีไซน์ด้านหน้าไม่สวยงาม แพ้คู่แข่งแบบขาดลอย แต่มีจุดเด่นที่แบรนด์ฮอนด้า การบริการหลังการขายที่มั่นใจได้ และสมรรถนะเครื่องยนต์กับการเกาะถนนถือว่าดีใช้ได้ ในเรื่องความปลอดภัย ยังเป็นจุดอ่อนอย่างมาก เพราะใช้โครงสร้างที่เปราะบางมากเหมือน Brio
หากเน้นเรื่องตัวรถขนาดใหญ่ เน้นความกว้างสบาย ขับสนุก เน้นความแรงสะใจวัยรุ่น และประหยัดน้ำมัน Nissan Almera จะดูเหนือกว่าคู่แข่ง เป็นรถที่แต่งแล้วก็ดูสวยงามพอสมควร แต่ยังติดภาพหรูมากกว่าความสปอร์ต ในขณะที่ Mitsubishi Attrage เป็นรถยนต์ Eco car ที่ตกแต่งแล้วดูสปอร์ตที่สุดในกลุ่ม แฝงความหรูผสานความสปอร์ตอย่างลงตัว วัสดุการตกแต่งภายในก็ถือว่าสมราคา หากเน้นแบรนด์และการบริการก็คงต้องเลือก Honda Brio Amaze ที่มีศูนย์บริการมากมายทั่วประเทศ ไม่เน้นการตกแต่งรถ ชอบสไตล์ Original และไม่แคร์เรื่องวัสดุกับความกว้างภายในห้องโดยสาร
วรพล ลิ่มศิริวงศ์ ผู้เขียน
นิสสัน อัลเมร่า ราคา, ตารางเงินผ่อน, สเปคแต่ละรุ่น
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
ไฟท้ายดูด้านข้างไม่สวยครับคือจะเหลี่ยมก็ไม่เหลี่ยมจะมนก็ไม่มนไม่ไปทางไหนสักทาง ดูเชยกว่าเพื่อนเหมือนยุคเก่า