ย้อนอดีตตอนหนึ่งทุ่ม : ตอน Toyota Supra

ย้อนอดีตตอนหนึ่งทุ่ม : ตอน Toyota Supra

1. การเปิดตัวครั้งแรก (1978)
– Toyota Supra เปิดตัวครั้งแรกในปี 1978 ในฐานะรุ่นย่อยของ Toyota Celica โดยใช้ชื่อว่า Celica Supra (หรือ Celica XX ในญี่ปุ่น) ซึ่งเน้นความหรูหราและประสิทธิภาพสูงกว่า Celica รุ่นมาตรฐาน

2. เครื่องยนต์ 6 สูบ
– หนึ่งในจุดเด่นของ Supra ตั้งแต่เริ่มต้นคือการใช้เครื่องยนต์หกสูบ ซึ่งแยกจาก Celica ที่ใช้เครื่องยนต์สี่สูบ มุ่งเน้นที่สมรรถนะที่ดีขึ้น

3. ความเป็นอิสระ (1986)
– ในปี 1986 Toyota Supra ได้แยกตัวออกจาก Celica กลายเป็นรุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการออกแบบและเทคโนโลยีที่เน้นสมรรถนะอย่างชัดเจน

4. MK3 และเครื่องยนต์ 1JZ/7M-GTE (1986-1993)
– Supra เจนเนอเรชันที่ 3 เปิดตัวในปี 1986 มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 7M-GTE และ 1JZ-GTE ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในวงการมอเตอร์สปอร์ตสำหรับศักยภาพในการแต่งเพิ่มแรงม้า

5. MK4 และเครื่องยนต์ 2JZ-GTE (1993-2002)
– Supra เจนเนอเรชันที่ 4 เปิดตัวในปี 1993 มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 2JZ-GTE 3.0 ลิตร ที่กลายเป็นตำนานด้านการแต่งรถในวงการแข่ง ความสามารถในการเพิ่มแรงม้าได้หลายพันแรงม้าทำให้ Supra MK4 เป็นที่นิยมทั่วโลก

6. ตำนานจาก Fast & Furious (2001)
– Toyota Supra MK4 ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลหลังจากปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง “Fast & Furious” ภาคแรก โดยเป็นรถคู่ใจของตัวละครหลัก Brian O’Conner (Paul Walker)

7. หยุดการผลิต (2002)
– Toyota Supra MK4 หยุดการผลิตในปี 2002 เนื่องจากความต้องการของตลาดที่ลดลงและการเปลี่ยนแปลงของมาตรฐานสิ่งแวดล้อม แต่ความนิยมของมันยังคงอยู่

8. การกลับมา (2019)
– Supra กลับมาในเจนเนอเรชันที่ 5 หรือ A90 ในปี 2019 โดยร่วมพัฒนากับ BMW มาพร้อมเครื่องยนต์หกสูบเรียงเทอร์โบจาก BMW B58 ซึ่งเป็นจุดหักเหที่สำคัญในการร่วมมือกับผู้ผลิตเยอรมัน

9. เครื่องยนต์จาก BMW
– Supra A90 รุ่นใหม่นี้ใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร หกสูบเรียงจาก BMW ที่มีการปรับแต่งเพื่อให้ได้สมรรถนะสูงสุดตามมาตรฐานของ Toyota

10. ตำนานมอเตอร์สปอร์ต
– Toyota Supra ยังคงเป็นที่นิยมในวงการมอเตอร์สปอร์ตทั้งในสนามแข่งและการดริฟต์ ความสามารถในการปรับแต่งที่หลากหลายทำให้มันเป็นขวัญใจของนักแต่งรถทั่วโลก

ส่วนสำหรับเจเนอเรชันใหม่ของ Toyota Supra ที่อาจเปิดตัวในอนาคตได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งแฟน ๆ และวงการยานยนต์ทั่วโลก แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีแนวโน้มหลายอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับทิศทางของ Supra ในเจเนอเรชันต่อไป

1. การพัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดหรือไฟฟ้า : หนึ่งในแนวโน้มที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฮบริดหรือไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เนื่องจาก Toyota มีการมุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นในทุกเซกเมนต์ Supra รุ่นใหม่อาจใช้ระบบส่งกำลังไฮบริดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม

2. ความร่วมมือกับ BMW ต่อเนื่อง : เนื่องจากเจเนอเรชันปัจจุบัน (A90) ถูกพัฒนาร่วมกับ BMW ความเป็นไปได้ที่ Toyota จะร่วมมือกับ BMW อีกครั้งในเจเนอเรชันถัดไปก็ยังคงมีอยู่ โดยอาจใช้แพลตฟอร์มหรือเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น

3. สมรรถนะที่เพิ่มขึ้น : เพื่อรักษาความเป็นตำนานของ Supra เจเนอเรชันใหม่จะต้องมีสมรรถนะที่เหนือกว่า โดยอาจมาพร้อมเครื่องยนต์ที่มีกำลังมากขึ้น ระบบแอโรไดนามิกส์ที่ล้ำสมัย และเทคโนโลยีการขับขี่ที่ตอบสนองต่อความต้องการของนักขับที่ชื่นชอบความเร็ว

4. การออกแบบที่ล้ำสมัย : Supra รุ่นต่อไปจะต้องมีการออกแบบที่ดุดันและโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของรถสปอร์ตคลาสสิกที่เป็นที่รู้จัก นอกจากนี้ยังอาจมีการใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่

5. ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติและเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ : Supra เจเนอเรชันใหม่อาจมาพร้อมกับเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติและระบบเชื่อมต่อที่ทันสมัย เช่น ระบบ AI ช่วยในการขับขี่ หรือระบบอินโฟเทนเมนต์ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและแอปพลิเคชันต่างๆ

6. แรงบิดและแรงม้า : Supra รุ่นถัดไปอาจมีการปรับปรุงเรื่องแรงม้าและแรงบิดที่สูงขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักขับสายสปอร์ต ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมรรถนะจะเป็นปัจจัยสำคัญที่คนรัก Supra เฝ้ารอ

แม้ว่าเราจะยังไม่ได้ข้อมูลที่แน่นอนเกี่ยวกับ Supra เจเนอเรชันใหม่ แต่การที่ Toyota มุ่งเน้นไปยังรถยนต์สมรรถนะสูงและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยก็เป็นสัญญาณว่า Supra รุ่นใหม่จะยังคงรักษาความเป็นตำนานของรถสปอร์ตไว้อย่างสมบูรณ์