ทดลองใช้ เจาะลึกเทคโนโลยี Eyesight ใน All-New Subaru Forester ครั้งแรกในไทย คุ้มค่าหรือไม่?
นวัตกรรมโลกยานยนต์ในยุคปัจจุบัน คือการแข่งขันกันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย และความสะดวกสบาย ซึ่งหนึ่งในค่ายรถจากแดนปลาดิบที่ได้ชื่อว่ามีระบบความปลอดภัยสูงสุดอย่าง Subaru ก็ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า Eyesight ที่ติดตั้งครั้งแรกใน All-New Subaru Forester โดยมาพร้อมกับผลการวิจัยที่ชี้ว่าสามารถทำให้อุบัติลดลงถึง 61% (เมื่อเทียบกับรถที่ไม่มีระบบนี้ในประเทศญี่ปุ่น) ส่วนจะใช้งานได้จริง และใช้งานได้ดีแค่ไหน ไปติดตามกันเลย
สำหรับ The All-New Subaru Forester เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยที่งาน Motor Expo 2018 ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ประกอบในโรงงาน Subaru ณ นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ Subaru ที่เพิ่มสูงขึ้น โดย All-New Subaru Forester 2019 คันแรกที่ผลิตในโรงงานที่ประเทศไทย ได้ออกสู่ตลาดในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วนในรุ่นท็อปอย่าง Subaru Forester 2.0iS-Eyesight 2019 ที่เปิดให้คนไทยได้จับจองเป็นเจ้าของกันแล้วนั้น กำลังจะเริ่มส่งมอบล็อตแรก แต่ก่อนที่จะได้สัมผัสกันบนท้องถนน เราไปทำความรู้จัก และทดลองใช้ระบบ Eyesight กันก่อนดีกว่า ว่ามันทำงานอย่างไร? และคุ้มค่าหรือไม่? กับราคาที่ต้องเพิ่มอีก 70,000 บาท ในกิจกรรม Ultimate Test Drive The All-New Subaru Forester 2.0iS Eyesight
ทั้งนี้ในบทความนี้ ขอไม่พูดถึงรายละเอียดต่างๆ ของตัวรถ ขอมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี Eyesight และการใช้งานจริงของระบบ แต่สำหรับใครที่อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ใน เปิดตัว All-New Subaru Forester และ รีวิว All-New Subaru Forester ครั้งแรกที่ไต้หวัน
Eyesight คืออะไร?
Eyesight คือเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่ทำงานผ่านกล้องสเตอริโอ 2 ตัว ที่เปรียบเสมือนดวงตาคู่ที่สอง ที่คอยตรวจจับ และมองเห็นวัตถุบนท้องถนน ซึ่งจะจับภาพแบบสี 3 มิติ ที่มีความละเอียดใกล้เคียงกับสายตามนุษย์มากที่สุด ซึ่งจะเป็นตัวสั่งการ และทำงานร่วมกับ 6 ฟีเจอร์หลัก ได้แก่ ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน (Pre-Collision Braking), ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน (Pre-Collision Throttle Management), ระบบปรับความเร็วรถอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control), ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ (Lead Vehicle Start Alert), ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน (Lane Departure Warning) และ ระบบเตือนเมื่อขับรถส่าย (Lane Sway Warning) นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยเหลืออื่นๆ อีก เช่น ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง (Auto Vehicle Hold) และ ระบบตรวจจับวัตถุ หรือยานพาหนะด้านหลัง
ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน (Pre-Collision Braking)
เทคโนโลยีนี้ถือเป็นไฮไลท์ และเป็นระบบที่ช่วยลดอุบัติเหตุได้ดีที่สุด โดยเมื่อกล้องสเตอริโอ 2 ตัวของ Eyesight จับได้ว่ามีวัตถุด้านหน้า หรือระยะห่างของรถยนต์คันหน้ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการชน ระบบจะทำการส่งเสียงสัญญาณเตือน พร้อมสัญญาณไฟกระพริบที่หน้าปัด เพื่อให้ผู้ขับเตรียมพร้อมที่จะเบรก แต่ถ้าหากไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้ขับ ระบบจะทำการเบรกให้เองโดยอัตโนมัติ (ค่อยๆ เบรก) จนถึงขั้นที่รถจอดสนิท ซึ่งทาง Subaru แนะนำว่าในความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ระบบจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ 100% (ระบบสามารถทำงานได้ในความเร็วไม่เกิน 200 กม./ชม.)
