ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่าน รถยนต์กลุ่มหนึ่งที่เข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องการใช้งานต่อชีวิตคนกรุง คงจะไม่มีรถยนต์รุ่นไหนที่จะตอบสนองการใช้งานในด้านความประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ดีเท่ารถยนต์ที่เกิดขึ้นมาจากความตั้งใจจริงของรัฐที่เล็งเห็นอนาคตราคาน้ำมันที่แพงลิ่ว และวันนี้ที่มันเป็นจริง “อีโค่คาร์” ก็เลยเป็นคำตอบของคนใช้รถยุคใหม่
สงครามรถเล็กกลุ่มอีโค่คาร์ถือเป็นตลาดที่มาแรงมากจนสามารถเห็นผลอย่างชัดทั้งยอดขายไปจนถึง ความสนใจของคนที่กำลังอยากจะซื้อและแม้ในปีนี้จะมีรถยนต์กลุ่มนี้หน้าตาใหม่ๆออกมามากมาย แต่ที่หลายคนสนใจคงไม่พ้นรถจากยี่ห้อ Suzuki ที่วันนี้ปรับ Swift ให้ตอบโจทย์ได้มากยิ่งขึ้นในการยัดเครื่องบล็อกเล็กพลังแรง
เรือนร่างทันสมัย เน้นเข้มอารมณ์สปอร์ต
ซูซูกิ สวิฟท์ อาจจะเป็นรถที่คนไทยคุ้นหน้าตา หลังหลายปีที่ผ่านมา รถรุ่นนี้มาลงตลาดในเมืองไทยประมือในรุ่น 1.5 ลิตรซิตี้คาร์ และได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างด้วย เรือนร่างที่ไม่ซ้ำใคร ดูไม่ใช่รถตลาดจนเกิน และความงามของนที่คล้ายคลึงกับซิตี้คาร์ผลงานค่ายตราพัดฟ้า อย่างMini ก็ทำให้ มันเป็นที่สนใจ จนบางคนหมายมั่นปั้นซื้อมาแต่งโดยเฉพาะเลยทีเดียว
แม้จะดูแล้วไม่ต่างจากเดิม แต่ Suzuki Swift ฉบับ อีโค่คาร์มาพร้อมการนำเสนอเรือนร่างยาว 3850 มม. กว้าง 1695 ม.ม. และสูง 1510 ม.ม แล้วให้ระยะฐานล้อยาว 2,430 ม.ม. เรียกว่าตอบโจทย์การใช้งานอย่างเต็มที่
เรื่องการออกแบบสไตล์เดิมใน swift ถูกนำกลับมาอัพเดทให้มันมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นเก่า แม้ถ้ามองเผินๆ มันอาจจะไม่แตกต่าง แต่ถ้าจอดเทียบแล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่า ความแตกต่างของรถรุ่นนี้ ทั้งเส้นสายเองที่คมมากขึ้น ไฟหน้าที่ดูสปอร์ตยิ่งกว่า เช่นเดียวกับไฟท้ายที่ดูทันสมัย และ ช่วงเอวของรถมีการปรับขยายให้ผายมากยิ่งขึ้น โดยในรุ่น GLX จัดมาลงตัวพร้อมล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว ส่วนรุ่นอื่นจัดล้อกะทะมาให้เผื่อไปใส่ล้อแม็กซ์กันตามใจชอบ
ตรงหน้าคนขับมีมาตรวัดแบบสปอร์ตบอกทั้งรอบเครื่องยนต์และความเร็วรอบครบครัน พร้อมระบบจอแสดงผลให้ข้อมูลต่างๆได้มากมายหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะอัตราประหยัด, ระยะเดินทางที่เหลือ และยังแสดงอุณหภูมิภายนอกได้ คล้ายที่มีรถหรูไม่มีผิด
ในห้องโดยสารตอนหลัง Suzuki Swift จัดวางท่านั่งได้เพียงพอต่อการเดินทาง 5 คน และมีความกว้างพอสมควร ในระยะวางขาที่ถือว่าดีกว่าคู่แข่งในหลายรุ่น ส่วนหนึ่งก็มาจากความยาวของตัวรถนั่นเอง ที่ได้ร่างซิตี้คาร์มาใช้ โดยเบาะหลัง สามารถตอบโจทย์การบรรทุกสัมภาระเต็มพิกัดได้ด้วยการปรับพับเบาะในอัตรา60 /40 ใช้งานง่ายเพียงดึงแล้วผลัก
