รีวิว Vespa LX 125 i-Get รถที่ขายดีที่สุดของ Vespa แต่ราคาราคาเฉียดแสน คุ้มหรือไม่?
แม้ว่า Vespa จะเป็นที่นิยมอย่างมากไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยในอดีต แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่ Vespa ได้หายไปจากวงการ ทำให้รถเหล่านั้นทรงคุณค่าขึ้นอย่างมากตามกาลเวลา แต่ก็หาได้ยากขึ้นเช่นกัน
แต่ช่วงที่ผ่านมา Vespa ได้หวนกลับคืนสู่ท้องถนนอีกครั้ง และได้มีการปรับปรุงเครื่องยนต์เรื่อยมา จนได้ออกมาเป็นรถที่เราจะนำมารีวิววันนี้
แม้ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไป แต่ความเท่ยังคงเดิม
ส่วนจะเท่แค่ไหนนั้น วันนี้ 9Carthai จะพาเพื่อน ๆ ไปชมกันครับ
Vespa LX 125 i-Get ราคา
Vespa LX 125 i-Get 93,900.
Vespa LX 125 i-Get Touring 98,200.
Vespa LX 125 i-Get Sand Edition 99,900. (รุ่นที่นำมารีวิว)
รูปลักษณ์ภายนอกโดยรวม
ไฟหน้าทรงกลมแบบดั้งเดิม มีไฟสูงในโคมเดียวกันแต่แยก 2 ชั้นเป็นแบบ LED โดยไฟใหญ่จะอยู่ชั้นล่าง ส่วนไฟสูงจะอยู่ชั้นบน ไฟเลี้ยวอยู่บนชุดบังลมด้านหน้าแบบหลอดไส้ธรรมดา บังลมหน้าเก็บขอบแบบซาตินสีเงิน
รุ่น Sand Edition นี้มาพร้อมกับชิวบังลมความสูงกำลังดีไม่เกะกะสายตา ติดตั้งแข็งแรง ขับขี่ที่ 90 กม./ชม. ก็ไม่สั่นมาก มีสกรีนลาย Vespa ORIGINAL ไว้ทางด้านหน้า
ด้านหน้ามีการตกแต่งด้วยตรา Vespa ตัวนูนสีโครเมียม และตราโรงงานดั้งเดิม PIAGGIO ที่บังแตรตกแต่งด้วยชิ้นงานสีโครเมียม ดูเข้ากันดี
มองจากด้านข้างจะเห็นรูปทรงตัวรถที่ทำให้นึกถึง Vespa ในอดีต ทางซ้ายเป็นระบบเครื่องยนต์ และมีตรา Vespa ตัวนูนสีโครเมียม
ทางขวาจะพบกับพัดลมระบายอากาศและท่อไอเสีย รวมถึงตรารุ่น LX125 แบบตัวนูนสีโครเมียม ดูสวยงามเข้ากับตัวรถ
ด้านท้ายจะพบกับแร็คหลังสำหรับวางสัมภาระสีโครเมียมดูคลาสสิคเข้ากับรถ ซึ่งเป็นของแต่งที่ติดมาให้ในรุ่น Sand Edition นี้ มีไฟท้ายทรงเหลี่ยมล้อมด้วยกรอบโครเมียม ไฟเลี้ยวแยกออกมา 2 ข้างเป็นหลอดไส้ฮาโลเจน
สังเกตที่ขอบล่างของตัวถัง มีการเก็บรายละเอียดด้วยคิ้วชิ้นงานเป็นพลาสติก ดูแล้วชิ้นงานประกบกันไม่แนบสนิท 2 ข้างไม่เท่ากัน (ประกอบที่ประเทศเวียดนาม)
มุมมองผู้ขับขี่
ปลอกแฮนด์ตกแต่งลายพิเศษปั๊มตรา Vespa เมื่อใช้งานให้ความรู้สึกที่กระชับมือดี ทางซ้ายมีสวิตช์ไฟสูง ไฟเลี้ยว และแตร ทางขวามีปุ่มสตาร์ท และปุ่มปรับเมนูบนหน้าจอ
เวลาใช้งานจริงพบว่าตำแหน่งสวิตช์ต่าง ๆ ค่อนข้างอยู่ไกลนิ้ว ทำให้ต้องคลายมือออกจากแฮนด์ (ไม่ปลอดภัย) แล้วเอื้อมมากด เป็นการออกแบบที่ใช้ไม่ถนัดเลยแม้แต่น้อย
