
รีวิว Triumph Bonneville นีโอ-คลาสสิค ดีไซน์อนุรักษ์นิยม เพิ่มเทคโนโลยีทันสมัย
สวัสดีครับ เพื่อนๆ 9carthai หลังจากที่เรานำเสนอ รีวิว Triumph Thruxton R กันไปแล้ว วันนี้เราขอมาต่อกันที่ Bonneville T120 ซึ่งแป็นคู่แฝดคนละฝากันต่อครับ
Bonneville T120 ถือได้เป็นรถคลาสสิคแบบดั้งเดิม โดยถอดแบบรถดั้งเดิมแท้ๆ มาจาก 1959 Bonneville ปรับพัฒนาให้เป็นรถคลาสสิคร่วมสมัยยิ่งขึ้น ดูเผินๆ รูปทรงอาจจะคล้ายกับ T100 แต่ T120 จะเห็นหม้อน้ำวางยาวอยู่เป็นตระหง่าน และการใช้จานดิสก์หน้าคู่ นั่นจึงทำให้รถคันนี้ดูทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
Bonny T120 นั้นจะใช้ตัวถังสีทูโทน ที่คงดีไซน์คลาสสิค แต่ยังติดหรูจากการใช้โครเมียมตกแต่ง อาทิ
ท่อไอเสียทรง Pea Shooters ที่ชุบโครมตั้งแต่คอท่อยันปลาย เข้ากันกับแคร้งเครื่องยนต์, เพลท Triumph และมือจับหลัง
สำหรับล้อเป็นแบบซี่ลวด สวมยางหน้าไซส์ 100/90/R18 หลัง 150/70/R17 จาก Pirelli Phantom (ยางเหมือน Street Twin)
ขณะที่ไฟหน้า, ท้าย, เลี้ยว ทั้ง Thruxton R และ T120 เป็นแบบเดียวกัน
มาตรวัดแบบอนาล็อกปนดิจิตอล ทรงถ้วยคู่ ทางฝั่งซ้ายวัดความเร็ว ฝั่งขวาวัดรอบเครื่อง
หน้าจอดิจิตอล ทางด้านซ้ายแสดงผล Odo และเซ็ททริป, เซ็ท TTC, บอกตำแหน่งเกียร์ ทาฝั่งขวา เกจ์น้ำมัน, Riding Mode, อัตราสิ้นเปลือง, ระยะทางคงเหลือที่วิ่งได้
สวิทช์ทางฝั่งซ้ายมีปุ่ม i ที่ใช้บังคับเลือกตั้งค่าต่างๆ และปุ่มไฟ Pass (เมื่อเปิดไฟ DRL แต่ถ้าเปิดไฟหน้าปกติ จะทำหน้าที่เป็นสวิทช์ไฟสูงซึ่งต้องกดเปิด-ปิด)
ขณะที่สวิทช์ไฟฉุกเฉินจะไปอยู่ทางฝั่งขวา ร่วมกับปุ่มปรับ Riding Mode
*ในรุ่น T120 นี้จะสามารถปิดระบบอิเล็กโทรนิคได้เพียง TTC เท่านั้น
ปลอกแฮนด์ขนาดอวบอิ่มเต็มมือ ให้ปุ่ม Heated Grip มาใช้งานอีกด้วย
ก้านคลัช ปรับ 4 ระดับ
ก้านเบรกปรับ 5 ระดับ
ขณะที่ไฮไลท์ของตระกูล Triumph Bonneville ใหม่ อยู่ที่ช่องจ่ายไฟ USB ใต้เบาะ
Bonneville T120 เพิ่มขาตั้งคู่มาให้ด้วย
ด้านความสูงเบาะไม่เตี้ยไม่สูง 785 มม. (แต่สูงกว่า Street Twin ถึง 35 มม.)