ได้เวลาลองขับ ชีวิตสั้นๆ กับหนทางในเมือง
หลังจากรับรถมา Suzuki Motor ประเทศไทย ที่อยู่แถวๆอ่อนนุช บททดสอบของเราก็เริ่มขึ้นแทบจะทันทีโดยเราเติมน้ำมันเต็มถังตามสูตร แล้วเราก็ขับขี่ไปๆมาๆ ในเขตเมือง ค่ำคืนวันศุกร์เริ่มต้นกับรถติด แบบหนักหน่วง เราใช้งานรถแบบคนทั่วไป ภาษาไปจ่ายตลาดดูหนังฟังเพลง ช๊อปปิ้ง แบบที่คนเมืองน่าจะทำกัน
เราต้องยอมรับว่า Suzuki Swift เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ด้วยคล่องตัวที่ทำได้เหนือความคาดหมายแม้จะมีเรือนร่างซิตี้คาร์ แต่วิสัยรถคันนี้ถือว่าให้การกะระยะจากฝั่งคนขับที่ง่ายและไม่หลอกตา ช่วยในเรื่องของการควบคุมได้ดั่งใจ มั้วงเลี้ยวแคบสุดสำหรับรุ่น GLX จะมีระยะ 5.2 เมตร แต่ด้วยท้ายรถที่สั้นทำให้ง่ายยิ่งขึ้นในการขับขี่
ภายในดูสปอร์ต พร้อมของเล่นทันสมัย
ภายในห้องโดยสาร ต้อนรับความทันสมัยที่เพียงพกกุญแจในรุ่น GLX นี้ก็ให้ระบบ Keyless Entry มาด้วย เป็นออพชั่นที่หาได้น้อยในรถกลุ่มนี้ โดยระบบนี้ทำงานอย่างเข้าใจง่ายไม่ยากนัก และเมื่อเปิดเข้ามา Swift อีโค่คาร์ ก็ต้อนรับด้วยชุดภายในสีดำ ให้ความสปอร์ตเต็มอารมณ์
คอนโซลหน้าดำดุ รับเข้ากับพวงมาลับมัลติฟังชั่นใช้ควบคุมวิทยุเป็นสำคัญ ส่วนวิทยุที่จัดวางไว้ตรงกลางก็มาพร้อมช่องต่อ USB ที่จัดต่ำไว้ข้างล้างชุดควบคุมแอร์ที่ให้ระบบแอร์อัตโนมัติ มาแบบเสร็จสรรพ ครบครันไม่ต้องคิดอะไรมากมาย
ขุมพลังใต้ฝากกระโปรงขนาด 1.25 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้า ปั่นฝีเท้าสูงสุด 118 นิวตันเมตรตอบสนองอย่างลงตัวด้วยการขับขี่ที่ทรงพลังในเมืองเพียงแตะคันเร่ง เบาๆ รถก็จะออกตัวได้ง่ายดาย แต่หากคุณขับราวๆ 1000- 2000 รอบต่อนาที รถคันนี้จะดูค่อนข้างอืดออกอารมณ์ไปเรื่อย ซึ่งสไตล์นี้คล้ายรถยนต์ยุโรปเน้นความสุขุม แต่เมื่อไรก็ตามที่เราเร่งมากกว่า 3000 รอบต่อนาที รถคันนี้ก็เปลี่ยนบุคคลิกออกไปเน้นในความสปอร์ตเต็มอารมณ์ จนคุณอาจจะลืมไปเลยว่านี่เป็น “อีโค่คาร์”
การขับของเราในเมืองใช้ความเร็วส่วนใหญ่ไม่เคยเกิน 90 ก.ม./ช.ม. ด้วยแนวคิดที่อยากจะรู้อัตราประหยัดที่แท้จริงในเมือง และประกอบกับรถเยอะในช่วงสัปดาห์ที่ทำการทดสอบผลคือ เราสามารถสรุป ตัวเลขอัตราประหยัดได้ 11.6 กิโลเมตรต่อลิตร ในสภาวะขับในป่าคอนกรีต โดยเรามาเติมน้ำมันในถนนพระราม 9 ก่อนออกมอเตอร์เวย์ ได้ระยะทาง 73.4 กิโลเมตร และเราจัดไปทั้งหมด 6.330 ลิตร ได้อัตราประหยัด 11.6 กิโลเมตรต่อลิตร ในสภาวะอภิมหารถติด จากเครื่องยนต์ 1.25 ลิตร ซึ่งที่จริงเราควรจะเรียกว่า 1.3 ลิตรมากกว่า
นอกเมืองวัดจริงกับสภาวะคนเดินทาง