เรือนไมล์แบ่งเป็นแบบเข็มด้านบนบอกความเร็ว มีทั้งหน่วย km/h (ตัวใหญ่มองเห็นชัด) และ mph ตรงกลางมีแถบตรา Vespa กั้นไว้
ด้านล่างมีจอดิจิตอลขนาดเล็ก แถวบนสุดบอกระดับน้ำมันคงเหลือ มีทั้งหมด 7 ขีด (1 ขีด = 1 ลิตร) แถวกลางบอกทริปรวม, A, B ซึ่งสามารถเลือกดูได้จากปุ่ม mode ทางประกับแฮนด์ด้านขวา และแถวล่างสุดเป็นนาฬิกา
ด้านข้างจอดิจิตอลมีไฟแจ้งเตือนสถานะต่าง ๆ ไดแก่ ไฟสูง น้ำมันเครื่อง น้ำมันเชื้อเพลิง และไฟเลี้ยว
ในรุ่นนี้ได้มีการใส่ของแต่งเป็นชิวบังลมด้านหน้า ความสูงกำลังดีไม่เกะกะสายตา และช่วยลดแรงลมปะทะที่ลำตัวได้ดี
นอกจากนี้ที่มุมมองผู้ขับขี่จะเห็นกระจกมองหลังทรงกลมกรอบสีโครเมียม สวยงามและคลาสสิคสุด ๆ แถมยังมองได้ชัดมาก ๆ อีกด้วย (รู้สึกชัดกว่ารถตลอดทั่วไป)
ช่องเก็บของด้านหน้า เปิดโดยกดที่เบ้ากุญแจเข้าไป ภายในมีพื้นที่ทางขวาสามารถวางขวดน้ำขนาด 225 มล. ได้พอดี ทางซ้ายมีพื้นที่ใกล้เคียงกัน และมี USB type A มาให้ด้วย แม้ว่าจะดูกว้าง แต่ค่อนข้างตื่น เวลาเปิดหยิบของต้องระวังของหล่น
นอกจากช่องเก็บของทางด้านหน้าแล้ว ยังมีตะขอเกี่ยวสัมภาระอยู่บริเวณหน้าเบาะที่สามารถดึงออกมาเพื่อใช้งานได้ (น้ำหนักไม่ควรเกิน 1 กก.)
กุญแจ เป็นกุญแจไขธรรมดา แต่ฝังชิพป้องกันขโมย ให้มา 2 ดอก ดอกแรกสีน้ำ เงินเอาไว้ใช้ทั่วไป หากทำหายให้นำดอกสีน้ำตาลอีกอันไปทำสำเนาใหม่ (ดอกสีน้ำตาลห้ามทำหาย)
เบาะและที่เก็บของใต้เบาะ
ตัวเบาะของ Vespa LX 125 i-Get มีรูปทรงคลาสสิคแบบทรงอาน เบาะผู้ขับขี่มีความกว้างดีและยาวพอดีตัว ไม่แข็งจนเกินไป ปานหว่างขามาได้ดี ส่วนเบาะผู้ซ้อนกว้างและนุ่มกว่าผู้ขับขี่เล็กน้อย แต่ค่อนข้างสั้นมากเลยทีเดียว
ที่เก็บของใต้เบาะเปิดโดยการไขกุญแจ ซึ่งกุญแจของ Vespa บางคันค่อนข้างไขยาก ไม่สะดวก ควรให้ปุ่มเปิดเบาะมาให้ เพราะ Vespa รุ่นอื่นก็ทำปุ่มเปิดเบาะมาให้แล้ว
บานพับไม่มีสปริงช่วยผ่อนแรง แต่ก็เปิดได้ปกติ ภายในพบช่องเก็บของที่ไม่ได้กว้างมากแต่ค่อนข้างลึก เวลาปิดเบาะไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้หมวกเป็นรอย ใส่หมวกเต็มใบแบบเปิดหน้าได้ 1 ใบ และยังเหลือที่เก็บของเล็กน้อย
ที่พิเศษคือ ช่องเก็บของสามารถยกออกได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย ด้านล่างพบกับเครื่อง ท่อดักอากาศและอุปกรณ์อื่น ๆ ออกแบบให้สามารถซ่อมบำรุงได้ง่าย
แต่มีข้อสังเกตคือความร้อนจากเครื่องจะส่งผ่านขึ้นมา ทำให้ใต้เบาะร้อนมาก ไม่ควรเก็บของที่ไม่ชอบความร้อนไว้ใต้เบาะเด็ดขาด
การเติมน้ำมันทำได้จากใต้เบาะด้านหลัง เป็นฝาพลาสติกและเกลียวพลาสติก ความจุ 7 ลิตร
