
รีวิว Suzuki Ciaz RS หล่อขึ้น ทันสมัยกว่าเดิม คงความเป็น Eco Sedan ที่นั่งสบาย หรูหรากว่าใคร
หากพูดถึง รถ Eco Car Sedan ที่มีพื้นที่ใช้สอยอย่างกว้างขางแล้วล่ะ ก็ หลายคนคงต้องนึกถึงรถ Suzuki Ciaz RS อย่างแน่นอน
แต่เมื่อช่วงปลายปีที่แล้วทาง Suzuki ได้เปิดตัว Ciaz RS ใหม่ ซึ่งภายหลังการเปิดตัว Ciaz มาเพียง 1 ปี เพื่อเอาใจคอสปอร์ตที่ชื่นชอบการแต่งรถในรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น
ซึ่งในวันนี้เอง 9carthai ของเราจะขอมาพิสูจน์นำเสนอกันกับรีวิว Suzuki Ciaz RS ใหม่ คันนี้กันครับ
Suzuki Ciaz RS ที่จริงต้องเรียกว่า ชื่อเต็มว่ารุ่น GLX CVT RS เพราะนำเอารุ่นท๊อป GLX มาแต่งหล่อ
เสริมความสปอร์ตรอบคัน พร้อมสปอยเลอร์หลัง ที่มาพร้อมไฟเบรคดวงที่ 3,
ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 16”
และโลโก้ RS ที่ฝากระโปรงท้าย โดย Ciaz RS มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีแดง ใหม่ Ablaze Red Pearl, สีขาว Snow White Pearl และสีดำ Super Black Pearl
สำหรับมิติตัวถังยังนั้น ยังคงพื้นฐานจาก Suzuki Ciaz เดิม มีความยาว 4,490 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,485 มม. ระยะฐานล้อ 2,650 มม. ซึ่งตัวเลขเหล่านี้บ่งบอกได้ว่า Suzuki Ciaz นั้นมีมิติรถที่ถูกจัดได้ว่าอยู่ในกลุ่มของรถ Compact (C-Segment) ด้วยซ้ำ เพราะ หากเทียบกับเพื่อนๆ Eco Car คันอื่นๆ ไม่มีคันใดที่มีขนาดมิติใหญ่เท่ากับ Suzuki Ciaz ได้เลย
แต่ด้านน้ำหนัก Suzuki Ciaz กลับมีน้ำหนักที่ระดับเพียง 1 ตัน ซึ่งมีน้ำหนักที่เบาทีเดียวหากเทียบกับน้ำหนักตัว กับ Eco Car Sedan คันอื่นที่มีมิติตัวเล็กกว่า
ขณะที่ Ciaz RS พื้นที่เก็บสัมภาระฝากระโปรงท้ายยังคง กว้างใหญ่จุสะใจถึง 565 ลิตร ซึ่งความจุระดับนี้น่าจะเทียบเท่ารถ D-Segment ได้เลย
ภายในห้องโดยสาร เมื่อเปิดประตูด้วยระบบ Keyless เข้ามา จะพบว่า Suzuki Ciaz RS ได้ปรับจากวัสดุหุ้มเบาะแบบผ้าเป็นหนังแบบสปอร์ตสีดำ
มีการเพิ่มลูกเล่น อย่างระบบอินโฟเทนเมนต์ Suzuki Smart Connect รองรับระบบเชื่อมต่อจาก Apple CarPlay และ Bluetooth ผ่านการควบคุมด้วยเสียง หนาจอระบบสัมผัสขนาด 7” และระบบนำทาง เรียกได้ว่าเทคโนโลยีเพิ่มมาอย่างครบครัน โดยยึดตาม Concept Listen-Call-Drive-Connect
ขณะที่ ระบบ Keyless Entry, Push Start, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, ระบบควบคุมการสั่งการโทรศัพท์ (เชื่อมต่อ Bluetooth), พวงมาลัยที่มาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย น่าเสียดายที่ไม่มี Paddle Shift และ Cruise Control มาให้ เหมือนอย่างใน Swift RX