น้ำหนัก 224 กก. (Dry)
ความจุถังน้ำมัน 15 ลิตร (T120)
สำหรับท่านั่งขี่นั้น
ที่จริงแล้ว Bonneville T120 มีท่านั่งคล้าย Street Twin แต่มีบอดี้ที่ใหญ่กว่า ด้วยแฮนด์ที่ยกสูงพอสมควร และงุ้มเข้าหาลำตัวเล็กน้อย จึงทำให้ท่านั่งนั้นดูเหมือนจะถูกบล๊อกหลังให้ตรง ซึ่งก็ถือเป็นสไตล์ท่านั่งรถคลาสสิคทั่วไปที่ขี่ได้สบาย ไม่ต้องตึงเครียดกับการเค้นความเร็วในการเดินทางนัก แต่ถ้าขี่เร็ว จะพบว่าท่านั่งโต้ลมมากทีเดียว และการหมอบก้มลงจะทำได้ลำบากพอสมควร ขณะที่ถังน้ำมันที่เว้าแบบเดียวกับ Thruxton แต่มียางรองเพิ่มเข้ามากลับดูไม่กระชับกับต้นขานัก โดยเฉพาะเวลาบิดเร็ว และขาต้องหนีบถังให้แน่น
สำหรับเบาะนั่งยาวอยู่ในระนาบเดียวกับผู้ซ้อน และค่อนข้างกว้างพบว่ามันนั่งได้สบายจริง! เบาะอาจจะดูไม่นุ่มเท่ารถประเภท Touring แต่ทว่า การเดินทางไกล มันช่วยให้ไม่เมื่อยก้น เหมือนเบาะเจลนุ่มที่มักยุบตัวเวลานั่งนานๆ
เครื่องยนต์ 1200HT บล็อกเดียวกับ Thruxton R ปรับจูนใหม่ เน้นทอร์ครอบต้น กำลังอัดจาก 11:1 ลดลงเหลือ 10:1 นั่นจึงลดแรงม้าลง 80PS@6,550rpm 105 Nm@3,100rpm ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 Speed แทนที่ T100 และ Street Twin ที่ใช้เพียงแค่ 5 Speed ซึ่งโดยรวมจึงทำให้แรงดึง Engine Brake นั้นน้อยกว่า Street Twin ที่มักพบแรงดึงกลับจังหวะ Shift Down เกียร์ลงจนล้อล็อกดังเอี๊ยดอยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงการส่งกำลังของเครื่องยนต์ดูต่อเนื่องไหลลื่นกว่า
เมื่อติดเครื่องยนต์ จะพบว่าเสียงเครื่องทุ้มแน่นกว่า Thruxton R ที่ดูเสียงแตก T120 จึงมีซุ่มเสียงน่าฟังกว่า
จุดหนึ่งผู้เขียนพบว่าปลอกแฮนด์ดูจะอ้วนไปเสียหน่อยกับคนข้อมือเล็ก ทำให้การจับนั้นอาจดูไม่กระชับมือนัก
ใน T120 จะมี Riding Mode เหลือเพียง 2 โหมด คือ Rain, Road เท่านั้น ซึ่งเราจะมาพูดกันถึง 2 โหมดนี้กันครับ
โหมด Road คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองใกล้เคียงกับ Thruxton R ที่มีอาการหน่วงเล็กน้อย และการขี่ที่ความเร็วรอบต่ำมากๆ อาจต้องเปิดคลอเดินคันเร่งหน่อย โดยเฉพาะช่วงคืบคลานรถติดในกรุง แม้ว่า แรงม้าจะน้อยลงไปอีกเหลือเพียง 80 ตัว แต่ด้วยแรงบิดระดับ 100Nm + ที่ปรับจูนให้รีดออกมาตั้งแต่รอบต่ำ ทำให้ช่วงออกตัวนั้นไม่ได้ดูแย่กว่า Thruxton R แต่อย่างใด ออกตัวแค่กระแทกคันเร่งหน่อยทอร์คก็ถูกเรียกมาให้ใช้พร้อมแซงได้ดั่งใจคิด เครื่องบล็อกนี้ยังคงเด่นที่รอบต้น-กลาง แต่ทว่า T120 นั้นกำลังจะมาไวหมดไวกว่า Thruxton R เราพบว่ากำลังเริ่มดรอปช่วงรอบเครื่อง 6,000rpm+ ขึ้นไป
ถึงกระนั้นก็ตาม การเร่งแซงในขณะเดินทางไกลนั้น ก็ทำได้ใกล้เคียงกัน (ในโหมด Road) ไม่ต้องลุ้นเหนื่อยเมื่อต้องการแซงรถยนต์ที่ย่านความเร็วมากกว่า 120 กม./ชม. เพียงแต่จะพบกับลมที่ปะทะลำตัวมากหน่อยเพียงเท่านั้น และคันเร่งดูจะไม่ติดมือเท่า Sport Mode ใน Thruxton R