ข้อควรระวังคือ เวลาเติมน้ำมันให้คำนวณน้ำมันที่จะเติมจากระดับน้ำมันคงเหลือบนหน้าจอ (1 ขีด = 1 ลิตร) เพราะถ้าบอก “เต็มถัง” น้ำมันอาจจะล้นออกมาได้ และเวลาเติมให้เสียบหัวจ่ายให้สุด เพื่อไม่ให้เกิดการกระเซ็นออกมาด้านนอก
ท่านั่งการขับขี่
เบาะมีความสูง 785 มม. ถือว่าค่อนข้างสูงสำหรับ Scooter ในบ้านเรา ผู้ทดสอบสูง 170 ซม. นั่งบริเวณกลางเบาะพบว่าไม่สามารถวางเท้าได้เต็ม ส้นเท้าลอยเล็กน้อย หากอยากนั่งสบายต้องขยับไปทางด้านหลัง ทำให้ส้นเท้าจะลอยมากกว่านี้ แต่ไม่ถึงกับปลายเท้าจิก
ข้างเบาะปาดแคบมาดี ทำให้เวลารถติดเอาขาลงมายันพื้นได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องปรับตัวกับความสูงกันเล็กน้อย
เวลาขับขี่ช่วงขาค่อนข้างสบาย พักเท้าผู้ขับขี่ยาวปรับท่าได้หลากหลาย หรือแม้กระทั่งจะขยับไปวางเท้าตรงที่คนซ้อนก็ทำได้พอดี ไม่รู้สึกติดขัดอะไรเลย พอเบาะสูงแล้วทำให้ช่วงขารู้สึกทิ้งเหยียดไปด้านล่างมากกว่า Scooter ญี่ปุ่นทั่วไป
เบาะมีความเฟิร์มแต่ไม่แข็ง นั่งด้านหน้าไม่ค่อยสบาย แต่ถ้าขยับไปด้านหลังจะนั่งได้เต็มและสบายมากขึ้น ช่วงแฮนด์อยู่ในระยะที่พอดี โดยรวมแล้วหากปรับตัวกับความสูงเบาะได้ ก็ถือเป็นรถที่นั่งได้โอเคระดับหนึ่งเลยทีเดียว
บริเวณพักเท้ามียางกันลื่นมาให้ ใช้งานได้ดี
สำหรับคนซ้อน เบาะไม่แข็งมากความกว้างพอดีแต่ความยาวไม่เยอะ เรียกได้ว่าพอดีตัวเลย ทำให้เวลาซ้อนอาจจะไปเบียดกับผู้ขับขี่ได้ และจุดที่รู้สึกไม่ถนัดเลยคือพักเท้าผู้ซ้อน มีขนาดเล็กแคบ เวลาเหยียบต้องบิดปลายเท้าเข้าไป ไม่ถนัดสุด ๆ
ระบบเบรกและช่วงล่าง
ด้านหน้า เป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 200 มม. ทำงานร่วมกับปั๊มเบรก 2 พอต ไม่มีระบบ ABS มาพร้อมกับโช้คอัพไฮดรอลิคแบบแขนเดี่ยว โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สุด ๆ ล้อหน้าขนาด 110/70 ขอบ 11 นิ้ว
การใช้โช้คอัพแขนเดี่ยวทำให้สามารถโชว์ลายล้อแม็ก 5 ก้านคู่ได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งสปริงโดยใช้สีดำ และมีฝาครอบสีโครเมียมปั๊มลาย Vespa อีกด้วย
ด้านหลัง ให้มาเป็นดรัมเบรกธรรมดา ไม่มีระบบ ABS มาพร้อมกับโช้คหลังสปริงเดี่ยวแบบปรับพรีโหลดได้ 4 ระดับ ล้อหลังขนาด 120/70 ขอบ 10 นิ้ว รัดด้วยยาง tubeless จาก Maxxis ซึ่งไม่ค่อยเกาะถนนเวลาเจอน้ำ
และด้วยความที่ล้อหลังมีขนาดเล็กมาก ทำให้การเติมลมยางที่ล้อหลังทำได้ลำบาก ควรหาของแต่งเป็นจุกเติมลมที่ยืดยาวออกมา จะเติมลมได้ง่ายขึ้น
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ i-Get 1 สูบ 4 จังหวะ 3 วาล์ว ปริมาตรกระบอกสูบ 124.5 ซีซี ระบายความร้อนด้วยพัดลมระบายอากาศ ส่งกำลังแบบ CVT ให้กำลัง 7.6 กิโลวัตต์ ที่ 7,600 รอบ/นาที แรงบิด 10.2 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที
เป็นเครื่องยนต์ที่พัฒนามาใหม่ แก้ปัญหาเบาดับและปัญหาอื่น ๆ ที่เคยมีมาในเครื่องตัวก่อน มีความสมูท นุ่มนวล เงียบ และประหยัดน้ำมันมากขึ้น
การขับขี่
สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงเลยคือความรู้สึกเกี่ยวกับเครื่องยนต์ เป็นเครื่องยนต์ที่สั่นน้อยมาก เครื่องสมูท นุ่มนวล เป็นสัมผัสที่แตกต่างจากค่ายญี่ปุ่นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะใช้ความเร็วเท่าไหร่ก็แทบไม่รู้สึกถึงการสั่นเลย ขับแล้วรู้สึกเพลิดเพลินสุด ๆ
ความสนุกในการขับขี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแรงเพียงอย่างเดียว เพราะแม้ว่าเครื่อง i-Get 125 ตัวนี้จะมีอัตราเร่งที่ไม่รุนแรงมาก แต่ก็เพียงพอสำหรับการเร่งแซงในช่วงความเร็ว 0-80 กม./ชม. โดยใช้เวลา 13 วินาที ไม่ได้เร็วมาก ส่วนอัตราเร่งช่วง 80-100 กม./ชม. อยู่ที่ 19 วินาที Top speed อยู่ที่ 100 กม./ชม.
จากตัวเลขทำให้เห็นว่าเครื่องยนต์ตัวนี้ไม่ได้เน้นอัตราเร่งหรือความเร็วปลาย แต่การขับขี่ก็มีความสนุกในแบบของ Vespa ซึ่งถ้าได้ลองขี่ต้องบอกเลยว่า รู้สึกดีแบบไม่สนใจความเร็วเลยครับ มีความสุขได้อย่างปลอดภัย
อัตราการบริโภคน้ำมันที่ทำได้จากการขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม. และเจอการจราจรที่ติดขัดมาก ทำได้อยู่ที่ 35 กม./ลิตร ไม่ได้ประหยัด แต่ก็ไม่ได้กินน้ำมันจนรับไม่ไหว
ระบบกันสะเทือนต้องบอกเลยว่าคันนี้มีลักษณ์แข็งเฟิร์มแต่ไม่กระด้าง ซับแรงได้ปานกลาง ด้านหน้าเป็นความรู้สึกที่ต่างจากโช้คอัพคู่แบบธรรมดา หากเป็นหลุม รอยต่อเล็ก ๆ หรือลอนคลื่นบนถนนจะซับแรงได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าเจอหลุมใหญ่ ๆ จะค่อนข้างแข็ง แต่สามารถเข้าโค้งแรง ๆ หรือขี่ไม่เกิน 90 กม./ชม. ได้มั่นใจ
ระบบเบรกถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องปรับตัวและเผื่อระยะไว้มากกว่าปกติ เพราะก้านเบรกแข็งกว่ารถญี่ปุ่น ถ้าต้องการเบรกให้หยุดต้องออกแรงมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเบรกด้านหลังรู้สึกชะลอความเร็วไม่ได้มากเท่าที่ควร
การขับขี่ทั่วไปทำได้ดี มุมมองกระจกกว้างทัศนวิสัยดีมาก ที่บังลมที่ติดมาให้ช่วยตัดลมในความเร็วตั้งแต่ 60 กม./ชม. ขึ้นไปได้ดี โดยลมจะไม่ปะทะเข้าลำตัว แต่ยังจะมีลมพัดเข้าศีรษะอยู่ โดยที่บังลมนี้ติดตั้งมาได้แข็งแรงดีไม่มีสั่น