หลังจากเติมน้ำมันเสร็จสรรพ เราก็ได้เวลาสำหรับบททดสอบนอกเมืองของเจ้า Suzuki Swift อีโค่คาร์ ซึ่งความจริงแล้ว เมื่อช่วงเดือนมีนาคมเราได้ขับรถ Suzuki Swift ไปยังปราณบุรีในคาราวานทดสอบกันมาแล้ว ซึ่งแม้จะเกิดมาเป็นรถประหยัดแต่ก็สร้างความประทับใจให้เรา
ครั้งนี้การทดสอบเราไม่ได้ต้องเน้นขับโหดมาก เพราะเราเชื่อว่าหลายคนคงไม่ขับเร็วมากในความเป็นจริง แต่เส้นทางนอกเมืองจะช้าเป็นเต่าคลานก็คงจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงเช่นกัน แม้จะเป็นอัตราเดินทางที่จะสร้างความประหยัดได้ดีที่สุด แต่เราก็เริ่มต้นด้วยความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่อง 1950 รอบเท่านั้น ต่อเนื่องด้วยความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่อง 2100 รอบต่อนาที และ ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่องยนต์ 2300 รอบต่อนาที
การทำงานของเครื่องยนต์ที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้หลายครั้ง อัตราประหยัดวัดผลแบบ Real Time ขึ้นโชว์ตัวเลข 5.0 ลิตร/100 ก.ม. และแทบจะเป็นพื้นฐานสำหรับการขับขี่นอกเมืองเลยก็ว่าได้ จะมีไหวเอน ก็ตอนเร่งแซง เติมคันเร่งลงไปทำความเร็วบ้างเล็กน้อย แต่ก็จะป้วนเปี้ยนราวๆ 5.0-6.2 ลิตร/100 กิโลเมตร
การขับขี่ของเราใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์เป็นสำคัญในการทดสอบ โดยเมื่อทำความเร็วสูงขึ้นปัญหาที่เรามักจะพบในรถเล็กคือช่วงล่างไม่ตอบสนองเหมือนอย่างที่ควรจะเป็นบ้างปลิวลมเปลี่ยนไปตามกระแสต้องคอยคัดพวงมาลัยให้เหนื่อยรู้สึกในการขับขี่ แต่ทั้งหมดนั้นดันไม่เกิดขึ้นใน Suzuki Swift เพราะช่วงล่างของมันให้ความมั่นใจในการขับขี่มากจนรู้สึกเหมือนรถยุโรปมากกว่ารถญี่ปุ่น
แม้ว่าเราจะทำความเร็วสูงขึ้นเรื่อยก็ตาม ไม่เว้นกระทั่งช่วงคอสะพานในมอเตอร์เวย์ที่กระดกต่อเนื่อง เจ้า Swift ก็ไม่มีอาการยวบยาบแต่นิ่งหนึบเกาะแน่น ส่วนการเข้าโค้งก็มั่นใจ แถมไม่มีอาการท้ายไวให้รู้สึกหวาดหวั่นตื่นเต้นเหมือนรถ 5 ประตูบางรุ่น ที่แทบจะกลายเป็นเอกลักษณ์ของรถประเภทนี้ไปแล้ว แถมพวงมาลัยก็ยังจัดว่าค่อข้างจะเฉียบคมใช้ได้
เราใช้เวลาขับบนมอเตอร์จนมาถึงด่านเก็บเงินที่ 2 ซึ่งเราได้ลองทำความเร็วสูงก่อนออกสู่ตัวถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี เราพยายามปั่นฝีเท้าเจ้า Swift โดยการเดินทางครั้งนี้มีผู้ทดสอบ 2 คนพร้อมสัมภาระเล็กๆน้อยๆ เฉลี่ยสูงสุดไม่เกิน 200 ก.ก. ซึ่ง Swift มีพิกัดตัวเปล่าในรุ่น GLX 975 ก.ก และสามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกรวมได้ 1,480 ก.ก. ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ เราคาดว่าจะมีน้ำหนักราวๆ 1,200 ก.ก.