ระบบปรับความเร็วรถอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)
แน่นอนว่าระบบนี้ หลายๆ ท่านคงคุ้นเคยกันดี กับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ตามระยะห่างรถคันหน้า) โดยกล้องสเตอริโอ 2 ตัวของ Eyesight จะตรวจจับวัตถุด้านหน้า หรือรถคันหน้า พร้อมสั่งการไปยังเครื่องยนต์ และระบบเบรก ซึ่งความพิเศษที่แตกต่างจาก Adaptive Cruise Control ของค่ายอื่นๆ ก็คือ ตัวรถจะรักษาระยะห่างที่ตั้งไว้จากรถคันหน้า (สามารถปรับระยะห่างได้) โดยเมื่อมีรถจากเลนอื่นเข้ามาแทรก ตัวรถจะทำการชะลอเบรกให้อัตโนมัติ เพื่อรักษาระยะห่างตามที่ตั้งไว้ และเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ไป ต่อรถจะเร่งความเร็วขึ้นไปยังความเร็วที่กำหนดโดยอัตโนมัติ (สามารถปรับความเร็วที่กำหนดได้) โดยสามารถปรับความเร็วที่กำหนดได้สูงสุด 180 กม./ชม. และเมื่อรถคันหน้าเบรกจนถึงจุดหยุดนิ่ง ระบบก็จะเบรกจนถึงจุดหยุดนิ่งให้โดยอัตโนมัติ (ขณะทำการทดสอบยกขาออกจากแป้นเบรก) และเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว ระบบจะทำการแจ้งเตือน เพื่อให้พร้อมเคลื่อนตัวอีกครั้งหลังจากรถหยุดนิ่ง โดยที่ระบบ Adaptive Cruise Control ยังคงทำงานอยู่ แต่ข้อจำกัดของระบบนี้ก็คือ Eyesight ต้องตรวจจับวัตถุ หรือรถคันหน้าได้อย่างชัดเจน หากทัศนวิสัยไม่ดี แนะนำให้ควบคุมคันเร่ง และเบรกด้วยตัวผู้ขับเองจะดีกว่า
ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน (Pre-Collision Throttle Management)
หากฟังดูจากภาษาที่ทาง Subaru สื่อสาร หลายท่านอาจจะงง แต่ถ้าพูดให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์อัตโนมัติเพื่อไม่ให้ชน โดยเมื่อกล้องสเตอริโอ 2 ตัวของ Eyesight ตรวจจับได้ว่ามีวัตถุ หรือสิ่งกีดขวางอยู่ด้านหน้า และผู้ขับดันใส่เกียร์ D พร้อมเหยียบคันเร่ง ระบบจะส่งสัญญาณเสียง และไฟกระพริบแจ้งเตือนที่หน้าจอ พร้อมกับตัดกำลังเครื่องยนต์ไม่ให้ออกตัวชั่วขณะ (ป้องกันการชน) ซึ่งช่วยป้องกันในกรณีที่เข้าเกียร์ผิด หรือ เผลอไปเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจได้เป็นอย่างดี
ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน (Lane Departure Warning)
ระบบนี้ก็คงเป็นระบบทั่วๆ ไป ที่รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ติดตั้งมาให้พร้อมจากโรงงาน โดยระบบจะทำการส่งเสียง พร้อมไฟเตือนที่หน้าจอ เมื่อ กล้องสเตอริโอ 2 ตัวของ Eyesight จับได้ว่ารถของคุณออกนอกเลน หรือช่องทางเดินรถ แต่จะแค่เตือน และส่งเสียงสัญญาณเท่านั้น จะไม่ดึงพวงมาลัยกลับให้เหมือนแบรนด์ๆ อื่นๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ซึ่งระบบทั้งหมดที่ว่ามานี้ คือไฮไลท์เด่นของ Eyesight ที่ติดตั้งอยู่ใน All-New Forester 2.0iS-Eyesight โดยระบบต่างๆ สามารถเลือกเปิด-ปิดการทำงานได้ โดยระบบ Adaptive Cruise Control สามารถสั่งการเปิด-ปิดได้ที่ปุ่มฟังก์ชั่นบนพวงมาลัย, ส่วนระบบ Pre-Collision Braking และ Lane Departure Warning สามารถเปิด-ปิดได้ที่หลังกล้อง Eyesight ซึ่งจากที่ทีมงาน 9carthai.com ได้ทดลองใช้ และทดสอบระบบต่างๆ ด้วยตัวเอง ก็ยอมรับว่าระบบ Eyesight นั้น สามารถช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ผลจริง แต่ระบบบางอย่างก็มีข้อจำกัดอยู่ เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน (Pre-Collision Braking) นั้น จะทำงานให้แค่ 3 ครั้ง (หลังจากสตาร์ทรถ) ซึ่งถ้าอยากจะให้รีเซ็ทการทำงานใหม่ คือต้องดับเครื่อง และสตาร์ทใหม่ โดยทางทีมงาน Subaru ระบุว่า ปกติแล้ว หากผู้ขับปล่อยให้ระบบนี้ทำงานถึง 3 ครั้ง นั่นเท่ากับว่าผู้ขับไม่มีความพร้อม ซึ่งโดยการขับขี่ปกติแล้วไม่มีใครลืมแตะเบรก จนทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุถึง 3 ครั้งอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ All-New Subaru Forester 2019 มีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่นย่อย ได้แก่
รายละเอียดอุปกรณ์เสริม
เมื่อดูจากราคาจำหน่ายของรุ่น Subaru Forester 2.0i-S Eyesight จะเห็นได้ว่าเพิ่มขึ้นมาจากรุ่น Subaru Forester 2.0i-S ที่ 70,000 บาท แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้รับอย่างเทคโนโลยี Eyesight แล้วนั้น ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่ามากๆ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างแท้จริง และไม่สามารถไปติดตั้งเพิ่มที่ไหนได้ อีกทั้งระบบ Eyesight ของ Subaru Forester เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอัจฉริยะจากรถยนค์ค่ายอื่นนั้น ถือว่าให้มาครบครันที่สุด และมีขีดความสามารถสูงที่สุด แต่ทว่าหากใครที่สนใจจองตอนนี้คงต้องอดใจรอรถกันนานถึง 2 เดือน แต่ถ้าใครไม่รีบร้อน และอยากขับรถที่มีระบบความปลอดภัยสูงสุด แนะนำว่าให้จอง
หากยังไม่เห็นภาพ สามารถรับชม VDO การทำงานของระบบ Eyesight ใน Subaru Forester ได้ข้างล่าง
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " ทดลองใช้ เจาะลึกเทคโนโลยี Eyesight ใน All-New Subaru Forester ครั้งแรกในไทย คุ้มค่าหรือไม่? "