นอกนั้นรายละเอียดอื่นๆ ยังคงออปชั่นไว้ครบตามแบบฉบับ Ciaz GLX
อาทิ ช่องเก็บของขนาดใหญ่ ซึ่งกดเลื่อนเปิด-ปิดช่องได้ มีที่เสียบจ่ายไฟ 12 โวลต์ และที่เสียบ USB/AUX แถมวางขวดน้ำได้ 2 ขวด ขณะที่ตำแหน่งวางขวดน้ำทั้งสิ้นในรถคันนี้มี 8 ตำแหน่ง (ประตูทั้ง 4 บาน + ที่เทาแขนเบาะหลัง2 ขวด + ช่องวางของด้านหน้า 2 ขวด)
จุดขายของ Ciaz ที่ลืมพูดไม่ได้ นั่นก็คือ พื้นที่ห้องโดยสารตอนหลังที่กว้างขวางสุดสบาย ให้ผู้โดยสารที่มีส่วนสูงระดับ 180 ซม. มานั่ง 3 คน ได้อย่างไม่อึดอัด
Leg Room เหลือเฟือ นั่งตอนหลังไขว่ห้างได้ แต่จุดที่เรารู้สึกอดอัดไปนิด คือ เบาะนั่งช่วงบนที่องศาของพนักศรีษะจะชันตั้งตรงไปหน่อยจึงอาจทำให้เมื่อยช่วงคอไปบ้าง
และอีกจุดเลยก็คือ การเก็บเสียงอันยอดเยี่ยม ที่ระดับ 120-140 กม./ชม. (ยกเว้นเสียงเครื่องยนต์ขณะเร่งเครื่องรอบสูงที่ยังดัง) มันยังทำได้ดีกว่ารถ Compact Car ในหลายรุ่น ซึ่งได้ผลมาจากการใช้วัสดุซับเสียงเก็บรายละเอียดตามจุดต่างๆ
สำหรับเครื่องยนต์ Suzuki Ciaz จะเป็น K12B ที่ถูกวางประจำการใน Swift Eco มีความจุ 1.25 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า@ 6,000rpm และแรงบิดสูงสุด 118Nm@4,800rpm รองรับน้ำมัน E20 ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT พิมพ์นิยม
ทันทีที่ กระแทกคันเร่งจมในการออกตัว กับรถ อีโคซีดาน คันนี้เราก็ยอมรับสภาพทันทีในเรื่องของการตอบสนองคันเร่งไฟฟ้า ที่ดูจำหน่วงเท้า และต้องเค้นน้ำหนักเอาเรื่องทีเดียว ทำให้การใช้งานในเมืองที่ต้องเน้นอัตราเร่งเป็นส่วนใหญ่นั้น ดูจะน่าหงุดหงิดไปบ้าง หากต้องรีบขับให้พ้นช่วงไฟแดง แต่โดยรวมกับการใช้งานเมื่อเทียบกับสรีระของรถที่ค่อนข้างใหญ่แล้ว มันก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว ในหลายครั้งที่ต้องการอัตราเร่งเราอาจใช้ปุ่ม Sport (Overdrive) ที่อยู่บนหัวเกียร์ช่วยได้ ซึ่งปุ่มนี้จะทำงานได้ทั้งตำแหน่งเกียร์ D และ L ซึ่งจะโชว์ตำแหน่งเกียร์บนแดชบอร์ดด้วย Ds หรือ Ls หากคุณกดปุ่ม Sport เอาไว้
การขับใช้งานแบบไม่ตึงเครียดตามสไตล์รถครอบครัวที่ความเร็วระดับ 80-100 กม. ช่างเป็นอะไรที่สุนทรีย์มากๆ ทั้งความนุ่มนวลในการขับขี่ การเก็บเสียงที่ทำได้ยอดเยี่ยมเกินรถอีโคคาร์
หากขับแบบลอยลำที่ความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. @1,450rpm และที่ความเร็ว 100 กม./ชม.@1,700rpm การที่จะเพิ่มความเร็วขึ้นไปนั้นดูจะเป็นเรื่องยากสักเล็กน้อยเนื่องจากการใช้อัตราทดเฟืองท้ายที่ต่ำ รถมีอาการเหมือนไร้กำลังหากต้องการไต่ความเร็ว ซึ่งคงต้องใช้การกดปุ่ม Sport หรือ Kick Down แทบมิด เพื่อเรียกกำลังรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นออกมา