สังเกตว่าการวางขาขณะขับขี่สามารถเลื่อนขยับได้หลากหลาย ขับขี่ทางไกลไม่เมื่อยมาก แต่เบาะขยับได้ไม่มากเท่าไหร่ โดยหากดูทางเบาะคนซ้อนจะพบว่ามีพื้นที่ด้านยาวเหลือน้อยมาก เวลานั่งจริง ๆ ค่อนข้างเบียดผู้ขับขี่ประมาณนึงเลยทีเดียว
การขับขี่ช่วงรถติดทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ ความสูงของเบาะทำให้ไม่ชินในช่วงแรก แต่พอปรับตัวได้ก็สามารถมุดและเปลี่ยนช่องการจราจรได้อย่างคล่องตัว กระจกกลมและแฮนด์ไม่ยื่นเกะกะมาก เครื่องยนต์และคันเร่งควบคุมง่าย ใช้ในเมืองสบาย (แต่ไม่เน้นประหยัดน้ำมันนะ)
เทียบกับรุ่นอื่น ๆ เป็นอย่างไร
ต้องยอมรับว่า Honda และ Yamaha ให้ Option คุ้มกว่าในทุกด้านและมียังมีราคาต่ำกว่าด้วย (แต่เท่กันคนละแบบ)
แม้ว่าแบรนด์ Vespa จะเน้นไปที่ความเท่มากกว่า ทั้งนี้ทีมงานได้รุ่นนำรถรุ่นต่าง ๆ มาเปรียบเทียบเพื่อใช้ในการตัดสินใจแต่ของละคน แม้อาจจะเป็นรถคนละคลาส คนละสไตล์ แต่ก็มีราคาใกล้เคียง/ถูกกว่า จึงนำข้อมูลมาให้รับชมครับ
Yamaha Grand Filano ราคา 64,700 – 69,200 บาท ในรุ่น Top ได้กุญแจ Keyless และเบรก ABS เครื่องยนต์คลาส 125 ซีซีมาพร้อมกับระบบไฮบริดที่มีความประหยัดน้ำมันมากกว่า มีพื้นที่เก็บของใต้เบาะใหญ่กว่า และเติมน้ำมันง่ายกว่า
อ่านรีวิว Yamaha Grand Filano
Yamaha Aerox 155 ราคา 69,900 – 80,900 บาท ในรุ่น Top ได้กุญแจ Keyless และเบรก ABS เครื่องยนต์คลาส 155 ซีซีมาพร้อมกับ วาล์ว VVA เครื่องยนต์แรงกว่า ประหยัดน้ำมันกว่าเล็กน้อย
ดูข้อมูล Yamaha Aerox
Yamaha Nmax 155 ราคา 95,000 – 98,500 บาท ได้เบรก ABS และดิสก์เบรกทั้ง 2 ล้อ ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ในรุ่น Top ได้กุญแจ Keyless เครื่องยนต์คลาส 155 ซีซีมาพร้อมกับ วาล์ว VVA เครื่องยนต์แรงกว่า ประหยัดน้ำมันกว่าเล็กน้อย
มีระบบการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ Y-Connect และมีระบบ Traction control เพิ่มความปลอดภัย เมื่อขับขี่จริงถือเป็นรถที่สบาย ควบคุมง่าย ที่เก็บของเยอะ ใช้งานในเมืองหรือขับทางไกลก็ดี
อ่านรีวิว Yamaha Nmax
Honda LEAD 125 ราคา 58,500 – 59,200 บาท ยังไม่มีเบรก ABS แต่มีช่องเก็บของใต้เบาะใหญ่ที่สุดในคลาส เก็บหมวกกันน็อคได้ถึง 2 ใบ กุญแจ Keyless และมาพร้อมกับความประหยัดน้ำมันได้มากถึง 45 – 50 กม./ลิตร
ดูข้อมูล Honda LEAD
Honda Click125 ราคา 51,900 – 56,900 บาท ยังไม่มีระบบ ABS แต่ให้ความประหยัดน้ำมัน 47 – 50 กม./ลิตร มีหน้าจอแบบ Full Digital และไฟรอบคันแบบ Full LED
Honda Click160 ราคา63,500 – 69,900 บาท ได้เครื่องยนต์ที่แรงกว่า มีเบรก ABS และกุญแจ Keyless ประหยัดน้ำมัน 45 – 47 กม./ลิตร มีหน้าจอแบบ Full Digital และไฟรอบคันแบบ Full LED เน้นใช้งาน ค่าอะไหล่ถูกกว่า