คันเร่งถูเหยียบติดพื้น รอบเครื่องยนต์เริ่มกวาดและมันไปเรื่อยๆจนพ้น 3000 รอบต่อนาที มันยังกวาดได้ไวอย่างต่อเนื่องจนน่าประทับใจยัน 6000 รอบต่อนาที ที่ถูกล็อคเอาไว้ ไม่ให้ไปต่อ และเมื่อเราผ่อนคันเร่งความเร็วเราความเร็วก็ไหลขึ้นตอบสนองอย่างรวดเร็ว เป็นความสะดวกอย่างหนึ่งของระบบเกียร์ CVT มองอีกทีความเร็วทะลุราวๆ 110 ก.ม./ช.ม. ไปแล้วเราเลยกดเร่งอย่างต่อเนื่องเค้นสุดฝีเท้าในพื้นที่ทางราบว่าจะทำความเร็วได้แค่ไหน Swift ปั่นล้ออย่างคล่องแคล่ว จนความเร็ว 160 ก.ม./ช.ม. ส่วนช่วงล่างยังนิ่งเหมือนเดิม แต่พอความเร็วขึ้นมาเกิน 130 ก.ม./ช.ม. เสียงลมเริ่มเล็ดเข้ามาบ้างจนพอสังเกตได้
เราพยายามเค้นต่อจากความเร็ว 160 ก.ม./ช.ม. แต่เราก็พบว่าเป็นเรื่องยากพอตัวที่จะให้ไหลไปถึง 170 ก.ม/ช.ม. เราต้องใช้เวลาพักใหญ่กับถนนโล่งๆ จนท้ายสุดเราปิดจ๊อบที่ 172 ก.ม./ช.ม. ถือว่าเพียงพอแล้วกับรถกลุ่มอีโค่คาร์น้ำหนักเบา
เมื่อครั้งที่แล้วในการขับขี่ Suzuki Swift เรามีโอกาสลองสัมผัสโหมดสปอร์ตกันเล็กๆ ซึ่งเจ้าโหมดนี้จะอยู่ตรงคันเกียร์ในตำแหน่ง Over Drive แต่ที่เราเรียกว่าโหมดสปอร์ตก็เพราะ ที่หน้าจะบอกตัวอักษร S เอาไว้เพื่อให้คนขับทราบตามหลักแล้ว S จะแทนคำว่า Sport
ครั้งแรกที่เรานั้นตื่นเต้น แต่ครั้งนี้ไม่เป็นอย่างงั้น เพราะเริ่มรู้จักรถคันนี้ส่วนหนึ่ง และเป็นการเรียนรู้จริงๆจังมากกว่า ตกลงมันใช่อย่างที่เราคิดหรือไม่ ตามหลักแล้วโหมดสปอร์ตจะเป็นการเพิ่มอำนาจการขับขี่สั่งได้ดั่งใจ และมันก็เป็นเช่นนั้นทันทีแตะปุ่มเล็กๆที่แอบข้างคันเกียร์ เจ้า Swift ก็พุ่งทะยานแทบจะทันทีเร่งฝีเท้าให้อารมณ์สนุกสนานยิ่งขึ้น จนไม่อยากปิดโหมดนี้ แต่เดี่ยวทำไม แอร์ไม่เย็นคนข้างๆ ฝากถามมา ท่ามกลางเมืองไทยอากาศร้อน เราเลยลดความเร็วเกรงจะทำรถพังกลับโรงงานไปเสียก่อน ทว่าไม่นานแอร์ก็กลับมาเย็นฉ่ำเหมือนเดิม
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะใครที่เล่นรถซิ่งจะรู้ดีว่าคอมเพรสเซอร์ระบบปรับอากาศไม่ถูกนักกับรอบเครื่องสูงจัดๆ ใช้เป็นระยะเวลานาน ๆ ทำให้มีแนวคิดการตัดระบบแอร์ออกชั่วคราวยามเร่ง หรือบางคนจะขับให้มันส์ถึงขนาดปิดแอร์ขับยอมร้อนเลยก็มี และ นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใน Swift ในโหมดสปอร์ต ระบบดูเหมือนจะตัดการทำงานของคอมแอร์ออกไปเพื่อลดอัตราการสูญเสียกำลังของเครื่องทำให้วิ่งดีขึ้นอีกหน่อยจากขุมพลังเดิม