ขณะที่การทำความเร็วสูง ใน Ciaz คันนี้ ก็ยังทำได้ดี ในระดับที่ Swift นั้นเคยทำได้ Ciaz คันนี้สามารถพาคุณไต่ระดับไปที่ความเร็วระดับ 170 กม./ชม. ได้อย่างไม่ยากเย็นจนเกินไปหากมีเส้นทางที่โล่งยาวพอ แต่เอาเป็นว่าเน้นขับใช้งานแบบรถครอบครัวเน้นความสบาย มีรีบบ้างเป็นครั้งคราว Ciaz คันนี้ไม่ทำให้ลำบากอย่างแน่นอน
ด้านอัตราสิ้นเปลือง จากการใช้งานเดินทางไกลของเรา น้ำมันครึ่งถังที่หมดไปจะวิ่งไปได้ราว 330 กม. (น้ำมัน E20) กับ ซึ่งก็ถือว่าทำได้ไม่เลว กับการเดินทางไกล + รถติดในช่วงชานเมือง และรถติดในเมืองอีกเล็กน้อย ในขณะที่ค่าอัตราสิ้นเปลืองบนแดชบอร์ดแสดงราวๆ 15-16 กม./ลิตร น่าเสียดายอีกนิด ถ้ามีระบบ Idling Stop ติดตั้งมาด้วยน่าจะช่วยให้ประหยัดได้ดียิ่งกว่านี้อีก
ระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัย 3 ก้านหุ้มหนัง ผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งดูการทำงานของมอเตอร์จะค่อนข้างส่งเสียงดังไปเสียหน่อย ในช่วงสาวพวงมาลัยเพื่อจอดรถ แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นที่จะพูด เพราะ คาแรกเตอร์ของพวงมาลัย Ciaz นี้ต่างกับ Swift RX ที่ผู้เขียนได้ทดสอบเมื่อปลายปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ข้อดี คือ ความเบาคล่องตัว ช่วยผ่อนแรงได้ดีเยี่ยมมอบความสะดวกสบายถูกมือคุณผู้หญิงอย่างแน่นอน แต่ทว่า ข้อเสียมัน คือ น้ำหนักที่เบาหวิว จนทำให้ไม่รู้สึกถึงน้ำหนักในการควบคุมวงเลี้ยว จนทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในบางจังหวะนัก
ตรงกันข้ามกับ Swift ที่ดูจะหนักในช่วงสาวพวงมาลัย แต่ค่อนข้างแน่นหนึบมือ มีน้ำหนักที่เหมาะสมเมื่อขับขี่ที่ความเร็วเพิ่มขึ้น รวมถึงช่วยโค้งต่อโค้ง พวงมาลัย Swift จะมอบความสนุกสนานและการเข้าโค้งที่ดีกว่า
ซึ่งนั่นเราก็ต้องยอมรับ ถึงสไตล์ของการเซ็ทที่ต่างกัน เพราะว่า Ciaz คือ รถครอบครัวเน้นความสะดวกสบายในการใช้งานนั่นเอง
ระบบกันสะเทือน ด้านหน้า แมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมคอยล์สปริง ด้านหลัง ทอร์ชั่นบีมพร้อมคอยล์สปริง
ช่วงล่างของ Suzuki Ciaz ถือว่าเซ็ตมาได้อย่างลงตัว นุ่มนวล นั่งสบาย ซับแรงดี จัดได้ว่าเป็นช่วงล่างของรถอีโคคาร์ ที่ดีที่สุดคันหนึ่ง ซึ่งจะว่าตามจริง Ciaz RS นั้น ไม่ได้มีอาการช่วงล่างที่แตกต่างจาก Ciaz GLX อย่างมีนัยสำคัญ นอกเสียจากการใช้ล้ออัลลอยขอบ 16” ซึ่งอาจจะแข็งกว่าเล็กน้อยเนื่องจากแก้มยางที่เตี้ยลงอีกนิด