Rain Mode ในโหมดนี้คันเร่งจะตอบสนองช้าลง รวมไปถึงมันจะช่วยคุณในจังหวะเปลี่ยนเกียร์ต้น ในช่วงเกียร์ 1-2 ป้องกันไม่ให้ล้อสลิป จนศูนย์เสีย Traction โหมดนี้จะเข้ามาทำงานร่วมกับ TTC ซึ่งหากเจอพื้นถนนที่ลื่นกดเข้าโหมดนี้ เลยเพื่อการคุมคันเร่งที่ดียิ่งขึ้น
ด้านอัตราสิ้นเปลืองนั้น จากการวิ่งมาด้วยกันกับ Thruxton R จะมีตัวเลขเฉลี่ยตามแดชบอร์ดราว 20 กม./ลิตร
ระบบกันสะเทือน โช้คอัพด้านหน้า KYB ขนาดแกน 41 มม. ระยะเคลื่อนตัว 120 มม. ด้านหลังโช้คอัพคู่จาก KYB ปรับ Preload ได้ ระยะเคลื่อนตัว 120 มม. เช่นกัน
การขับขี่รู้สึกว่า ให้ความนุ่มนวลดีกว่า Thruxton R แต่ก็ไม่ยวบย้วยแบบ Street Twin ให้ทรงที่ดูหนักแน่นกว่า ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากน้ำหนักรถร่วมๆ 240 กก. เมื่อเติมของเหลวเต็มคันรถด้วย แต่การเข้าโค้ง และการยึดเกาะถนนอาจไม่เทียบเท่าโช้คอัพในแบบรถสปอร์ต ที่เหมาะจะไปซิ่งเล่นโค้งนัก ร่วมกับซีรีย์ยางที่เน้นขี่แบบชิลๆ เสียมากกว่า
ระบบเบรก ABS หน้า-หลัง ไม่สามารถปิดได้ ด้านหน้าจานดิสก์คู่ขนาด 310 มม. คาลิปเปอร์ 2 สูบ Nissin
จานดิสก์หลังเดี่ยวขนาด 255 มม. คาลิปเปอร์ 2 สูบ Nissin น้ำหนักของปั๊มเบรกนั้นดูเบากว่าของ Thruxton R ที่ดูจะแน่นและหนืดกว่า
โดยรวมการทำงานของเบรก ถือว่าเป็นที่น่าพึงพอใจ การทำงานดูทันท่วงที เบรกดีกว่า Street Twin ที่ใช้จานดิสก์หน้าเดี่ยว ซึ่งในบางครั้งอาจต้องใช้ Engine เข้าช่วย หากคุณไม่ได้ลองขี่ Thruxton R มาก่อน มันจึงทำให้เห็นข้อแตกต่าง จากความละเอียดและน้ำหนักที่ดูแน่นยิ่งกว่า
สรุป Triumph Bonneville T120 ถือเป็นรถคลาสสิคร่วมสมัย ที่รักษากลิ่นอายดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี เครื่อง High Torque ที่ทรงพลัง เหมาะกับการเดินทางไกลได้ดี แม้น้ำหนักตัวจะมาก แต่การขี่ควบคุมนั้นทำได้ดีทีเดียว ถ้าคุณมองหารถคลาสสิคใช้งานทุกวัน เป็นมิตร ขี่สนุก พร้อมตกแต่งได้หลากหลาย Street Twin ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
แต่ถ้ารักรูปลักษณ์ดั้งเดิม และต้องการสมรรถนะในการขับอย่างแท้จริง Bonneville T120 ตอบโจทย์คุณอย่างไม่ต้องสงสัย
จุดเด่น
– รูปลักษณ์ที่โดดเด่น ขับไปไหนก็มีแต่คนมอง
– เครื่อง 1200HT ที่เน้นแรงบิดสำหรับการใช้งานจริง ไม่เน้นแรงม้า
– Riding mode ที่ควบคุมและเปลี่ยนโหมดได้ง่ายใช้งานได้จริง
จุดที่อยากให้มีเพิ่มเติม
– ปิด ABS ได้
– ฝาถังน้ำมันแบบบานพับ ไม่ต้องถือถอดออกมาทั้งชิ้น
ขอขอบคุณ Triumph Motorcycles Thailand สำหรับรถทดสอบ Triumph Bonnevile T120 สี Cranberry Red/Aluminum Silver ราคา 5.3 แสนบาท
ขอบคุณ Danus Hobby Farm ฟาร์มแกะ + Coffee Shop สถานที่แวะพักรถที่ไม่ควรพลาดเก็บบรรยากาศความสวยงาม
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Triumph Bonneville นีโอ-คลาสสิค ดีไซน์อนุรักษ์นิยม เพิ่มเทคโนโลยีทันสมัย "