อ่านรีวิว Click 160
Honda PCX 160 ราคา 87,400 – 93,400 บาท นอกจากกุญแจ Keyless ความประหยัดน้ำมัน เบรก ABS และระบบ HSTC แล้ว สิ่งที่ทำให้มีผู้ใช้งานรถนุ่นนี้อย่างมากคืออะไหล่และของแต่งราคาถูก ซ่อมง่ายหาง่าย และมีความคุ้มค่าในการใช้งาน
ดูข้อมูล Honda PCX 160
อีกรุ่นที่เท่ไม่แพ้กันแต่ราคาต่ำกว่า (ประกอบไทย) คือ Lambretta V200 ราคา 107,000 บาท แม้ว่าจะแพงกว่าเล็กน้อย แต่ก็ได้เครื่องยนต์ที่แรงกว่ามากอยู่ระดับนึง แถมได้ความเท่จากแบรนด์อิตาลีไม่แพ้กัน
ดูข้อมูล Lambretta V200
ข้อดี/จุดเด่น
ข้อเสีย/ข้อสังเกต
สรุป
Vespa LX 125 i-Get เป็นรถรุ่นเริ่มต้นของ Vespa ที่ขับขี่สนุกและคล่องตัวแม้ว่าเครื่องยนต์จะไม่ได้แรง แต่สมูท ไม่สั่น รู้สึกดีกับเครื่องยนต์ตัวนี้มาก ถ้าหากทำอัตราบริโภคน้ำมันได้ดีกว่านี้จะดีมาก
ระบบเบรกยังไม่มี ABS และเบรกด้านหลังชะลอความเร็วได้ไม่ดีนัก และถ้าจะให้หยุดก็ต้องกดเบรกทั้ง 2 ข้างแรงกว่าปกติ อาจจะต้องรอให้พ้นรันอินไปก่อน ช่วงแรกควรเผื่อระยะยเบรกไว้สักหน่อย
ช่วงล่างแข็งเฟิร์ม แต่ก็ไม่ถึงกับกระด้าง เป็นช่วงล่างที่ทำให้รู้สึกแตกต่างจากรถทั่วไปโดยเฉพาะทางด้านหน้า หากใครอยากได้ช่วงล่างนิ่ม ๆ ก็หาของแต่งมาเปลี่ยนได้
ต้องทำความเข้าใจ Vespa ว่ามีการทำตลาดแบบ Niche market ตัวถังเหล็ก น้ำหนักเยอะ ซ่อมแพง ต้องจอดให้ดีเพื่อไม่ให้ล้ม/ถูกชนเป็นรอย เติมน้ำมันต้องระวังล้น โดยรวมเป็นรถที่ขี่เพื่อความสนุกเพลินเพลิน ไม่เน้น Option แต่เน้นเท่ มี Community และ Character
อ่านรีวิวรถใหม่ ที่น่าสนใจ…
รีวิว Vespa LX 125 i-Get รถที่ขายดีที่สุดของ Vespa แต่ราคาราคาเฉียดแสน คุ้มหรือไม่?
รีวิว Vespa SPRINT S 150 i-Get ABS เครื่องแรงใช้ได้ แต่ราคาแรงกว่า แล้วมันน่าซื้อไหม?
รีวิว Vespa Primavera Color Vibe 150 i-Get ABS ขับสนุกจริง จนท้าให้ลอง
รีวิว Honda Scoopy Minions Limited Edition ลายใหม่สุดคูล ใช้งานได้คล่องตัวและประหยัดน้ำมัน
รีวิว Yamaha Grand Filano เท่ห์กว่าเดิม มาพร้อมสีใหม่
รีวิว Yamaha Fazzio 2023 เครื่องไฮบริด แรงพอได้ ประหยัดดี
รีวิว Honda LEAD 125 ตัวใหม่ เน้นใช้งาน หน้าตาพิมพ์นิยม
รีวิว Honda Click 160 นำหน้าอย่างจ่าฝูง
รีวิว Yamaha NMAX Connected 2023 เบาะนุ่ม แรงกำลังดี คันเดียวจบทุกเส้นทาง
รีวิว Yamaha Xmax Connected 2023 ขับมันส์ นั่งสบาย ช่วงล่างนุ่มหนึบมาก!!
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Vespa LX 125 i-Get รถที่ขายดีที่สุดของ Vespa แต่ราคาราคาเฉียดแสน คุ้มหรือไม่? "