การขับขี่ในเมืองทำได้น่าชื่นชม สบายอย่างไร้ที่ติ แต่การขับขี่ที่ค่อนข้างใช้ความเร็ว ซึ่งหากนั่งเพียง 1-2 คน เราจะพบว่าอาการช่วงล่างที่นิ่มนี้ อาจไม่เหมาะแก่การขับด้วยความเร็วเท่าใดนัก ที่ระดับ 120 กม./ชม. ขึ้นไปอาจจะเริ่มมีหวิวๆกันบ้าง ซึ่งขึ้นกับสภาพพื้นผิวถนน ok แน่นอนว่า Swift คงจะให้การขับขี่ที่มั่นใจ และสนุกได้มากยิ่งกว่า แต่สำหรับการขับขี่ในทางโค้งนั้นผู้เขียนรู้สึกว่า Ciaz ทำหน้าที่ได้ไม่เลวเลย ด้วยระยะฐานล้อที่กว้าง แม้ช่วงล่างนิ่มแต่ยังคงยืดหยุ่นตัวได้ดีพอสมควร แม้จะเป็นช่วงล่างหลังแบบคานแข็งก็ตาม ทำให้การเข้าโค้งของ Ciaz นั้นดูดีกว่าเพื่อน ซึ่งเทียบชั้นได้ในระดับของรถยนต์ Compact Car คันอื่นด้วยซ้ำ ยกเว้นเสียเรื่องเดียว คือ ยาง Eco (Ecopia) ที่อาจลดทอนสมรรถนะในการยึดเกาะอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเหมาะสมแล้วสำหรับรถ Eco Car
ระบบเบรก ด้านหน้าดิสก์พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังเป็นแบบดรัมเบรก ให้การหยุดชะลอความเร็วทำได้ดีไว้ใจได้เช่นเคย น้ำหนักของเบรกเท้า ดูไม่ทื่อเท่ากับรถ Eco Car จากค่ายอื่นๆ นอกจากนี้ด้วยตัวรถที่มีขนาดกว้าง ทั้งระยะฐานล้อ และขนาดตัว ทำให้ Brake Balance นั้นทำได้ดี มั่นคงแม้ในจังหวะที่ต้องเบรกหนัก (Hard Braking) ก็ตาม
สรุป Suzuki Ciaz RS ใหม่ รถ อีโคซีดาน ที่นำรุ่นท๊อป GLX มาปรับแต่งเพิ่มเติม เน้นรูปลักษณ์สปอร์ตมากขึ้น ดังนั้นหากคุณเป็นผู้ที่กำลังมองหารถยนต์นั่ง 4 ประตู พร้อมเดินทางแบบครอบครัว ตอบโจทย์ด้วยความกว้างขวาง สะดวก นั่งสบาย ดีไซน์หรู ออปชั่นพอได้ แต่หน้าตาหล่อสปอร์ต
แม้สมรรถนะ Ciaz RS อาจจะไม่ใช่ Eco Car ที่ขับดีที่สุด แต่ว่า จะมีสักกี่คนที่ต้องการเอา Eco Car ไปซิ่งล่ะ เพราะเรื่องการใช้งานทั่วไป Ciaz RS นี้ ถือว่าตอบโจทย์ที่สุดคันหนึ่งก็ว่าได้
จุดเด่น
จุดที่อยากให้มีเพิ่มเติม
ขอขอบคุณ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) สำหรับรถทดสอบ Suzuki Ciaz RS ราคา 6.75 แสนบาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carthai
Suzuki Ciaz มีรุ่น และราคาดังนี้
GLX CVT RS ราคา 675,000 บาท *รุ่นที่ใช้ในการทดสอบ
GLX CVT ราคา 625,000 บาท
GL CVT ราคา 559,000 บาท
GL MT ราคา 523,000 บาท
GA MT ราคา 484,000 บาท
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Suzuki Ciaz RS หล่อขึ้น ทันสมัยกว่าเดิม คงความเป็น Eco Sedan ที่นั่งสบาย หรูหรากว่าใคร "