ด้านระบบส่งกำลังเองก็ตอบสนองกันแบบถึงขีดสุดลากกันรอบฟาดหลายครั้ง แต่ก็ยังติดขอบเขต 6000 รอบต่อนาทีเหมือนเดิม แต่เมื่อเปิดโหมดนี้การทำความเร็วสูงสุดจะลดลงเหลือเพียง 160 ก.ม./ช.ม. แต่ปิดโหมดนี้ คุณจะสามารถทำความเร็วเท่าเดิม มีลักษณะคล้ายไม่ขึ้นเกียร์สุดท้ายของชุดเกียร์ ซึ่งเราได้ลองอยู่หลายรอบจนตกลงฟันธงว่านี่คือโหมด Overdrive ที่ให้อะไรมากกว่า แต่มันก็เพียงพอที่จะเรียกว่าโหมด Sport เช่นกัน
ได้เวลาสรุปตัวเลข ควงกันตลอดทางเป็นอย่างไร
ต้องยอมรับว่า Suzuki Swift เป็นหนึ่งในรถเชิญแขกของเรา เพราะขับไปที่ไหน ก็มีแต่คนเข้ามาไถ่ถาม ซึ่งในฐานะสื่อมวลชนตัวแทนของเพื่อนๆทุกคนเรายินดีให้ชม ตอบคำถามจากประสบการณ์ขับขี่ของเราไป บางคนขนาดพยายามขับตามเพื่อมาดูรถคันนี้เลยทีเดียว
ไม่ว่ายังไงก็ตามงานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา และ Suzuki Swift เราอยากสารภาพว่าเป็นหนึ่งในรถที่ไม่อยากนำไปคืน แบบว่า “ถูกใจ” แต่ที่สำคัญไปกว่าความเร็วสมรรถนะโดยรวมแล้ว คือความประหยัด นั่นคือจุดประสงค์ที่รถรุ่นนี้เกิดมา ซึ่งจากการขับขี่ของเราที่มีพื้นฐาน 110 ก.ม./ช.ม. เราพบว่าตอนเราส่งคืนรถคันนี้ในมือ Suzuki เราขับมาแล้วกว่า 550.5 กิโลเมตร (เป็นคันแรกที่ใช้น้ำมันไม่หมดถัง) และจากตอนนี้ที่เรากำลังจะจากลาจากข้อมูลของ Trip Meter บอกเราว่า เรายังสามารถขับได้อีก 115 กิโลเมตร ซึ่งเท่ากับเราจะมีระยะทางรวม 665 ก.ม. จากระยะเดินทางด้วยน้ำมัน 1 ถัง ที่มีขนาด 42 ลิตร ดังนั้นตลอดเส้นทางทดสอบที่ทั้งอัดทั้งเค้นความเร็ว และเรื่อยเปื่อย รวมถึงจอดติดเครื่องทิ้งไว้เป็นบางโอกาส เราทำอัตราประหยัดได้ 15.8 กิโลเมตร / ลิตร เป็นตัวเลขที่จะมีให้เห็นแน่นอนเป็นอย่างน้อย
เมื่อมองโดยรวม Suzuki Swift GLX เป็นรถที่เกิดมาเพียบพร้อมทุกออพชั่น และในราคาค่าตัวของมันที่เคาะขายที่ 559,000 บาท ถือว่ามีความคุ้มค่ามากมาย แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องศูนย์บริการที่ยังมีน้อยอยู่มาก เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ถือเป็นสิ่งที่ต้องคิดเช่นกัน
ขอขอบคุณข้อมูล auto.sanook.com
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
อยากซื้อสวิฟ รุ่นGA At. ต้องทำอย่างไรเมื่อยู่ต่างจังหวัด. โทร0856820043. คุณบุ๋ม